วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 674
ขณะที่โม่ถิงและคุณพ่อโม่กำลังทะเลาะกันอยู่นั้น ฮว่าเหวินเฟิ่งก็ฉวยโอกาสแอบหนีไปอย่างช้าๆ และถอดรองเท้าออกในขณะที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เธอต้องการแอบทิ้งรองเท้าคู่นี้ลงถังขณะที่อยู่ใกล้ๆ แต่โม่ถิงไม่ปล่อยให้เธอได้โอกาสนั้น
“คุณกำลังจะทำอะไร” บอดีการ์ดคว้าตัวฮว่าเหวินเฟิ่งและเอารองเท้าคู่นั้นไปจากมือของเธอ
“กล่าวหา! นี่มันกล่าวหากันชัดๆ นะโม่ถิง! บอดีการ์ดของลูกเป็นคนทำแล้วพวกมันพยายามจะใส่ร้ายแม่… แม่ไม่ได้ทำอะไรเลย แม่บริสุทธิ์นะ!”
ทุกคนช็อกกับการกระทำของฮว่าเหวินเฟิ่ง เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เธอแสดงออกว่าสำนึกผิดอย่างมากจนพวกเขาคิดว่าเธอได้รับบทเรียนแล้ว แต่กลับกันเธอกลับมีแผนสำรอง โม่ถิงจับผิดเธอเรื่องรองเท้าก่อนหน้านี้เพราะเธอประมาทเกินไป ตอนนี้รองเท้าของเธอมีลายนิ้วมือของคนอื่นแล้ว จึงไม่อาจใช้เป็นหลักฐานได้อีก
ส่วนลายนิ้วมืออื่นๆ ที่อยู่รอบตัวบ้าน เธอสามารถอ้างได้อย่างง่ายดายว่ามันมีอยู่มาตั้งแต่ตอนที่เธอยังอยู่ในบ้านหลังนั้นแล้ว
เหล่าบอดีการ์ดอึ้ง พวกเขาไม่เคยคิดว่าฮว่าเหวินเฟิ่งจะน่ารังเกียจถึงเพียงนี้
โม่ถิงจ้องฮว่าเหวินเฟิ่งอย่างเยือกเย็นขณะที่เธอแสดงละคร เขาคว้าคอเสื้อเธอและกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “คุณกำลังรบกวนถังหนิง ถ้าส่งเสียงอะไรออกมาอีกละก็ ผมจะทำให้ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเลย”
คุณพ่อโม่ก้าวเข้ามาแยกทั้งสองคนออกจากกันทันทีและปกป้องฮว่าเหวินเฟิ่ง แต่เมื่อเทียบกับความกระตือรือร้นที่มีก่อนหน้านี้ การเข้ามาขวางในครั้งนี้ดูใจเย็นกว่าเดิมมาก เขาได้เห็นด้วยตัวเองว่าฮว่าเหวินเฟิ่งยอมรับในความผิดของตัวเอง รวมถึงการที่เธอปฏิเสธความเกี่ยวข้องทุกอย่าง นี่…ค่อนข้างต่างจากภรรยาคนที่เขารู้จัก เธอพลันให้ความรู้สึกราวกับเป็นคนแปลกหน้า ราวกับเป็นคนที่เขาไม่มีวันรู้จักตัวตนที่แท้จริง
“ที่รัก โม่ถิงต้องการจะใส่ร้ายฉัน เขาตั้งใจจะใส่ร้ายแม่ตัวเอง…”
“หุบปากซะ คุณเสียงดังเกินไปแล้ว” ไป๋ลี่หวาไม่อาจทนดูการแสดงของฮว่าเหวินเฟิ่งได้อีกต่อไปขณะที่เธอก้าวออกมาจากจุดที่เธอยืนอยู่มาพักใหญ่ “ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีคนอย่างคุณอยู่ในโลก แต่หลังจากวันนี้ไป ฉันกลับรู้สึกว่าฉันถูกบังตามาจนถึงจุดนี้”
“นี่เป็นเรื่องของตระกูลโม่ เธอเกี่ยวอะไรด้วย” คุณพ่อโม่หันกลับมาถามไป๋ลี่หวาด้วยความฉุนเฉียว
“โม่หลินหย่วน คุณนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ!”
