วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1231 เมื่อก่อนคุณรสนิยมแย่ชะมัด
ทั้งสองยังคงนอนแยกห้องกันในคืนนั้น เหยาอันฉีนอนในห้องนอนใหญ่กับซิงเจ๋อ ในขณะที่โม่จื่อซีนอนที่ห้องนอนแขก
เขานึกย้อนถึงทุกอย่างที่เขาผ่านมากับเฉินจิ้งหรงตลอดสี่ปีขณะนอนหนุนมือตัวเองต่างหมอน เขาไม่เคยนึกถึงเรื่องในอดีต หากแต่ตอนนี้เมื่อมาคิดดูดีๆ ดูเหมือนจะมีคำโกหกอยู่ทั่วทุกมุม
ทุกอย่างเป็นภาพฝันที่เฉินจิ้งหรงสร้างขึ้นมา น่าเสียดายที่สุดท้ายฝ่ายหนึ่งต้องตื่นขึ้นมาจากความฝันของพวกเขา
ในทางกลับกันเมื่อเขานึกถึงเหยาอันฉี และสิ่งที่เธอทุกข์ทรมานเพราะเขามาตลอดหลายปี เขารู้สึกราวกับติดค้างเธอกับซิงเจ๋อมากเหลือเกิน
เช้าวันต่อมาทั้งคู่พาซิงเจ๋อไปที่สำนักงานกิจการพลเรือนเพื่อขอเอกสารรับรองอย่างเป็นทางการ ด้วยหน้าที่การงานที่พิเศษ โม่จื่อซีได้เอาจดหมายอนุมัติการแต่งงานจากหัวหน้าของเขามาด้วย
“ลูกของคุณโตขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงได้มาจดทะเบียนเอาป่านนี้ล่ะครับ” เจ้าหน้าที่ถาม สิ่งสำคัญที่สุดคือเธอต้องการถามโม่จื่อซีว่าทำไมถึงได้ทิ้งระยะนานนักกว่าจะมารับผิดชอบ
เขาหัวเราะขณะมองหน้าเหยาอันฉีก่อนตอบ “ก่อนหน้านี้ผมหลงผิดไปมากน่ะครับ แต่ตอนนี้คิดได้แล้ว”
เจ้าหน้าที่มองหน้าเขาก่อนจะยื่นทะเบียนสมรสให้พวกเขาในท้ายที่สุด
ความจริงแล้วทั้งสองคนกำลังอยู่บนเดินทางที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับถังหนิงและโม่ถิง
แต่แน่นอนว่าโม่ถิงกับถังหนิงแต่งงานกันโดยที่ไม่ได้รักกันมาก่อน ความจริงแล้วพวกเขาไม่ค่อยรู้จักกันด้วยซ้ำ
เทียบกันแล้วอย่างน้อยโม่จื่อซีกับเหยาอันฉีก็ยังมีลูกด้วยกัน
ทว่าแม้ดูผ่านๆ พวกเขาจะเป็นคู่แต่งงานกันก็ยังมีปัญหาอีกมาให้ต้องปรับแก้ โม่จื่อซีไม่ได้รีบร้อน อย่างไรเขาก็มีเวลาทำความรู้จักเหยาอันฉีอีกทั้งชีวิต
หลังจดทะเบียนสมรสกัน เหยาอันฉีรีบกลับไปทำงานที่โรงพยาบาล แน่นอนว่ามีทะเบียนสมรสเล่มแดงอยู่ในกระเป๋าของเธอ
เมื่อวานนี้เฉินจิ้งหรงสร้างเรื่องวุ่นวายใหญ่โต แล้ววันนี้เหยาอันฉีก็แต่งงานกับโม่จื่อซี เหตุผลไม่ได้ซับซ้อนมากไปกว่าโม่จื่อซีตัดสินใจทิ้งเฉินจิ้งหรงอย่างเด็ดขาดแล้ว
เหยาอันฉีรู้ดีว่าสิ่งที่กระตุ้นคือคำโกหกนับไม่ถ้วนที่เฉินจิ้งหรงบอกกับโม่จื่อซี ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ ในเมื่อรู้ตัวดีเธอจึงตัดสินใจทำเหมือนเฉินจิ้งหรงไม่มีตัวตนอยู่
