วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1270 อย่ามาเรียกฉันว่าคุณป้า ฉันยังไม่ได้ยอมรับเธอ
เป็นครั้งแรกที่ถังอี้เฉินได้พบกับกู้ชิงหลี เดิมทีเธอไม่ได้มีเรื่องต้องพูดคุยกับหลานเขยคนนี้มากนัก ทว่าทันทีที่เธอเห็นหน้ากู้ชิงหลีก็มองเขาอย่างมีข้อกังขา
เธอพิจารณาเขาอย่างละเอียดและจริงจัง จดจ่อเสียจนไม่ได้ยินเสียงถังหนิงร้องเรียกด้วยซ้ำ “พี่รองคะ”
ในที่สุดจึงหลุดจากภวังค์และตอบ “กู้ชิงหลีใช่ไหม ตอนนี้ฉันคุ้นๆ หน้าเขาแล้วละ” อย่างไรก็ตามท่าทีของเธอไม่ได้ทั้งเย็นชาหรือกระตือรือร้น
แม้ว่ากู้ชิงหลีจะไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้ถังอี้เฉิน เขาก็ไม่ได้ปริปากทักท้วงออกมา ตราบใดที่เธอดูแลโม่จื่อเหยียนเป็นอย่างดี เขาไม่สนใจเรื่องอื่นใดอีก
แน่นอนว่าถังหนิงมีบางคำถามที่อยากเอ่ย หากแต่เธอไม่ได้ถามในตอนนั้นเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือโม่จื่อเหยียน
ในเมื่อถังอี้เฉินกำลังเฝ้าดูอาการของโม่จื่อเหยียน การที่ให้เธออยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อได้รับการตรวจที่จำเป็นนั้นจึงเป็นการดีที่สุด
เดิมทีโม่จื่อเหยียนวางแผนว่าจะส่งไห่รุ่ยกลับไปให้โม่ถิงดูแลช่วงหนึ่ง แต่กู้ชิงหลีกลับบอกเธอ “พ่อของคุณยกกิจการให้คุณแล้ว คุณจะส่งคืนให้ท่านได้ยังไงครับ ในระหว่างที่คุณอยู่ที่โรงพยาบาล ผมจะช่วยคุณจัดการทุกอย่างเอง เดี๋ยวผมจะรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วหลังจากที่คุณตัดสินใจว่าจะจัดการยังไง ผมจะกลับไปทำให้เอง”
“แล้วที่มหาวิทยาลัยล่ะคะ”
“ผมขอลาหยุดแล้วละครับ” เขาตอบ “ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าคุณหรอก”
เธอพยักหน้าทว่ายังไม่ลืมว่าถังอี้เฉินมีปฏิกิริยาอย่างไรก่อนหน้านี้ “พี่สี่คะ คุณเคยเจอป้าของฉันมาก่อนเหรอ”
กู้ชิงหลีเข็นภรรยาขึ้นไปในห้องพักคนไข้พิเศษและส่ายหน้า “ผมจำไม่ได้ว่าเคยเจอนะครับ ไม่แน่ใจว่าป้าคุณไม่พอใจผมเรื่องอะไร แต่ผมก็ไม่รีบร้อนถามท่านเรื่องนี้หรอกครับ สุดท้ายเวลาก็จะเปิดเผยเรื่องทุกอย่างเอง ผมมั่นใจว่าป้าของคุณจะรู้ว่าจริงๆ แล้วผมเป็นคนแบบไหนในท้ายที่สุดครับ”
“ป้าของฉันค่อนข้างจะเถรตรงน่ะค่ะ เธอไม่ได้อ้อมค้อมเหมือนอย่างที่แม่ฉันทำในบางครั้ง ฉันเลยคิดว่าถ้าคุณไปมีเรื่องบางอย่างกับเธอ คุณก็แค่ไปคุยกับเธอแล้วปัญหาจะได้คลี่คลายโดยเร็ว”
เขาพยักหน้ารับ ว่ากันตามจริงเขาเองก็นึกสงสัยว่าตัวเองทำอะไรผิดไปเหมือนกัน
…
ในขณะเดียวกันถังหนิงกับถังอี้เฉินกำลังคุยกันเรื่องอาการของโม่จื่อเหยียนอยู่ในห้องตรวจ อย่างไรก็ตามถังหนิงอดจะถามเรื่องที่นึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ “ดูจากสีหน้าของพี่ พี่เคยเจอกับชิงหลีมมาก่อนใช่ไหมคะ”
“ดูออกเหรอ”
“ความรู้สึกพี่มันเขียนแปะอยู่บนหน้าหมดแล้วค่ะ ฉันมั่นใจว่าฉันไม่ใช่คนเดียวที่เห็น ลูกเขยที่หูตาไวของฉันก็คงรู้สึกเหมือนกัน พี่เย็นชากับเขาสุดๆ เลยละ” ถังหนิงบอกพร้อมเหลือบมอง
“ถ้าฉันบอกเหตุผลกับเธอ อย่าโกรธแล้วกัน”
“พูดมาเลยค่ะ!”
