วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1239 โม่จื่อซีกับฉันแต่งงานกันแล้ว
โม่จื่อซีพยักหน้าเมื่อย้อนนึกถึงค่ำคืนของเขากับเหยาอันฉี “ตราตรึงสุดๆ เลยละ!”
เมื่อก่อนเขาไม่เคยโหยหาเรื่องเช่นนี้เพราะเขาเชื่อว่าผู้ชายควรยับยั้งชั่งใจ หากแต่เมื่อความปรารถนาของเขาได้พบกับเหยาอันฉีในคืนนั้น เขาก็รู้ตัวว่าช่วงเวลาเฝ้าอดทนที่ผ่านมาทั้งหมดของเขานั้นไม่มีค่าใด
หากเขามีวันหยุดสามวัน เขาก็คงใช้เวลาทั้งสามวันขลุกอยู่บนเตียง!
“โอ๊ะ ใช่ เรื่องที่นายขอให้ฉันทำเรียบร้อยแล้วนะ ว่าแต่ใครกันที่ไปมีเรื่องกับคุณชายโม่ถึงขนาดนี้จนต้องวางแผนเล่นงานกลับอย่างนี้กัน” เพื่อนของโม่จื่อซีถามขึ้น
“ฉันก็แค่จัดการตาต่อตาฟันต่อฟันน่ะ” โม่จื่อซีหัวเราะพลางตบบ่าเพื่อน “ขอบคุณนะน้องชาย”
“ไม่ต้องพูดอย่างนั้นหรอกน่า”
ในเมื่อตระกูลเฉินใช้อิทธิพลกดขี่ข่มเหงเหยาอันฉี เขาก็จะไม่ปล่อยให้ภรรยาตัวเองเจ็บปวดไปอย่างเสียเปล่า
พวกเขาคิดว่าจะมารังแกภรรยาของเขาได้ง่ายๆ หรือ
เขาทำเพียงหาหลักฐานบางอย่างที่ชี้ความผิดของคุณพ่อเฉินและขอให้เพื่อนของเขายื่นเรื่องร้องเรียน ในเมื่อพวกเขาเริ่มก่อนก็จะมาโทษที่เขาตอบโต้กลับไม่ได้!
…
เหยาอันฉีรู้สึกราวกับโม่จื่อซีอยู่ข้างกายเธอเมื่อได้เอนศีรษะกับหมอนของเขาและซุกตัวในผ้าห่มของเขา คืนนั้นเธอจึงหลับลึกเสียสนิท
หลังออกมาจากไฮแอทรีเจนซี เธอตรงไปที่โรงพยาบาล ในขณะที่ซิงเจ๋ออยู่กับตระกูลโม่ เธอรู้สึกได้แบ่งเบาความรับผิดชอบบนบ่าจึงมีท่าทีเป็นกันเองมากกว่าแต่ปกติ
ทว่าเธอไม่รู้ว่าเฉินจิ้งหรงมีการแสดงเด็ดๆ เตรียมไว้ให้เธอในวันนั้น
เธอเจอผู้ชายในบาร์คนนั้นแล้ว!
