วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1251 คุณรู้ทุกอย่างที่ผมชอบ
[ทำไมคุณถึงลาออกจากมหาวิทยาลัย ผมดูหลักสูตรของคุณแล้ว คุณไม่อยากได้วุฒิแล้วเหรอครับ]
โม่จื่อเหยียนจะบอกเขาได้อย่างไรว่ามันเป็นเพราะเธอไม่อาจแอบรักเขาข้างเดียวต่อไปได้อีกแล้ว
ในเมื่อกู้ชิงหลีเห็นจดหมายและรับรู้คำสารภาพรักของเธอแล้ว เขาคิดอย่างไรถึงได้มาถามเธอกัน หรือเขาจะทำทีเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อไป
[คุณมีเรียนคาบของผมพรุ่งนี้ มาให้ตรงเวลาด้วยนะครับ]
[โอเคค่ะ] โม่จื่อเหยียนตอบโดยลืมแล้วซึ่งความยากลำบากกว่าเธอจะตัดสินใจได้
เพียงแค่กู้ชิงหลีพูดไม่กี่คำมันก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนใจโม่จื่อเหยียนและจุดแรงใจของเธอขึ้นมาอีกครั้ง
[รีบเข้านอนนะครับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้]
กู้ชิงหลียังคงมีท่าทีสุขุมเพราะเขามักดูเป็นผู้ลากมากดีอยู่เสมอ กระนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนเช่นกัน ทำเพียงแค่เป็นห่วงลูกศิษย์ตามประสาอาจารย์ที่พูดกับลูกศิษย์เท่านั้น
ถึงกระนั้นโม่จื่อเหยียนก็ดีใจ อย่างน้อยมันก็หมายความว่าเธอมีพื้นที่พิเศษในใจของกู้ชิงหลี ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ส่งข้อความส่วนตัวมาหาเธอเพียงเพื่อบอกให้เธอไปเข้าเรียนวิชาของเขาพรุ่งนี้
…
เช้าวันต่อมาหลังจากโม่จื่อเหยียนแต่งตัวเสร็จ เธอสะพายกระเป๋าตั้งท่าจะไปมหาวิทยาลัย ถังหนิงมองเธออย่างงุนงง
“ลูกไม่ได้บอกว่าจะไปทำงานเหรอ ท่านประธานบริหาร”
“แม่คะ ขอหนูเข้าเรียนวิชานี้ก่อนสิ” เธอเอ่ยก่อนหอมแก้มแม่ตัวเองและจากไป
ในความเป็นจริงตลอดหลายปีมานี้ โม่จื่อเหยียนไม่จำเป็นต้องไปที่บริษัทด้วยมีฟังอวี้และลู่เช่ออยู่ที่ไห่รุ่ย ยิ่งไปกว่านั้นโม่ถิงยังค่อนข้างจะอ่อนข้อให้เธอ จึงไม่เป็นไรที่เธอจะทำตัวขี้เกียจต่อหน้าแม่ตัวเอง
ไม่นานโม่จื่อเหยียนก็ไปโผล่ที่มหาวิทยาลัยอย่างร่าเริง วิชาแรกของเธอสอนโดยกู้ชิงหลี
ทันทีที่เข้ามาในห้องบรรยาย เธอเห็นกู้ชิงหลีขึ้นมาบนเวทีบรรยายก่อนที่หัวใจของเธอจะเริ่มเต้นระรัว
กู้ชิงหลีค่อนข้างเป็นคนสบายๆ แต่เขาก็ทั้งมีชีวิตชีวาและสนุกสนานในยามที่สอนหนังสือ จนโม่จื่อ
เหยียนหัวเราะและตบมือไปกับเพื่อนร่วมชั้นของเธอ สุดท้ายเขาก็เดินลงมาจากเวทีและเริ่มส่งข้อมูลบางอย่างให้ “พวกคุณมาคัดลอกข้อมูลอันนี้ไปอ่านก็ได้นะครับ การสอบที่จะมาถึงสำคัญมาก ผมจะไม่ส่งข้อมูลนี้ให้อีกแล้วนะ
“ส่วนคนที่ไม่ได้มาเข้าชั้นเรียนของผมก็จะไม่ได้ผลการสอบนะครับ”
หลังจากกู้ชิงหลีพูดจบ นักศึกษาทุกคนต่างกรูกันไปคัดลอกข้อมูลในขณะที่เขายืนอยู่ด้านข้าง
