วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 708 ออมมือไว้สักหน่อยเสมอ เผื่อเราจะได้เจอกันอีก!
การคาดการณ์ของถังหนิงนั้นถูกต้อง ซ่งซินเข้าไปเยี่ยมต้วนจิ่งหงที่โรงพยาบาลตอนเช้าตรู่ของวันถัดมา แม้ต้วนจิ่งหงจะรู้ว่าซ่งซินมาทำไม หญิงสาวกลับไม่ได้รู้สึกเกลียดเธอเท่าที่คิดเอาไว้เมื่อได้พบเธออีกครั้ง แม้ว่าซ่งซินจะทอดทิ้งเธอเพื่อปกป้องตัวเองตั้งแต่วันแรกที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นก็ตาม
“จิ่งหง ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ…” เซียวอวี่เหอนั้นได้เตรียมเทคนิคการประชาสัมพันธ์เอาไว้แล้ว แต่ซ่งซินกลัวว่าอะไรๆ จะผิดพลาดเพราะต้วนจิ่งหง ดังนั้นเธอจึงยังแสร้งทำเป็นว่าถูกสาธารณชนรังเกียจและไร้ที่พึ่ง
“ฉันจะช่วยเธอด้วยสภาพแบบนี้ได้ยังไงล่ะ” ต้วนจิ่งหงเอ่ยถามอย่างเยาะเย้ยตนเอง
“เพื่อที่จะโค่นฉัน ถังหนิงต้องมาหาเธออย่างแน่นอน แต่แค่นี้หน้าที่การงานของฉันก็ย่ำแย่มากพอแล้ว ฉันสูญเสียโอกาสในการคืนสู่วงการไปด้วยไม่ได้หรอกนะ ดังนั้นเธอช่วยไปจากปักกิ่งและไม่ให้ใครพบเจอได้ไหม ฉันสาบานว่าตราบใดที่ฉันได้กลับไปรุ่งเรืองเหมือนก่อนหน้านี้ ฉันจะพาเธอกลับมาและดูแลเธอเป็นอย่างดี”
ต้วนจิ่งหงไม่ได้เคลิบเคลิ้มไปกับคำพูดของซ่งซิน ท่าทีของหญิงสาวสงบนิ่งและมีกลิ่นอายของความไม่แยแสเล็กน้อย “ประธานเซียวเตรียมอะไรเอาไว้รองรับเธอหรือยังล่ะ”
ซ่งซินตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ รอยยิ้มจอมปลอมค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ “ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
“ถังหนิงมาคุยกับฉันแล้ว” ต้วนจิ่งหงเผยอย่างนิ่งๆ “เขาหวังว่าฉันจะเป็นพยานยืนยันความผิดของเธอ แต่ฉันไม่ได้ตอบตกลงเพราะเห็นแก่อดีตของเรา เราต่อสู้เคียงข้างกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้ว ถึงเธอจะกลายเป็นคนเลว ฉันก็ไม่ใจร้ายพอที่จะโหดเ**้ยมกับเธอ”
“ถังหนิงมาคุยกับเธอแล้วเหรอ” ซ่งซินเมินเฉยต่อท่าทีใจดีของต้วนจิ่งหงไปโดยสิ้นเชิงและจับแต่ข้อเท็จจริงที่ว่าต้วนจิ่งหงได้พบกับถังหนิงแล้ว
ดังนั้นเธอจึงไม่ไว้ใจต้วนจิ่งหงเป็นธรรมดา…
เธอไม่ไว้ใจเพื่อนคนนี้เลยแม้แต่น้อย
“ใช่ เขามาเจอฉันเมื่อคืนนี้”
“ข้อเสนอของถังหนิงต้องน่าสนใจมากแน่ๆ” ซ่งซินพลันวิตกขึ้นมา เธอจะลงมือกับคนที่ทำงานด้วยกันมาหลายปีจริงๆ อย่างนั้นหรือ
“ตอนนี้เธอคงกำลังหาทางจัดการกับฉันสินะ” ต้วนจิ่งหงเข้าใจซ่งซินเป็นอย่างดีและเปิดโปงความคิดของหญิงสาวออกมาตรงๆ “ฉันสงสัยจังว่าเธอรู้สึกไม่สบายใจสักนิดหนึ่งบ้างหรือเปล่า”
สายตาซ่งซินมืดมนลงขณะที่เธอสังเกตเห็นความรู้สึกอันตรายที่แปลกประหลาดภายในดวงตาของต้วนจิ่งหง
“ฉันขอสัญญาว่าฉันจะไป” ในตอนท้าย ต้วนจิ่งหงยอมแพ้และพยายามประนีประนอม “ฉันจะไปทันที”
ในสายตาซ่งซิน ณ ตอนนั้น หญิงสาวสันนิษฐานว่าทั้งหมดที่ต้วนจิ่งหงทำลงไปคือส่วนหนึ่งในแผนการของถังหนิง ดังนั้นแม้ว่าต้วนจิ่งหงจะพูดว่าเธอจะไป ซ่งซินก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