และพวกเขาก็ทำข้อตกลงกัน
ทว่าเขาไม่ได้ขัดสนเงินทอง ทุกอย่างที่เขาต้องการคือเฉินจิ้งหรง ง่ายๆ เท่านั้นเอง
คืนนั้นที่โรงแรมเขาห้ามใจตัวเองไว้ด้วยต้องการให้เฉินจิ้งหรงยินยอมมอบกายให้เขา
พวกเขาคุยเรื่องนี้กันไว้แล้ว และตกลงว่าเขาต้องช่วยเธอแสดงละครตบตาหากเธอตกลงยอมหลับนอนกับเขา เขาจึงไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป
ถึงกระนั้นลึกๆ ในใจของเฉินจิ้งหรง เธอก็ยังหวังว่าจะคืนดีกับโม่จื่อซี เธอจึงไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปเช่นกัน
เธอลงมือตามแผนก่อนที่โม่จื่อซีจะกลับมา
คืนนั้นเฉินจิ้งหรงแต่งตัวให้ชายคนนั้นให้ยิ่งดูเหมือนโม่จื่อซี ดูจากด้านหลังมันเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกทั้งสองออก
จากนั้นจึงบอกให้เขาไปยืนอยู่แถวประตูที่เหยาอันฉีเดินผ่านทุกวัน และแสร้งว่าเขากำลังมารอเธอ…
ทว่าก่อนที่เหยาอันฉีจะโผล่มา เฉินจิ้งหรงโผเข้าหาอ้อมแขนของชายคนนั้นและร้องไห้ออกมา “จื่อซี…ฉันเสียคุณไปไม่ได้ อย่าทิ้งฉันไปเลยนะคะ โอเคไหม ฉันรู้ว่าคุณยังรักฉันอยู่”
เขาไม่ตอบในตอนแรกแต่หลังจากขัดขืนอยู่เล็กน้อย สุดท้ายเขาก็สวมกอดเฉินจิ้งหรง
เฉินจิ้งหรงกอดเขากลับและเริ่มจูบเขา ทั้งสองทำทีเป็นจูบกันดูดดื่มต่อหน้าต่อตาเหยาอันฉี
“จื่อซี ถ้าคุณรักฉันก็ไปกับฉันนะคะ”
ชายคนนั้นจับมือเฉินจิ้งหรงและเดินออกจากโรงพยาบาลไปโดยไม่พูดออกมาสักคำ
เหยาอันฉีมองแผ่นหลังของชายคนนั้นด้วยความแปลกใจอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น
จริงอยู่ ชายคนนั้นดูเหมือนโม่จื่อซีมาก แต่ว่า…โม่จื่อซีไม่เคยบอกว่าจะมารับเธอ ดังนั้นถึงเธอจะหลงเชื่อการแสดงละครตบตาอยู่บ้าง หากแต่ก็เตือนตัวเองว่าอาจจะเป็นแผนของเฉินจิ้งหรง
เธอต่อสายหาโม่จื่อซีหากแต่ไม่มีคนรับ
หรือชายคนนั้นจะเป็นโม่จื่อซีจริงๆ
เธอทำใจเชื่อไม่ลง ถึงอย่างไรโม่จื่อซีเองก็เพิ่งโทรหาเธอเมื่อคืนและบอกว่าคิดถึงเธอ
ดังนั้นชายคนนั้นไม่มีทางเป็นเขาไปได้หรอก…
หากแต่ถ้าเขายังรู้สึกกับเฉินจิ้งหรงล่ะ
ด้วยเหตุนี้เหยาอันฉีจึงหวั่นใจไม่น้อย หลังจากกลับมาถึงบ้านเธอนอนไม่หลับอยู่ทั้งคืน
วันถัดมาเหยาอันฉีไปโรงพยาบาลด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อนขณะที่ได้ยินเพื่อร่วมงานบอก “หมอเหยาคะ เมื่อคืนตอนที่ฉันเลิกงาน ฉันเห็นพี่เขยเข้าโรงแรมไปกับผู้หญิงอื่นด้วยค่ะ คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่าคะ”
“มั่นใจว่าเป็นเขาเหรอคะ”
“ถึงจะเคยเจอเขาครั้งเดียว แต่เห็นจากด้านหลังฉันก็มั่นใจว่าเป็นเขานะคะ” นางพยาบาลนึกย้อน “คุณต้องตัดสินใจว่าจะทำยังไงแล้วสะสางเรื่องนี้นะคะจะได้ไม่ถูกสวมเขา เป็นผู้หญิงสมัยนี้นี่ยากจริงๆ”
เมื่อเหยาอันฉีได้ยินเช่นนี้เธอก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา…