“หมอเหยาคะ ระหว่างที่คุณลาช่วงเช้า เฉินจิ้งหรงมาก่อเรื่องอีกแล้วนะคะ” พยาบาลผู้ช่วยของเธอเอ่ยอย่างลำบากใจ “เธออาจจะมาอีกตอนบ่ายก็ได้นะคะ…”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทำหน้าที่ของคุณไปแล้วกันค่ะ” ทันทีที่เหยาอันฉีกลับมาที่โรงพยาบาล เธอเย็นชาเช่นเคยและทำงานอย่างจริงจัง
นางพยาบาลพยักหน้าให้ แต่เธอเป็นห่วงว่าหมอเหยาจะเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเฉินจิ้งหรง แล้วสุดท้ายคนจะเข้าใจผิดเข้า
เหตุการณ์เช่นนี้น่าอับอายขายหน้าในวงการทหาร ดูเหมือนว่าเฉินจิ้งหรงจะยอมเสียสละทุกอย่าง
หากแต่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ยังไม่ได้ดั่งใจเธอ
ถึงเหยาอันฉีกับโม่จื่อซีจะมีสัมพันธ์ทางกายกัน แต่เธอก็เป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขามาสี่ปี…
สี่ปีเทียบไม่ได้กับหนึ่งคืนเลยหรือ
เธอมองข้ามเหตุผลที่แท้จริงที่เขาบอกเลิกเธอไปเสียสนิท ถึงอย่างไรความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา หากคนเราไม่จริงใจ จะสิบปี ยี่สิบปี หรือแม้แต่สามสิบปีมันจะมีค่าอะไรกัน
ทว่าเฉินจิ้งหรงรู้สึกว่าเธอทุ่มเททุกอย่าง เธอทำจนถึงขั้นที่โกหกโม่จื่อซี
เธอยอมทำถึงขนาดนี้ แล้วเหยาอันฉีล่ะ โชคร้ายที่กาลเวลากำลังจะบอกเธอว่าเธอกำลังโกหกตัวเอง
…
หลังจดทะเบียนสมรสกับเหยาอันฉี โม่จื่อซีรู้ว่าเขาไม่อาจเมินเฉยเรื่องของเฉินจิ้งหรงได้อีกต่อไปจึงคิดต่อหัวหน้าของเขา
หัวหน้าได้ยินข่าวที่เฉินจิ้งหรงไปก่อเรื่องที่โรงพยาบาล เขาถึงกับถอนหายใจออกมา “เฉินจิ้งหรงคนนี้ทำให้ทั้งวงการทหารต้องอัปยศ! ไม่ต้องห่วง ฉันจะไปพูดกับเธอเอง เธอเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ถึงเวลาที่ต้องเด็ดขาดกับเธอแล้ว”
เฉินจิ้งหรงรู้ว่าเธอจะถูกเรียกมาคุยไม่ช้าก็เร็ว แต่เธอเชื่อว่าเธอทำได้ทุกอย่างเพื่อโม่จื่อซี
“เฉินจิ้งหรง โอ้ เฉินจิ้งหรง เธอจะทำให้เรื่องยืดเยื้อไปถึงไหนถึงจะยอมแพ้”
“หัวหน้าคะ ฉันต้องการให้โม่จื่อซีมาพบฉันค่ะ!” เฉินจิ้งหรงเอ่ยเสียแข็ง “ไม่อย่างนั้นฉันจะก่อเรื่องต่อไปนะคะ”
“เธอเป็นทหารประเภทไหนกัน รู้จักกฎระเบียบบ้างไหม เพราะเรื่องไร้สาระของเธอ ตอนนี้ทางโรงพยาบาลจะมองเรายังไง
“เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกฐานทัพเจ็ดวัน ถ้าเธอไปก่อเรื่องที่โรงพยาบาลอีก เธออาจได้กลับบ้าน ฉันจะให้เธอเป็นอิสระไปตลอดกาลจะได้ไปตามหาโม่จื่อซีได้มากเท่าที่เธอต้องการไง”
