วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1238 เดี๋ยวนายแต่งงานก็รู้เองนั่นแหละน่า
เหยาอันฉีพักอยู่ที่บ้านทั้งวันก่อนจะกลับไปทำงานที่โรงพยาบาล แม้ว่าขาของเธอจะยังรู้สึกอ่อนแรงอยู่บ้าง
หากแต่เธอก็ดีใจที่ในที่สุดเธอกับโม่จื่อซีก็รู้ใจกันและกัน และไม่มีเฉินจิ้งหรงมาคั่นกลางระหว่างพวกเขาอีก
เมื่อนึกย้อนไปถึงความร้อนเร่าของพวกเขาที่ได้พานพบในคืนก่อน เหยาอันฉีหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เธอนึกไม่ถึงว่าเขาจะทำตามใจปรารถนาและไม่ยับยั้งตัวเองแม้แต่น้อย
ชายคนนี้ดูทั้งใสซื่อและสุภาพ แต่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาเมื่อว่ากันเรื่องผู้หญิง
ไม่นานหลังจากนั้น เหยาอันฉีได้รับสายจากถังหนิงให้เธอพาซิงเจ๋อไปทานมื้อเย็นที่บ้าน เมื่อรู้ตัวว่าเธอเองไมได้แวะไปเยี่ยมไฮแอทรีเจนซีตั้งแต่ย้ายบ้าน เธอก็ตอบรับคำชวนของถังหนิงด้วยความยินดี อย่างไรโม่จื่อเหยียนก็อยากเจอหน้าซิงเจ๋อเต็มที แม้ว่าจะผ่านมาเพียงไม่กี่วัน เธอก็คิดถึงเขาแทบบ้า!
หลังจากเลิกงาน เหยาอันฉีจึงพาซิงเจ๋อไปที่ไฮแอทรีเจนซีกับเธอ
ในขณะเดียวกัน เฉินจิ้งหรงสืบหาข้อมูลของเหยาอันฉีอย่างระมัดระวังอยู่ที่โรงพยาบาลปักกิ่ง หลังจากเธอกลับไปที่โรงแรมและได้สำเนาภาพกล้องวงจรปิดมา ถึงได้เห็นว่ารูปร่างหน้าตาชายคนนั้นคล้ายคลึงกับโม่จื่อซีมาก เธอจึงได้เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นโม่จื่อซีในคืนนั้น
ในเมื่อเหยาอันฉีกับโม่จื่อซีคบกันเพราะมีลูกชาย เฉินจิ้งหรงคิดเอาเองว่าพวกเขาคงไม่ได้รักและเชื่อใจกัน ด้วยความคิดเช่นนี้ เฉินจิ้งหรงเชื่อว่าแผนเพียงเล็กน้อยก็คงเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเลิกกัน ในกรณีที่แย่ที่สุดเธอก็ยอมพังไปด้วยกัน
หลังจากวางแผน เฉินจิ้งหรงเที่ยวตามหาผู้ชายที่พาเธอออกไปจากบาร์ ยังดีที่ผู้ชายคนนั้นเป็นสุภาพบุรุษไม่ฉวยโอกาสกับเธอ ด้วยเหตุนี้เธอจึงไปที่บาร์ในคืนนั้นอีกครั้ง
เหยาอันฉีไม่รู้ว่าเฉินจิ้งหรงวางแผนไว้ เธอทำเพียงพาลูกชายตัวเองกลับไปที่ไฮแอทรีเจนซี
เมื่อเธอเห็นว่าเหยาอันฉีค่อยๆ เข้ากับบ้านตระกูลโม่ได้ ถังหนิงพอเดาออกว่ามีความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ของเธอกับโม่จื่อซี
“พระเจ้าช่วย เสี่ยวซิงซิง น้าคิดถึงหนูแทบแย่!” โม่จื่อซีอุ้มซิงเจ๋อไว้ในอ้อมแขนทันที
“คุณน้า…” ซิงเจ๋อเรียกออกมาอย่างว่าง่าย
โม่จื่อเหยียนสุขล้น แทบรู้สึกราวกับตัวเองอยู่ในสรวงสวรรค์ “คนดีของน้า น้ารักหนูจังเลย…”
ถังหนิงดึงเหยาอันฉีมาอีกด้านและจับเธอนั่งลง ก่อนถามถึงสถานการณ์ล่าสุดของเธอ เหยาอันฉีคิดว่าตระกูลโม่คงไม่รู้ว่าเธอกับโม่จื่อซีจดทะเบียนสมรสกันแล้ว
เธอต้องการปล่อยให้โม่จื่อซีเป็นคนป่าวประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงไม่ได้พูดถึงมัน กลับเล่าเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นคร่าวๆ และบอกว่าซิงเจ๋อสบายดีให้ถังหนิงรู้
ทว่าถังหนิงเป็นคนหูตาไว
เธอจะไม่ทันสังเกตรอยแดงที่ลำคอของอีกฝ่ายได้อย่างไร
เธอดีใจที่ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น และหวังว่าเหยาอันฉีจะยอมรับตระกูลโม่หมดทั้งใจ
ถังหนิงพาเหยาอันฉีมาที่ห้องทำงานและยื่นแหวนที่เธอเตรียมไว้ให้ “ฉันเตรียมแหวนนี้ไว้ตั้งแต่ที่รู้จักเธอ รอเวลาที่จะให้มันกับเธอ… แล้วก็รู้ว่าเวลานั้นมาถึงแล้ว”
“คุณน้า…”
“เธอยังเรียกฉันว่าคุณน้าอีกเหรอ” ถังหนิงส่งสายตาให้อีกฝ่ายมองลำคอตัวเอง
