วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1229 แย่งเขาไปไม่ได้!
เช้าวันต่อมา โม่จื่อซีตื่นขึ้นมาบนโซฟาและพบซุปแก้เมาวางอยู่บนโต๊ะอาหาร เขายกขึ้นดื่มรวดเดียว
มองไปรอบบ้าน ดูเหมือนว่าเหยาอันฉีจะอุ่นซุปให้เขาก่อนที่เธอจะออกไปทำงาน
โม่จื่อซีสัญญาว่าเขาจะไปรับซิงเจ๋อจากไฮแอทรีเจนซีวันนี้ หลังจากอาบน้ำเสร็จจึงขับรถไปที่บ้าน
หากแต่เมื่อโม่จื่อเหยียนได้ยินว่าโม่จื่อซีจะมารับซิงเจ๋อไป เธอก็สุดแสนจะไม่พอใจ
“ทำไมพี่ไม่ยกเขาให้ฉันล่ะคะ พี่กับพี่เหยามีลูกอีกคนก็ได้นี่นา ให้เสี่ยวซิงซิงเป็นของฉันก็ได้นี่”
โม่จื่อเหยียนหลงรักซิงเจ๋ออย่างถอนตัวไม่ขึ้นเพราะเขาว่าง่ายและน่ารัก…
“ไม่ได้ พี่ต้องพาซิงเจ๋อไปวันนี้”
“พี่ขา หนูทำเพื่อพี่นะคะ เข้าใจไหมเนี่ย ถ้าพี่พาซิงเจ๋อกลับบ้าน พี่เหยาก็จะเอาแต่สนใจลูกชาย ใครจะมามองผู้ชายแก่ๆ อย่างพี่กันล่ะคะ หนูช่วยเปิดโอกาสให้พี่อยู่นะ”
“มีแต่เธอที่ยกเหตุผลข้างๆ คูๆ อย่างนั้น ถ้าเธออยู่บ้านดูแลซิงเจ๋อทั้งวัน ใครจะบริหารไห่รุ่ยล่ะ พี่ละแปลกใจว่าพ่อทนเธอไปได้ยังไง”
ในที่สุดโม่จื่อซีก็จี้ได้ตรงจุด แม้ว่าโม่ถิงจะไม่เคยพูดถึงมัน พี่น้องทั้งสามคนก็ก่อเรื่องให้ถังหนิงเครียดมามาก แค่จากเรื่องนี้ โม่จื่อเหยียนรู้ว่าเธอไม่อาจทำตามใจตัวเองได้
“ก็ได้ค่ะ หนูจะให้ลูกชายพี่คืนก็ได้ แต่ต้องพาเขากลับมาบ่อยๆ นะคะ โอเคไหม”
ซิงเจ๋อเองก็ติดโม่จื่อเหยียนไม่น้อยเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วัน โม่จื่อเหยียนก็ใส่ใจกับหลายชายคนนี้ทุกกระเบียดนิ้ว
“พี่คะ พี่ไม่มีที่นั่งเด็กในรถด้วยซ้ำ หนูจะปล่อยให้ซิงเจ๋อไปกับพี่ได้ยังไง หนูจะขับรถไปส่งพี่และค่อยไปที่ไห่รุ่ยค่ะ”
ประเด็นสำคัญคือการที่ซิงเจ๋อเอาแต่เรียก “น้า คุณน้า” ด้วยเหตุนี้ โม่จื่อเหยียนจึงไม่อาจทำใจแยกจากเขาได้
เมื่อเห็นเธอชอบลูกของเขามากขนาดนี้ โม่จื่อซีไม่มีทางเลือกนอกจากบอก “ถ้าเธอชอบเขามากขนาดนั้น ก็มีสักคนเป็นของตัวเองสิ”
“หนูไม่ได้ชอบเด็กค่ะ หนูแค่ชอบเสี่ยวซิงซิง นี่มันเป็นพรหมลิขิตนะคะ!”