“ฉันคิดว่าฉันเคยเห็นลูกเขยเธอมาที่โรงพยาบาลกับผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อพบหมอสูติคนหนึ่งของเรามาก่อน! ฉันจำเขาได้เพราะเขาหน้าตาดีน่ะ” ถังอี้เฉินอธิบาย “เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนตรงไปตรงมา คำพูดพวกนี้อาจทำให้เธออึดอัดใจกับกู้ชิงหลี แต่ฉันก็โกหกไม่ลง ตอนนี้จื่อเหยียนอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ ฉันไม่อยากเห็นหลานลงเอยกับผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบ”
“โอเค ตอนนี้พี่ตั้งใจกับการดูแลจื่อเหยียนเถอะค่ะ!” ถังหนิงจำเรื่องที่ถังอี้เฉินบอกเธอไว้
หากแต่เรื่องนี้ยังเป็นบางสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่กู้ชิงหลีจะแต่งงานกับโม่จื่อเหยียน ในฐานะผู้ใหญ่ เธอมีสิทธิ์ที่จะคอยสะสางเรื่องนี้ด้วยหรือ
ซ้ำยังไม่ชัดเจนว่าถังอี้เฉินเห็นสิ่งที่เธอคิดว่าเห็นจริงหรือไม่ หากเธอแค่เห็นคนที่หน้าตาคล้ายกันล่ะ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ถังหนิงก็ตัดสินใจเก็บงำความคลางแคลงใจไว้กับตัวเอง
เธอกลับไปที่ห้องโม่จื่อเหยียนเพื่อตรวจดูว่าเจ้าตัวขาดเหลืออะไรหรือไม่ เธอจะได้ช่วยเตรียมการให้ ทว่าหลังจากเสร็จสิ้นและตั้งท่าจะเดินออกไปทางประตู กู้ชิงหลีก็เสนอตัว “คุณแม่ครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่งนะครับ”
เธอต้องการคนเดินไปส่งเธอตั้งแต่เมื่อไรกัน
เห็นได้ชัดว่าเขามีเรื่องบางอย่างจะถามเธอ
ทว่ามันนับเป็นเรื่องที่ดี
“เอาสิ” ถังหนิงบอก
กู้ชิงหลีทำท่าทางบอกให้โม่จื่อเหยียนรออยู่ด้านในก่อนจะเดินออกมาหาสมทบกับถังหนิง
“เธอเห็นสินะ ใช่ไหม” ถังหนิงหัวเราะ
“ท่าทางของคุณป้าชัดเจนจนผมไม่ใช่คนเดียวที่เห็นครับ จื่อเหยียนเองก็เห็นด้วยเหมือนกัน” เขาระบายยิ้มบาง “ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณป้าเข้าใจผิดเรื่องอะไร ผมก็ดูออกว่าเธอไม่ได้ประทับใจในตัวผมนัก”
“ชิงหลี ฉันรู้ว่าคนรุ่นเก่าไม่มีสิทธิ์จะไปยุ่มย่ามกับเรื่องของคนหนุ่มสาว ฉันไม่คิดว่าเราจะมีสิทธิ์ไปถามเรื่องอดีตของเธอหรอกนะ แต่ฉันหวังว่าเธอจะคิดถึงความรู้สึกของเหยียนเอ๋อร์ก่อนที่จะทำอะไรลงไป เธอต้องการการดูแลในเวลาอย่างนี้”
“คุณแม่ครับ ผมไม่รู้ว่าคุณป้าเห็นอะไรมาและเข้าใจผิดอะไรอยู่ แต่ว่าจื่อเหยียนเป็นรักแรกของผม แม้ว่าเราจะรู้จักหรือแต่งงานกันได้ไม่นาน ผมก็รับรองได้ว่าผมรักษาระยะห่างกับผู้หญิงและไม่เคยล้ำเส้นสักครั้งครับ” เขาตอบด้วยท่าทีจริงจัง
“ถ้าผมเคยคบหากับใครมาก่อนหรือพัวพันกับผู้หญิงคนอื่นในทางใดทางหนึ่ง ผมก็ไม่มีเหตุผลต้องปิดบังครับ