เหยาอันฉีเข้าใจคำบอกใบ้ของเธอก่อนปกปิดคอตัวเองอย่างเคอะเขิน
“ฉันปฏิบัติกับเธอในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัวมานานแล้ว และก็คิดว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ของฉัน การได้เห็นเธอกับโม่จื่อซีลงหลักปักฐานด้วยกันเป็นสิ่งที่ทั้งครอบครัวหวังไว้” ถังหนิงบอกก่อนวางกล่องแหวนเพชรในมือของเหยาอันฉี “ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันหวังว่าเธอจะเชื่อใจจื่อซี เขาไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังหรอกนะ”
เหยาอันฉีมองกล่องในมือและรู้สึกซาบซึ้งใจ “คุณแม่คะ…จื่อซีกับฉันแต่งงานกันแล้ว และก็ปรับความเข้าใจทุกอย่างกันเรียบร้อยแล้วค่ะ ฉันแค่หวังว่าจะได้อยู่อย่างมีความสุขกับเขา ไม่ได้ต้องการของสิ่งของอย่างนี้หรอกค่ะ ฉันรู้ว่าคุณแม่หวังดี แต่ว่างานของฉันสวมเครื่องประดับไม่ได้…ฉันหวังว่าคุณแม่จะรับคืนไปนะคะ”
“นี่เป็นของขวัญที่แม่สามีให้ลูกละใภ้ เธอปฏิเสธไม่ได้นะ”
ถังหนิงยินดีสุดซึ้งที่โม่จื่อซีปรับความเข้าใจกับเหยาอันฉีได้
ดังนั้นต่อหน้าทั้งครอบครัว เธอจึงได้ประกาศว่าตัวเองมีลูกสะใภ้คนใหม่ และโม่จื่อเหยียนนั้นได้มีพี่สะใภ้คนโตแล้ว!
เหยาอันฉีรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเมื่ออยู่ที่บ้านตระกูลโม่ เพราะคนในครอบครัวทำให้เธออบอุ่นใจอยู่เสมอ
เธอรู้สึกสุดแสนจะโชคดี อย่างไรพระเจ้าก็ได้ประทานสิ่งที่ดีที่สุดมาให้เธอ
แต่ด้วยโม่จื่อเหยียนโปรดปรานซิงเจ๋อมากเหลือเกิน เหยาอันฉีจึงตกลงปล่อยให้เขาอยู่ที่บ้านตระกูลโม่สักพักหนึ่ง
โม่จื่อเหยียนดีใจมากเสียจนกระโดดขึ้นมา บอกว่าจะออกไปซื้อของเล่นให้หลายชายแม้ว่าจะดึกมากแล้วก็ตาม
เหยาอันฉีเบาใจลง คืนนั้นเธอพักที่บ้านตระกูลโม่ นอนหลับในห้องของโม่จื่อซี ภายในห้องนั้นบรรจุความทรงจำในวัยเด็กของโม่จื่อซีไว้
เธอได้รับสายจากโม่จื่อซีกลางดึก และทำเพียงแค่ขยับตัวขึ้นบนเตียง “ทายสิคะว่าฉันอยู่ที่ไหน”
“แม่บอกผมแล้วว่าคุณอยู่ที่ไฮแอทรีเจนซีครับ”
“ตอนนี้ฉันกำลังนอนบนเตียงของคุณค่ะ มีเครื่องบินของเล่นในห้องคุณเต็มไปหมดเลย”
“อันฉี…คุณพยายามอย่าพูดคำว่า เตียง กับผมได้ไหมครับ” เขาว่าอย่างหนักใจ
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะผมคิดถึงคุณไง…แล้วก็คิดถึงร่างกายของคุณด้วย” เขาเผยออกมา
สีหน้าเหยาอันฉีขึ้นสีแดงระเรื่อทันที “ฉันไม่เคยคิดว่าคุณจะลามกขนาดนี้เลย!”
“เอาน่า ตอนนี้คุณก็รู้แล้วนี่ น่าเสียดายที่สายเกินไปหน่อยนะครับ!” โม่จื่อซีหัวเราะ “เสียดายที่ผมกลับบ้านตอนนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคุณเสร็จผมแน่”
“ฉันจะนอนแล้วค่ะ!” เหยาอันฉีงอนที่เขาเย้าแหย่เธอเช่นนี้
“ก็ได้ครับ…ถ้าภรรยาของผมต้องนอนงั้นผมก็จะไม่รบกวนต่อแล้วกัน รีบเข้านอนนะครับ เดี๋ยวผมจะกลับไปในเร็ววัน”
เธอสุขใจเสียจนทุกอย่างดูเหนือความคาดหมาย ราวกับเธอกำลังฝันอยู่ หลังเงียบไปครู่หนึ่งในที่สุดเธอก็เอ่ยออกมา “ฉันก็คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ”
“จริงเหรอครับ” เขายิ้มกว้างอย่างดีใจ
“จริงสิคะ” เธอบอกก่อนจะวางสายไป ซุกศีรษะเข้ากับหมอน สูดรับกลิ่นที่คุ้นเคยจากเตียงขณะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่อีกฟากหนึ่งของปลายสาย โม่จื่อซีถูกเพื่อร่วมงานแซวเข้าจนได้ “โทรคุยกับพี่สะใภ้ได้หวานเลี่ยนขนาดนี้ได้ยังไงกันเนี่ย…”
โม่จื่อซีวางโทรศัพท์ลงและเหลือบมองอีกฝ่าย “เดี๋ยวนายแต่งงานก็รู้เองนั่นแหละน่า!”
“มันรู้สึกดีขนาดนั้นเลยเหรอ”