พี่น้องพาเด็กน้อยไปที่บ้านใหม่ของโม่จื่อซี โม่จื่อเหยียนมองสำรวจบ้านและเห็นผ้าห่มที่ยังไม่ถูกพับกองอยู่บนโซฟา เธอหัวเราะออกมาทันที “อย่าบอกหนูนะคะว่าพี่ยังต้องนอนอยู่ที่โซฟาน่ะค่ะ”
“พี่มีทางเลือกอื่นหรือยังไงล่ะ” เขาไหวไหล่
“ต้องบอกว่าสมน้ำหน้าต่างหากค่ะพี่! หนูก็หวังว่าพี่เหยาจะทรมานพี่เล่นเหมือนกัน อย่างนั้นจะทำให้หนูมีความสุขสุดๆ ไปเลย…” เธอเอ่ยก่อนประทับจูบซิงเจ๋อตัวน้อยหลายครั้งและจากไป ทิ้งให้โม่จื่อซีกับลูกชายอยู่กันตามลำพัง
เพื่อทำให้ลูกชายชอบเขา โม่จื่อซีพยายามคุยกับเด็กชายตัวน้อยอย่างใจเย็น หากแต่เป็นธรรมดาที่ผู้ชายจะออกอาการประหม่าเมื่อว่ากันเรื่องดูแลเด็ก โม่จื่อซีจึงไม่เข้าใจว่าซิงเจ๋อชอบอะไรและตีความการกระทำของอีกฝ่ายไม่ถูก สุดท้ายเขาจึงต้องโทรหาเหยาอันฉีเพื่อขอความช่วยเหลือ
เหยาอันฉีเพิ่งผ่าตัดเสร็จ เธอเห็นว่าเป็นสายจากโม่จื่อซีจึงรีบรับทันที “เกิดอะไรขึ้นคะ ยังรู้สึกไม่สบายอยู่เหรอคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมอยากรู้ว่าซิงเจ๋อเขาทำยังไงเวลาหิวหรือง่วงน่ะครับ ผมดูไม่ออกเลย!”
ในฐานะคุณพ่อมือใหม่ เป็นเรื่องยากที่โม่จื่อซีจะเคยชินกับหน้าที่นี้
ทุกอย่างแปลกไปหมด สิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่มีสายเลือดเดียวกันกับเขาไหลเวียนในร่างกาย ช่างน่าพิศวงเหลือเกิน
“ถ้าเขาหิวเขาจะจ้องขวดนมค่ะ ถ้าเขาง่วงเขาก็จะหลับตาและผล็อยหลับไปเองค่ะ”
“อ๋อ… เข้าใจแล้วครับ ผมจะรอคุณกลับบ้านมาช่วยผมนะครับ”
เมื่อเธอได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา สร้างความประหลาดใจให้กับนางพยาบาลผู้ช่วย “คุณกำลังยิ้มเหรอคะ หมอเหยา”
“ฉันเหรอ ฉันทำอย่างนั้นเหรอคะ”
อีกฝ่ายพยักหน้าให้ “ฉันเห็นกับตาเลยนะคะ ช่วงนี้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นที่บ้านหรือเปล่าคะ”
“ก็ไม่นะ”
“คุณน่าจะยิ้มให้บ่อยกว่านี้นะคะ คุณดูดีเวลายิ้มออกค่ะ”
เหยาอันฉีพยักหน้าก่อนจะกลับไปมีท่าทีจริงจัง หากแต่ทุกครั้งที่เธอนึกถึงภาพโม่จื่อซีอยู่กับซิงเจ๋อตามลำพัง เธอก็จินตนาการออกว่ามันคงจะตลกมากแน่ๆ
การได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อจำได้ว่าพวกเขามีเรื่องสุ่มเสี่ยงที่ต้องซ่อนเร้นมากมายก็กลับมาทำตัวเย็นชาอีกครั้ง
อย่างไรเสียเธอก็ยังไว้ใจโม่จื่อซีไม่พอ!