คุณพ่อโม่อดไม่ได้ที่จะง้างมือใส่ไป๋ลี่หวา เมื่อเห็นดังนั้น ไป๋ลี่หวาก็ไม่อาจซ่อนความเย้ยหยันที่เธอมีแม้เธอจะกำลังสวมผ้าปิดหน้าอยู่ก็ตาม “เรียกคุณว่าไร้ประโยชน์ยังน้อยไปด้วยซ้ำ คุณมันตาบอด!”
คุณพ่อโม่ไม่ได้ทำอะไร แต่กระนั้นฮว่าเหวินเฟิ่งกลับตรงเข้าไปกระชากผ้าปิดหน้าของไป๋ลี่หวา เมื่อเห็นแผลเป็นบนใบหน้าของอีกฝ่าย ฮว่าเหวินเฟิ่งก็หัวเราะ “แกมันก็แค่สัตว์ประหลาดหน้าตาอัปลักษณ์”
โม่ถิงไม่ได้เข้าไปมีส่วนในการโต้แย้งนี้ กลับกัน เขามุ่งหน้าเข้าไปในห้องของถังหนิงเพราะในที่สุดเธอก็ได้สติแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาปล่อยให้บรรดาบอดีการ์ดปกป้องไป๋ลี่หวาและป้องกันไม่ให้เธอต้องสูญเสียอะไร
ไป๋ลี่หวาปิดใบหน้าที่ถูกเปิดเผยและชำเลืองตามองฮว่าเหวินเฟิ่งอย่างเกลียดชัง “ทั้งหมดนี้ก็เพระเธอไงละ!”
ได้ยินเช่นนั้น ฮว่าเหวินเฟิ่งยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ “แกกำลังพูดถึงอะไร”
“ฉันกำลังพูดถึงการระเบิดที่ศูนย์วิจัยเมื่อสิบเก้าปีก่อน! เธอขโมยตัวคนของฉันไป นังคนลวงโลก!”
ฮว่าเหวินเฟิ่งช็อก เธอไม่เคยคิดว่าไป๋ลี่หวาจะยังมีชีวิตอยู่แล้วยังมาปรากฏตัวและแสดงตัวตนของตัวเอง
ฮว่าเหวินเฟิ่งรีบวิ่งไปซ่อนหลังคุณพ่อโม่อย่างรวดเร็ว “ตาโม่ ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นบ้าแน่ๆ ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่มันกำลังพูด”
“นังอัปลักษณ์ เธอเป็นบ้าหรือไง กล้าดียังไงมาใส่ความเมียฉัน เธอคิดว่าฉันไม่มีปัญญาจำเมียตัวเองได้หรือไง” คุณพ่อโม่พูดเยาะเย้ย “หรือบางที นังดารานั่นคงจ่ายให้เธอมาแสดงละครแบบนี้สินะ”
ไป๋ลี่หวาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะกับการที่คุณพ่อโม่ยังคงปกป้องฮว่าเหวินเฟิ่ง “ฤดูร้อนหลังจากที่เราพบกันครั้งแรก เราวางแผนจะไปเที่ยวในวันหยุดพักก่อนที่ฝรั่งเศส แต่หลังจากที่เราขึ้นเครื่อง คุณก็ถูกโทรเรียกตัวกลับไป ตอนนั้นฉันบอกคุณว่าเราคงไม่มีดวงได้อยู่ด้วยกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจคุณพ่อโม่รู้สึกราวกับถูกโจมตีอย่างรุนแรง
“ในคืนวันแต่งงาน ฉันบอกคุณว่าฉันไม่ได้รีบอยากมีลูกและคุณบอกฉันว่าไม่เป็นไร ตอนนั้นฉันได้เลือกชื่อไว้แล้วว่าถ้าเรามีลูกชาย เขาจะชื่อโม่ถิง และถ้าเรามีลูกสาว เธอจะชื่อโม่ซิน” ไป๋ลี่หวารื้อฟื้นความทรงจำอย่างแล้วอย่างเล่า “นังสารเลวนั่นสามารถบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับคุณได้ไหมล่ะ หล่อนพูดได้แค่ว่าเพลิงไหม้ครั้งนนั้นรุนแรงเกินไปจนเธอสูญเสียความทรงจำทั้งหมด”
คุณพ่อโม่มองดูไป๋ลี่หวาอย่างละเอียด ไม่แปลกใจที่เขาจะรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
แต่…
“เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เธอรู้เรื่องทั้งหมดนี้ เธอก็แสร้งทำเป็นเมียฉันไม่ได้ ฉันจำหน้าของเมียฉันได้”