“ไม่นะ อย่าไปเลย มาอยู่กับฉันแทนเถอะ”
เมื่อได้ยินข้อเสนอแนะของซ่งซิน ต้วนจิ่งหงก็หัวเราะด้วยความเย้ยหยันและไม่พูดอะไร ถังหนิงอาจเห็นเหตุการณ์นี้ล่วงหน้าแล้วก็เป็นได้
“เธอพาฉันไปด้วยไม่ได้หรอก” ต้วนจิ่งหงอธิบายนิ่งๆ “ถังหนิงจัดเตรียมบอดีการ์ดสี่คนมาเฝ้าหน้าห้องเอาไว้แล้ว”
ซ่งซินมองหน้าต้วนจิ่งหงด้วยความประหลาดใจ
“หนุ่มๆ เข้ามาสิ” ต้วนจิ่งหงตะโกนไปทางประตู นี่เป็นสัญญาณว่าซ่งซินกำลังจะสูญเสียโอกาสที่จะได้พบต้วนจิ่งหงอีกครั้ง
“สุดท้ายเธอก็ทรยศฉันแล้วไปเป็นพวกเดียวกับถังหนิงสินะ”
ต้วนจิ่งหงรู้สึกสนุกไม่น้อยเลยหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น “เธอต่างหากล่ะที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นอันดับแรกเสมอ ซ่งซิน อย่าแข่งกับถังหนิงเลย นี่คือคำเตือนสุดท้ายของฉันในฐานะเพื่อน อีกอย่าง ฉันอยากจะเตือนเธอเอาไว้ด้วยว่าถังหนิงรู้เรื่องที่เธอพยายามจะฆ่าลูกเขา ฉันเดาว่าเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอได้ชดใช้ โชคดีด้วยตัวเองก็แล้วกันนะ!”
ซ่งซินจ้องหน้าต้วนจิ่งหง สุดท้ายหญิงสาวก็ทำได้แค่เมินอดีตเพื่อนรักแล้วจากไป
ซ่งซินนั้นมีอำนาจเพราะเธอชั่วร้ายและรู้จักการใช้ภูมิหลังของตัวเองในฐานะหลานสาวของข้าราชการคนหนึ่งเพื่อทำอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ
ทว่าถังหนิงนั้นมีอำนาจเพราะเธอรู้จักการเล่นกับใจของคน
…
เซียวอวี่เหอสัญญากับซ่งซินว่าเขาจะช่วยเธอหันเหความสนใจของสาธารณชน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหาแพะมารับบาปนี้แทน ทว่าถังหนิงไม่ให้โอกาสเขาทำเช่นนั้น แม้เธอจะไม่ได้ใช้ต้วนจิ่งหง เธอก็ยังมีวิธีอื่นๆ ในการกระชากโอกาสในการคืนวงการของซ่งซินทิ้ง
“มาดูข่าวบันเทิงล่าสุดนี่สิ มันเป็นเรื่องต่อจากการกล่าวหาว่า ‘คนรักที่สาบสูญ’ ลอกผลงานของคนอื่นมาน่ะ ทุกคนรู้ว่าโรงภาพยนตร์เครือหนึ่งไม่ยอมฉาย ‘คนรักที่สาบสูญ’ ก่อนวันฉายเดิมของมันเสียอีก โรงภาพยนตร์เครือนี้หรือไคหวงน่ะเป็นดาวดวงใหม่ในวงการเลยนะ วงในเผยว่าทายาทหนุ่มของไคหวงกำลังตามจีบซ่งซินอยู่ เขาต้องทิ้งเงินจำนวนมากไปเพื่อทำให้เธอพอใจ เพราะยังไงทุกคนก็รู้ว่า ‘คนรักที่สาบสูญ’ ทำเงินได้มากกว่าสี่ร้อยล้านหยวนแล้วตั้งแต่ออกฉายมา ฉันสงสัยจังว่าผู้ถือหุ้นที่ไคหวงได้เป็นลมไปเพราะความโกรธบ้างหรือยัง”
“ศึกระหว่างซ่งซินกับถังหนิงนั้นรุนแรงขึ้นทุกที แม้ถังหนิงจะไม่เคยตอบโต้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าท่านประธานโม่นั้นไม่มีความอดทนกับเรื่องพวกนี้ในฐานะที่เป็นผู้จัดการของเธอ ถ้าตัดสินจากระดับความสำคัญที่ไห่รุ่ยมอบให้กับปัญหานี้แล้ว ฉันคิดว่ามันก็ชัดเจนอยู่นะว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น”
“วงในคนนั้นยังเผยอีกว่าทายาทหนุ่มวางแผนจะใช้เงินเพื่อหันเหความสนใจของสาธารณชน แม้ฉันจะไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ดูเหมือนเขาจะตกหลุมรักเธอจริงๆ นะ”
เซียวอวี่เหอกำลังวางแผนใช้เงิน…
…ช่วนซ่งซินหันเหความสนใจของสาธารณชน!