…
ในขณะเดียวกันเฉินจิ้งหรงยังคงตามหาตัวผู้หญิงที่เธอเห็นจากภาพกล้องวงจรปิด แต่หลังจากตามหาและสอบถามไปทั่วอยู่พักใหญ่ เธอก็ยังไม่ได้เบาะแสใดๆ
เฉินจิ้งหรงรู้ว่าเพื่อนสนิทของโม่จื่อซีต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และดูออกว่าพวกเขาจงใจเก็บเป็นความลับกับเธอ
ด้วยเหตุนี้เธอจึงคว้าตัวชายคนหนึ่งมาและถามเขาเรื่องโม่จื่อซี
“จิ้งหรง ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอกเธอหรอกนะ แต่จื่อซีก็พูดชัดเจนแล้ว ตามตื๊อต่อไปอย่างนี้ก็ไม่มีผลดีอะไรกับเธอเหมือนกันนะ”
เธออดไม่ได้ที่จะเหยียดยิ้มกับคำตอบนี้ “เขาพูดชัดเจนงั้นเหรอ เขาไม่เคยบอกฉันว่าเขานอกใจไปหาผู้หญิงคนอื่นสักครั้ง เขาแค่เขี่ยฉันทิ้งเท่านั้นแหละ นายเรียกมันว่าชัดเจนงั้นเหรอ”
“เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดหรอกนะ” เพื่อนของเขาอธิบาย “เธอต้องทำให้ตัวเองดูแย่เพราะความจริงถึงจะยอมแพ้เหรอ”
“มันทำให้ฉันดูแย่ตรงไหนกัน” เฉินจิ้งหรงดื้อแพ่งไม่เลิก “โม่จื่อซีเลิกกับฉันไปคบกับผู้หญิงคนอื่น ฉันจะแย่ไปกว่าเขาได้ยังไงกัน”
“เมื่อสี่ปีก่อนเธอไม่ได้แค่ทำร้ายจื่อซี คิดดูบ้างสิว่าการกระทำของเธอมันไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงอีกคนไม่ใช่เหรอ เธอครอบครองจื่อซีอย่างเห็นแก่ตัวและทิ้งให้แม่ลูกไม่มีใครเหลียวแล เธอเป็นฝ่ายที่ทำเรื่องผิด เธอไม่มีสิทธิ์ไปตามตื๊อจื่อซีและไม่ปล่อยเขาไปนะ”
ผู้หญิงอีกคนอะไรกัน แม่ลูกอะไรกัน พูดมาให้ชัดเจนนะ” เฉินจิ้งหรงถามอย่างเกรี้ยวกราด
“เลิกถามสักที ถามไปก็มีแต่จะทำให้เธอรู้สึกแย่” เขาเอ่ยก่อนผลักเธอออกและปิดประตูใส่หน้า
เฉินจิ้งหรงไม่ยอมแพ้ เธอจึงไปหาเพื่อนของเขาอีกคน หากแต่ครั้งนี้เธอฉลาด
เธอบอกทันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตู “ฉันรู้ว่าฉันทำกับผู้หญิงอีกคนอย่างไม่เป็นธรรม ฉันอยากจะไปหาจื่อซีจะได้ขอโทษเขาด้วยตัวเอง”
“จิ้งหรง มันก็ดีที่เธอคิดอย่างนี้นะ แต่ฉันไม่ใจว่าจื่อซีไม่อยากให้เธอไปรบกวนแม่กับลูกชายเพราะเหตุผลนี้หรอก”
“นายกำลังบอกว่าผู้หญิงที่หลับนอนกับโม่จื่อซีเมื่อสี่ปีก่อนมีลูกชายอย่างนั้นเหรอ
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ใช่ไหม ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ”
“ฉันไม่มีความเห็น”
หากเป็นเช่นนั้นก็แก้สถานการณ์ได้ง่ายแล้ว
มีเพียงไม่กี่คนที่มางานเลี้ยงเมื่อสี่ปีก่อน เธอแค่ต้องถามและดูว่าใครที่มีลูกแล้วก็จะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
เฉินจิ้งหรงนึกไม่ถึงว่าเธอจะถูกเปิดโปงเพราะผู้หญิงคนนี้มาหาโม่จื่อซีและแย่งเขาไป!
แต่ไม่ได้… ใครจะแย่งเขาไปไม่ได้ หากจื่อซีทิ้งเธอไปเพราะผู้หญิงคนนี้มีลูก อย่างนั้นเธอก็มั่นใจว่าเธอจะเอาเขากลับมาได้!
อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าตัวเองเข้าใจโม่จื่อซี!