“ผมแค่ต้องการให้คุณแม่บอกผมมาเท่านั้นครับ”
หลังจากถังหนิงได้ฟังคำตอบของเขา เธอก็พยักหน้ารับ กู้ชิงหลีช่างใจเย็นนัก
ถังหนิงไว้ใจกู้ชิงหลีแต่เธอเองก็เชื่อถังอี้เฉินเช่นกัน เธอจึงมั่นใจว่ามันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด
“อีกอย่างเธอเคยมาที่โรงพยาบาลนี้มาก่อนไหม”
“วันนี้เป็นครั้งแรกของผมครับ” กู้ชิงหลีตอบ
“โอเค” ถังหนิงตอบ “กลับไปดูแลเหยียนเอ๋อร์เถอะ ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเธอกับลูกแล้ว”
“ครับ รับทราบครับ”
กู้ชิงหลีเป็นคนฉลาด คำถามของถังหนิงสื่อชัดเจนว่าถังอี้เฉินเคยเห็นเขาที่โรงพยาบาลมาก่อน และยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเห็นเขากับผู้หญิงคนอื่นอีกด้วย
ทว่าเขาไม่เคยมาที่นี่มาก่อนจริงๆ
บางทีถังอี้เฉินอาจเห็นคนอื่นหรือเธออาจจำผิดคน
หลังจากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กู้ชิงหลีกลับไปที่ห้องคนไข้ โม่จื่อเหยียนถามเขาขึ้นมาทันที “แม่บอกว่าอะไรคะ”
“ฟังจากที่แม่คุณพูด ดูเหมือนว่าป้าของคุณจะเคยเห็นผมที่โรงพยาบาลกับผู้หญิงคนอื่นแล้วก็ไม่พอใจเรื่องนั้นน่ะครับ” เขาอธิบายเสียงเรียบ
“ถ้าอย่างนั้นคุณเคยมาที่นี่มาก่อนไหมคะ” เธอถาม
เขาส่ายหน้า “ไม่อยู่แล้วครับ คุณก็ติดตามชีวิตผมมาตลอดสี่ปีที่ผ่านมาไม่ใช่เหรอครับ”
“ก็จริงค่ะ”
“แต่ว่า…” กู้ชิงหลีพูดค้างไว้คล้ายไม่แน่ใจบางอย่าง “…ผมเชื่อสิ่งที่ป้าของคุณเห็นนะ เพราะเธอไม่มีเหตุผลที่จะมาใส่ความผมนี่”
“ยังไงฉันก็เชื่อใจคุณนะคะ พี่สี่ ไม่มีใครเข้าใจคุณได้มากกว่าฉันแล้วละค่ะ”
“ผมดีใจที่คุณรู้นะครับ พักผ่อนเถอะครับ” เขาเอ่ยพลางช่วยประคองเธอให้นอนลง “ปล่อยวางทุกอย่างลงก่อนนะครับ ผมเป็นห่วงคุณเพราะคุณทั้งท้องและไม่ค่อยสบายอยู่”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ทั้งคุณป้ากับคุณลุงเป็นหมอที่เก่งมากๆ ฉันจะไม่เป็นไรแน่นอนค่ะ”
กู้ชิงหลีพยักหน้าก่อนจะบอกให้เธอหลับตานอน
หลังจากนั้นเขาตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ต้องไปพบกับถังอี้เฉิน หากเรื่องเข้าใจผิดนี้ยืดเยื้อต่อไปแล้วจื่อเหยียนอาการทรุดลงขึ้นมา เขาจะทำอย่างไร
ดังนั้นเขาจึงเดินมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของถังอี้เฉินหลังจากโม่จื่อเหยียนหลับไป…
ตอนนั้นถังอี้เฉินกำลังตรวจดูประวัติการรักษา ความรู้สึกไม่ถูกชะตาอีกฝ่ายตีตื้นขึ้นมาอย่างรุนแรงเมื่อเงยหน้าขึ้นและเห็นเขา
“คุณป้าครับ…”
“อย่ามาเรียกฉันว่าคุณป้า ฉันยังไม่ได้ยอมรับเธอ” ถังอี้เฉินสวนกลับ “เธอต้องการอะไรกันแน่”