ทว่าเธอก็ได้สติว่าแม้จะมีคนเห็นเขา มันก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าชายคนนั้นเป็นโม่จื่อซีจริงๆ
เธอจึงพยายามโทรหาเขาอีกครั้ง
หากแต่ก่อนที่จะติดต่อเขาได้ เฉินจิ้งหรงนั้นปรากฏตัวที่โรงพยาบาล ดูจากท่าทีของเธอแล้ว มันสุขสมและเรี่ยวแรงล้นเหลือ ผิดกับครั้งที่เธอมาก่อเรื่องที่โรงพยาบาลทหารเสียสนิท
“ถึงฉันจะรู้สึกผิดกับเธอก็ต้องขอโทษด้วยนะ เพราะจื่อซีกับฉันคืนดีกันแล้ว” เฉินจิ้งหรงเอ่ยพลางส่งรูปผู้ชายที่นอนอยู่ให้เหยาอันฉี “ฉันรู้ว่าเธอทำใจไม่ได้ แต่…เหยาอันฉี จื่อซีกับฉันคบกันมาตั้งสี่ปี มันจะตัดขาดกันง่ายๆ ได้ยังไงล่ะ
“จื่อซีบอกว่าเขาจะสะสางเรื่องของเธอกับลูกให้เร็วที่สุดและมาแต่งงานกับฉัน
“ดังนั้นฉันแนะนำว่าถ้าเธอไม่อยากสูญเสียมากเกินไปนัก เธอก็ถอนตัวออกไปเองซะดีกว่านะ”
เหยาอันฉีอดกลั้นความโกรธและมองหน้าอีกฝ่าย “ถ้าคุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อรักษาก็กรุณาออกไปค่ะ ฉันไม่มีเวลามาคุยกับคุณ”
“เดี๋ยวเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงไม่ช้าก็เร็ว ทำไมต้องหนีปัญหาด้วยล่ะ”
“เฉินจิ้งหรง คุณคิดว่าฉันจะเชื่อคุณหรือโม่จื่อซีล่ะ” เธอถาม “ฉันไม่เชื่อสิ่งที่คุณพูดวันนี้หรอกค่ะ”
“เธอไม่เชื่อฉันเหรอ อย่างนั้นฉันว่าเธอคงต้องรอให้จื่อซีมาตัดขาดกับเธอด้วยตัวเองแล้วละ”
พูดจบ เฉินจิ้งหรงพยายามจะลุกขึ้น แต่เหยาอันฉีรั้งให้นั่งลง “คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันถึงสงสัยในสิ่งที่คุณบอก
“เพราะโม่จื่อซีกับฉันแต่งงานกันแล้วไงคะ”
เมื่อเฉินจิ้งหรงได้ยินเช่นนี้ เธอมองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง แต่เหยาอันฉียังเอ่ยต่อ “เขาจะแต่งงานกับคุณงั้นเหรอ เฉินจิ้งหรง คุณไม่กลัวว่าฉันจะฟ้องคุณข้อหาทำลายการสมรสทางการทหารบ้างเหรอ
“ถ้าคุณไม่กลัวติดคุกงั้นฉันก็ไม่มีปัญหาที่จะส่งคุณไปที่นั่น แต่ถ้าโม่จื่อซีอยากจะหย่าก็บอกให้เขามาพูดกับฉันเอง!”
เฉินจิ้งหรงนึกไม่ถึงว่าโม่จื่อซีจะแต่งงานกับเหยาอันฉีแล้ว
มันไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดคิดไว้เลยแม้แต่น้อย!
“อันที่จริงสิ่งที่คุณพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่ามันพิสูจน์ง่ายมากค่ะ เฉินจิ้งหรง คุณคิดว่าตัวเองจะได้อะไรจากการทำอย่างนี้เหรอคะ ทันทีที่โม่จื่อซีกลับมาฉันก็จะรู้ความจริงอยู่แล้ว คุณคิดว่าตัวเองจะทำร้ายฉันได้จริงๆ เหรอคะ”
เหยาอันฉียังคงมีท่าทีสงบนิ่งและไม่สะทกสะท้านกับเฉินจิ้งหรงในท้ายที่สุด
ทว่ามันเป็นเพราะเฉินจิ้งหรงโง่เกินไป! เธอคิดว่าเหยาอันฉีจะหลงเชื่อแผนตื้นๆ ขนาดนี้จริงหรือ
เหยาอันฉีหัวเสียเล็กน้อย แต่ต่อให้เธอเชื่อเฉินจิ้งหรง เธอก็ยังต้องถามโม่จื่อซีเรื่องนี้และรอให้เขายอมรับทุกอย่างออกมาด้วยตัวเอง เรื่องที่น่าขันคือเธอติดต่อเขาไม่ได้ด้วยซ้ำแล้วจะถามเขาได้อย่างไรกัน