เฉินจิ้งหรงร้องไห้ขณะที่เดินออกมาจากห้องทำงานหัวหน้า เขาไม่มีทางเลือกนอกจากทำเช่นนี้เพราะเธอหัวแข็งเกินไป
อย่างไรโม่จื่อซีกับเหยาอันฉีก็แต่งงานกันแล้ว เธอจะไปคุกคามพวกเขาไม่เลิกได้อย่างไรกัน
ในขณะเดียวกันที่โรงพยาบาล เหยาอันฉีคิดว่าเฉินจิ้งหรงจะมาป่วนอีกเธอจึงเตรียมตัวลู้กลับ แต่ก็ต้องแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ได้โผล่มา
สุดท้ายจึงได้รู้ว่าเจ้าตัวถูกกักบริเวณไม่ให้ออกนอกฐานทัพเจ็ดวัน
แม้จะเป็นเพียงการคาดเดา เหยาอันฉีก็รู้สึกว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับโม่จื่อซี
คืนนั้นเมื่อเธอกลับถึงบ้าน โม่จื่อซีกำลังเต้นอยู่กับซิงเจ๋อ เหยาอันฉีหลุดขำออกมาทันทีกับภาพที่เห็น
เขาเดินไปปิดเพลงเด็กที่ดังมาจากโทรทัศน์อย่างเขินอายเมื่อเห็นเธอยืนอยู่หน้าประตู “เอ่อ ผมคิดว่าคุณจะกลับมาดึกกว่านี้ซะอีกครับ”
“วันนี้ไม่ค่อยยุ่งน่ะค่ะฉันเลยออกมาเร็วหน่อย” เธอยังมีเวลาไปซื้อของระหว่างทางกลับบ้านด้วยซ้ำ
เขาแปลกใจไม่น้อย “คุณทำอาหารเป็นเหรอครับ”
“แล้วฉันจะประทังชีวิตได้ยังไงล่ะคะ ดูแลซิงเจ๋อไปนะคะ อาหารเย็นจะพร้อมในอีกครึ่งชั่วโมงค่ะ”
โม่จื่อซีเลือกกินเป็นพิเศษ อย่างไรทั้งถังหนิงกับโม่ถิงก็มีฝีมือการทำอาหารชั้นเลิศ ทำให้พี่น้องตระกูลโม่ยอมรับอาหารนอกบ้านได้ยาก
มือของเหยาอันฉีเคยชินกับการจับมีดและกรรไกรผ่าตัด มันจึงดูแปลกตาที่เห็นเธอถือมีดทำครัว
“ใช่แล้วค่ะ เฉินจิ้งหรงถูกกักบริเวณในฐานทัพ คุณได้ยินเรื่องนี้หรือยังคะ”
“จริงเหรอครับ” โม่จื่อซีถาม “ผมว่าคงเป็นเพราะเธอทำให้ภาพลักษณ์ของทหารเสื่อมเสีย”
“จริงๆ ฉันไม่ได้กลัวเธอหรอกนะคะ ยังไงเราก็ต้องเจอกันอีกวันยังค่ำ…” เธอบอกพลางมองเขาที่กำลังอุ้มซิงเจ๋ออยู่ แต่เมื่อเห็นจุกนมในปากของลูก เธอก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี “ซิงเจ๋อไม่ได้ใช้มันมานานแล้วนะคะ…”
“จริงเหรอ ผมไม่มีประสบการณ์น่ะครับ” เขาดึงจุกนมออกมาทันที
แต่เมื่อเขาทำเช่นนั้น ซิงเจ๋อก็เริ่มร้องไห้ออกมา
โม่จื่อซีพยายามปลอบเขา แต่สุดท้ายก็มองหาเหยาอันฉีอย่างจนปัญญา เธอหัวเราะและหยิบจุกนมกลับเข้าปากซิงเจ๋อก่อนที่เจ้าตัวแสบจะหยุดร้องทันที
“คุณไม่ได้บอกว่าเขาเลิกใช้มันเหรอ”
“คุณเชื่อด้วยเหรอ” เธอถามกลับ
“ถ้าผมไม่เชื่อฟังภรรยาแล้วจะไปเชื่อฟังใครล่ะ” เขาว่า
เธอถอนหายใจออกมาขณะวิจารณ์ออกมา “เมื่อก่อนคุณรสนิยมแย่ชะมัดเลยค่ะ”