หากแต่ในจังหวะที่โม่จื่อเหยียนลุกขึ้นจะไปสมทบกับนักศึกษาคนอื่นๆ ที่คัดลอกข้อมูลอยู่ เธอก็ได้รับข้อความจากกู้ชิงหลี [ผมทำไว้ให้คุณแล้ว คุณมาเอาที่โรงอาหารตอนมื้อเที่ยงก็ได้ครับ]
โม่จื่อเหยียนหน้าขึ้นสีระเรื่อขณะที่กลับไปนั่งที่เดิมพร้อมความสุขล้นใจ
[ขอบคุณนะคะ…อาจารย์กู้] เธอตอบกลับ
[ไว้เจอกันตอนบ่ายแล้วกันครับ] เขาตอบกลับมาอย่างเรียบง่าย
เขากำลังเตือนเธอว่าเขายังมีอีกคาบหนึ่งในช่วงบ่าย
เพื่อไม่ให้โม่จื่อเหยียนประหม่า กู้ชิงหลีออกไปจากห้องเรียนหลังจากที่จบคาบ ตอนนี้เองที่โม่จื่อเหยียนลุกขึ้นไปทานมื้อกลางวันที่โรงอาหารทันที
เมื่อหัวหน้าที่ดูแลโรงอาหารเห็นเธอก็ออกอาการดีใจเต็มที “แม่หนู ดูเหมือนเธอจะมีหวังแล้วนะ…”
โม่จื่อเหยียนได้รับข้อมูลที่ฝากเอาไว้ให้เธอและเห็นว่าประเด็นสำคัญถูกเน้นและวงกลมเอาไว้ มันทำให้เธอซาบซึ้งใจเล็กน้อย ทั้งยังเห็นลายมือหนักแน่นของเขาเมื่อพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย “ตั้งใจเรียนแล้วก็มาเข้าเรียนด้วยนะครับ”
ความหมายเบื้องหลังข้อความนี้คือ… อย่าไปไหน
โม่จื่อเหยียนถือมันไว้และกลับไปที่หอตัวเอง เพื่อร่วมห้องของเธอถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นเธอ “เธอไม่ได้บอกว่าจะลาออกแล้วเหรอ”
“มาคิดดูอีกที ฉันจะยังไม่ลาออกหรอก”
“ถ้างั้นก็ไปเข้าเรียนด้วยกันบ่ายนี้สิ”
“โอเค” โม่จื่อเหยียนพยักหน้า เพียงแค่นึกถึงการเข้าเรียนอีกคาบของกู้ชิงหลีก็ทำให้เธอตื่นเต้นเป็นพิเศษแล้ว
เธอไม่เคยคาดคิดถึงบางอย่างที่มาจากการแอบรักข้างเดียวมาหลายปีของเธอ
เมื่อถึงเวลาเข้าเรียนคาบบ่ายของกู้ชิงหลี โม่จื่อเหยียนก็สงบใจลงได้บ้างแล้ว แต่พอได้เห็นใบหน้ามีเสน่ห์ของเขาเธอก็เคลิ้มไปอีกครั้ง
โทรศัพท์ของเธอสั่นขึ้นไม่นานหลังจากนั้น เธอหน้าขึ้นสีเมื่อหันไปมองข้อความบนหน้าจอ [ตั้งใจหน่อยครับ…]
อาจารย์แสนดีจับผิดลูกศิษย์นอกลู่นอกทางได้เสียแล้ว…
โม่จื่อเหยียนวางโทรศัพท์ลงและแสร้งเป็นตั้งใจเรียนกว่าเดิม หากแต่ในความเป็นจริงมันไม่มีทางที่เธอจะมีสมาธิได้
คาบเรียนสิ้นสุดลงในไม่ช้า ในจังหวะที่เธอคิดว่าตัวเองจะได้หายใจหายคอเป็นปกติสักที เธอก็ได้รับอีกข้อความหนึ่งจากกู้ชิงหลี [ทานข้าวเย็นด้วยกันสิครับ]
เขาจะพูดอย่างที่คาดหวังไว้ขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
หากแต่โม่จื่อเหยียนจะปฏิเสธเขาลงได้อย่างไรกันล่ะ
เธอทำได้เพียงตอบกลับไป [โอเคค่ะ]
เธอจึงรอเขาเลิกงานอยู่ด้านนอกหลังเลิกเรียน
เมื่อเขาทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็ก้าวออกมาหาเธอ…
โม่จื่อเหยียนรู้สึกว่าทุกคนกำลังจ้องมาที่เธอขณะที่พวกเขาเดินด้วยกัน ทว่าเขากลับไม่ได้รู้สึกผิดจากปกติแต่อย่างใด
ถึงอย่างไรทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นลูกศิษย์ของเขา