ไป๋ลี่หวาไม่ได้โต้แย้งหรือคาดหวังอะไรจากคุณพ่อโม่ เธอถอดใจจากผู้ชายคนนี้ไปแล้ว “คุณจะได้ชดใช้อย่างสาสมกับสิ่งที่คุณพูดกับฉันวันนี้ ส่วนนังสารเลวที่อยู่ข้างหลังคุณ มันจะต้องพบจุดจบที่น่าสยดสยองอย่างแน่นอน”
“แกหลอกเราไม่ได้หรอก หนังหน้าแบบนั้น แกคิดจะมาอ้างเป็นฉันได้งั้นเหรอ ทำไมไม่ไปชะโงกดูเงาตัวเองในโถชักโครกซะก่อน”
…
ถังหนิงได้ฟื้นสติมาได้สักพักและหัวของเธอก็โล่งขึ้นมาก ทันทีที่เธอดิ้นเสียงโต้แย้งจากภายนอก หญิงสาวก็เอ่ยถาม “ทำไมข้างนอกถึงเสียงดังจังคะ”
โม่ถิงกอดเธอและเล่าทุกอย่างให้ฟังคร่าวๆ หลังได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น ถังหนิงไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ฮว่าเหวินเฟิ่งนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ”
“ผมจะปล่อยผู้หญิงคนนั้นให้คุณจัดการ”
พูดง่ายๆ คือ เขากำลังบอกให้เธอตัดสินเรื่องนี้ในแบบที่เธอต้องการ
“เอาเรื่องของฉันไว้ทีหลังเถอะค่ะ เราต้องช่วยแม่คุณเรียกคืนตัวตนของเธอกลับมา” ถังหนิงกล่าด้วยเสียงนุ่ม อาจเป็นเพราะเธอได้รับความเจ็บปวด ร่างกายเธอจึงอ่อนแอและปากเธอก็แห้งผาก
สิ่งที่ถังหนิงพยายามจะพูดคือเธอจะเปิดโปงตัวตนของฮว่าเหวินเฟิ่งและฉีกหน้ากากของผู้หญิงคนนั้นทิ้งก่อนที่เธอจะแก้แค้นในสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นได้ทำเอาไว้ และการที่เธอบอกว่า ‘เอาเรื่องของเธอไว้ทีหลัง’ นั้นหมายความว่าเธอจะจัดลำดับผลที่เกิดขึ้นใหม่เท่านั้น
ครั้งนี้ ถังหนิงเกือบต้องทำแท้งและลูกของเธอเกือบได้รับบาดเจ็บ เรื่องในคราวนี้เลวร้ายยิ่งกว่าครั้งของถังเซวียน
ในเมื่อฮว่าเหวินเฟิ่งได้ก้าวล้ำเส้นของถังหนิง เธอก็จำเป็นต้องชดใช้
ถังหนิงจะช่วงชิงทุกอย่างที่เป็นของฮว่าเหวินเฟิ่ง!
“คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม” การได้เห็นถังหนิงอยู่ในสภาพอ่อนแอทำให้โม่ถิงรู้สึกผิด “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณและลูกในห้อง ผมคงไม่รู้จะทำยังไง”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” ถังหนิงเรียกความเชื่อมั่น “ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ลูกก็ด้วย”
โม่ถิงยังคงนิ่งเงียบ เขาเพียงแค่กอดถังหนิงไว้แนบแน่นขณะที่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น “ถ้าผมรู้ว่าการมีลูกจะทำให้คุณเจ็บปวดแบบนี้ ผมไม่มีเสียดีกว่า”
“คุณพูดอะไรไร้สาระแบบนั้น นี่เป็นช่วงชีวิตที่ผู้หญิงทุกคนต้องเผชิญกันทั้งนั้น ฉันโชคดีมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ แล้วเพราะฉันมีคุณอยู่เคียงข้าง บางทีฉันก็รู้สึกว่าคุณเจ็บมากกว่าฉันอีก” พูดจบถังหนิงก็ตบลงบนที่ว่างข้างตัวเธอ ส่งสัญญาณให้โม่ถิงเอนตัวลงนอน “แค่มีผู้ชายที่น่ามหัศจรรย์อย่างคุณ ฉันก็พอใจแล้วค่ะ”
“เราจัดการเรื่องข้างนอกวันพรุ่งนี้เถอะนะคะ ตอนนี้มาพักผ่อนกันก่อน คุณคงเหนื่อยมาก”