ด้วยคำเตือนล่วงหน้านี้ ถังหนิงกำลังจะได้เห็นว่าเซียวอวี่เหอวางแผนที่จะลงมืออย่างไร
ถึงเขาจะลงมือ สาธารณชนจะไขว้เขวเพราะเขาหรือ
ไห่รุ่ยยังไม่ได้จัดการกับซ่งซิน อันดับแรก พวกเขาไม่มีหลักฐาน และอันดับที่สอง พวกเขายังเล่นกับเธอไม่เสร็จ!
ถังหนิงจะทำให้ซ่งซินต้องชดใช้โดยไม่คำนึงว่าผู้หญิงคนนี้จะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นผิดหรือไม่
หลังจากสูญเสียโอกาสสุดท้ายที่มี ซ่งซินก็มองไปยังคำด่าทอบนโลกออนไลน์และควบคุมอารมณ์ไม่ได้ในที่สุด หญิงสาวสนุกกับการวางแผนทำร้ายผู้อื่น อันที่จริงมันเป็นเรื่องที่สะใจมากสำหรับเธอ ทว่าเมื่อถึงคราวที่ตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ หญิงสาวก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาโดยพลัน นี่คือข้อพิสูจน์อย่างอ้อมๆ ว่าการเป็นคนที่ไม่ยอมผ่อนปรนกับคนมีอีคิวสูงนั้นเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างยิ่ง การเป็นคนที่ไม่ยอมผ่อนปรนนั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นคนฉลาด เพราะผู้ที่มีอีคิวสูงนั้นก็สามารถเป็นคนที่ไม่ยอมผ่อนปรนได้เช่นกัน และถังหนิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
แน่นอนว่าซ่งซินมีความฉลาดอยู่เพียงหยิบมือเดียว
เซียวอวี่เหอเห็นซ่งซินพ่ายแพ้จนหมดสภาพแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงรู้สึกโกรธ หลังจากซ่งซินหลับไปแล้ว ชายหนุ่มจึงโทรหาเลขาฯ ของเขาและบอกเธอให้ติดต่อไห่รุ่ยเพื่อส่งข้อความไปหาโม่ถิงว่า “ออมมือไว้สักหน่อยเสมอ เผื่อเราจะได้เจอกันอีก!”
เลขานุการของไห่รุ่ยส่งข้อความนั้นให้ลู่เช่อ แต่เมื่อชายหนุ่มได้ยินข้อความนั้น เขาถึงกับส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างดูแคลน ทำไมตอนที่วางแผนทำร้ายคนอื่นซ่งซินถึงไม่ออมมือสักหน่อยล่ะ
บนโลกนี้มีพวกปากว่าตาขยิบอีกมากมายที่ไม่สามารถหยุดได้
แน่นอนว่าลู่เช่อส่งต่อข้อความนั้นให้โม่ถิงครบถ้วนทุกคำ ทว่าคำตอบของโม่ถิงคือ “ทำให้เซียวอวี่เหอรู้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ สิ่งที่ซ่งซินสูญเสียไปมันยังไม่ถึงหนึ่งในพันของสิ่งที่คนอื่นๆ สูญเสียไปเลย!”