“คุณอยากทานอะไรล่ะ” กู้ชิงหลีถามอย่างอ่อนโยน
“อะไรก็ได้ค่ะ ฉันไม่ได้เรื่องมาก” เธอตอบ
“ผมรู้จักร้านอาหารดีๆ อยู่ร้านหนึ่ง ไปที่นั่นกันเถอะครับ” เขานำเธอไปยังที่จอดรถก่อนจะขับพาไปยังร้านอาหารหรูในปักกิ่งแห่งหนึ่งในอีกฟากของเมือง
ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะข้างหน้าต่าง สายตาของโม่จื่อเหยียนจดจ่อกับชายตรงหน้าอย่างไม่อาจละไปที่ไหนได้
หากแต่เขาไม่ได้ถือสาแม้แต่น้อย
“นี่เป็นครั้งแรกของผมที่มาทานมื้อเย็นกับผู้หญิง”
“คุณเพิ่งบอกว่าแต่งงานแล้วเมื่อวานไม่ใช่เหรอคะ”
“แค่โกหกน่ะครับ” เขาตอบพลางยกกาแฟขึ้นจิบ “ความจริงแล้วถ้าคุณไม่บอกผมอย่างเมื่อวาน ผมก็อาจจะโกหกอย่างนั้นต่อไปก็ได้ครับ”
เธอรู้สึกเคอะเขินคล้ายไม่รู้จะเข้าหน้ากับกู้ชิงหลีอย่างไร
“ความกล้าเมื่อวานของคุณมันหายไปไหนซะแล้วล่ะครับ” เขาอดขำออกมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของเธอ
“ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันหวั่นไหวง่ายนะคะ” โม่จื่อเหยียนว่าขึ้นเสียงแผ่ว
“จื่อเหยียน คุณเป็นลูกศิษย์ที่ดีที่ทุกคนชอบกันนะ” เขาเอ่ยชม “คุณได้อ่านข้อมูลที่ผมให้คุณไปหรือยังครับ”
ในที่สุดเขาก็เปลี่ยนเรื่องเธอจึงรีบพยักหน้ารับ “ค่ะ ขอบคุณนะคะ อาจารย์กู้”
“ถ้ามีเรื่องที่ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามผมได้ตลอดนะครับ” เขาบอก “ผมไม่มั่นใจว่าจะช่วยคุณได้มากกว่านี้หรือเปล่า”
โม่จื่อเหยียนรู้สึกว่ากู้ชิงหลียังคงรักษาท่าทีอยู่มาก ถึงอย่างไรเธอก็เปิดเผยความรู้สึกของตัวเองกับเขาไปชัดเจนแล้ว
ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองคิดไปไกล เป็นอีกครั้งที่เธอรวบรวมความกล้าถามออกไป “อาจารย์กู้คะ คุณรู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับคุณใช่ไหมคะ”
“คุณก็พูดมาชัดเจนเมื่อวานแล้วนี่ครับ”
“งั้น…ถ้าคุณรู้ว่าฉันรู้สึกยังไง แล้วคุณก็ยอมติดต่อกับฉันเป็นการส่วนตัว หมายความว่า…”
“หมายความว่าผมก็สนใจคุณครับ” เขาตอบด้วยท่าทีจริงจัง “มหาวิทยาลัยมีกฎอยู่ ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์จะคบหากันไม่ได้ แต่ผมก็ยังอยากลองและทำความรู้จักคุณดู…
“จื่อเหยียน งั้นก็อย่าอึดอัดใจเวลาอยู่กับผมเลยนะครับ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า โอเคไหมครับ”
ชายคนนี้ทั้งอ่อนโยนและใส่ใจมากพอๆ กับที่โม่จื่อเหยียนหลงเสน่ห์ของเขา จึงแน่นอนว่าเธอต้องตกลง
เธอต้องการเช่นนี้แม้แต่ในความฝัน
“โอเคค่ะ…
…อย่างนั้นก็มาสั่งอาหารที่คุณชอบเถอะคะ”
โม่จื่อเหยียนเปิดเมนูและเลือกอาหารที่กู้ชิงหลีโปรดปรานมา เธอรู้รสนิยมของเขาดีหลังจากเฝ้าสังเกตมาสี่ปี
“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้ทุกอย่างที่ผมชอบเลยนะครับ”