วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 725 ใครจะไปพิสูจน์อะไรได้
ขณะที่ซ่งซินกำลังแสดงความไม่พอใจต่อไห่รุ่ยให้โลกรู้ ต้วนจิ่งหงได้เดินทางไปถึงสถานีตำรวจด้วยตัวเองและบอกพวกเขาว่าเธอต้องการแจ้งความ
เมื่อเจ้าพนักงานถามว่าเธอต้องการแจ้งความเรื่องอะไร เธอเพียงแค่กล่าวอย่างกล้าหาญว่าเธอต้องการมอบตัว
ตำรวจเริ่มดำเนินการสอบสวนและต้วนจิ่งหงใช้เวลาทั้งบ่ายในการอธิบายว่าเธอจัดการสร้างสถานการณ์ในการทำร้ายขาของฮั่วจิงจิงอย่างไรและเธอปั่นหัวฮว่าเหวินเฟิ่งให้คุกคามถังหนิงอย่างไร เธอไม่พยายามปิดบังความจริงเลยแม้แต่น้อย
“คุณครับ ถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงแล้วละก็ อ้างอิงจากกฎหมาย คนอื่นที่คุณต้องการจะกล่าวหาจะไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบหลักในคดีพวกนี้ คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า พูดง่ายๆ คือถ้านี่เป็นเรื่องจริง คุณจะเป็นผู้ต้องหาหลักและผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเพียงตัวประกอบเท่านั้น คุณเข้าใจใช่ไหม”
“ค่ะ ฉันเข้าใจ” ต้วนจิ่งหงพยักหน้าอย่างรู้ความ “ฉันก่อเหตุต่างๆ แต่คนที่สั่งให้ฉันทำเป็นอีกคนหนึ่ง คนคนนั้นคือซ่งซิน ฉันแค่รื้อฟื้นความจริงและข้อเท็จจริงต่างๆ เท่านั้น ส่วนผลที่ตามมา ฉันจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและศาลเป็นผู้ตัดสิน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ฉันก็สมควรได้รับเช่นนั้น”
หลังได้ยินคำตอบของต้วนจิ่งหง เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างพยักหน้า “ดีครับ คุณตระหนักถึงสิ่งต่างๆ ได้ดี ในเมื่อเนื้อคดีพวกนี้มีความร้ายแรง เราจะทำการสืบสวนให้กระจ่าง ไม่เช่นนั้นความโสมมในวงการบันเทิงคงได้แพร่ไปถึงทะเลที่ขั้วโลกแน่!”
ต้วนจิ่งหงยังคงสงบนิ่ง โดยเฉพาะหลังจากที่เธอได้พูดความจริงออกมา เธอไม่มีภาระใดๆ ต้องแบกหรือมีพันธนาการใดๆ มาเหนี่ยวรั้งเธอไว้อีกแล้ว ดังนั้นในที่สุดเธอก็รู้สึกโล่งใจ…
บรรดาสื่อทราบข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นที่สถานีตำรวจอย่างรวดเร็วและพากันมารายล้อมรอบสถานที่แห่งนั้น เพราะต้วนจิ่งหงเป็นฝ่ายเข้ามอบตัวเองและให้ความร่วมมืออย่างดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุ้มครองเธอและไม่อนุญาตให้สื่อได้มีโอกาสเข้าใกล้เธอเลย
ถึงกระนั้นสื่อก็ยังคงป่าวประกาศเรื่องการมอบตัวของต้วนจิ่งหง…
เธอเป็นสมาชิกของวงเอโอบีจริงและเป็นคนเดียวกับต้วนจิ่งหงที่เคยพยายามจะขโมยของจากห้องทำงานของโม่ถิง ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นอดีตผู้จัดการของซ่งซินอีกด้วย เธออธิบายวิธีการที่เธอทำร้ายฮั่วจิงจิงและเกือบทำให้ถังหนิงต้องแท้งลูก รวมถึงยอมรับว่าเธอก่อเหตุทั้งหมดด้วยตัวเอง แต่คนสั่งให้เธอทำเรื่องทั้งหมดคือซ่งซิน!
จากนั้นโลกอินเทอร์เน็ตได้เต็มไปด้วยความคิดเห็นมากมาย!
โม่ถิงได้ส่งคนสองคนไปดูแลความปลอดภัยของต้วนจิ่งหงด้วย ปรากฏว่าไห่รุ่ยให้การสนับสนุนการตัดสินใจของต้วนจิ่งหงเป็นอย่างมาก
[ฉันไม่เคยว่าการบาดเจ็บของฮั่วจิงจิงจะมีอะไรมากกว่านั้นเลยนะ ต้วนจิ่งหงสมควรถูกเกลียดแล้วละ แต่ซ่งซินนั่นมันโรคจิตชัดๆ!]
[ต้วนจิ่งหงยอมมอบตัวกับตำรวจด้วยตัวเอง ถึงเธอจะทำเรื่องเลวร้ายมากมาย เธอก็ยังกล้ายอมรับความผิดถือว่าน่าชื่นชมมากนะ]
[ไม่อยากเชื่อว่าซ่งซินจะพยายามกล่าวหาว่าไห่รุ่ยเป็นคนทำร้ายปู่ของเธอทั้งที่ตัวเองแอบทำเรื่องไร้ยางอายมากมายแท้ๆ น่ารังเกียจจริงๆ!]
…
“นังสารเลวเอย!” ซ่งซินแทบจะเสียสติหลังได้เห็นข่าวเรื่องต้วนจิ่งหงเข้ามอบตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าเธอจะได้รับความเห็นใจโดยการใช้การบาดเจ็บของปู่ตัวเองเป็นเครื่องมือ แต่เธอไม่เคยคาดคิดว่าต้วนจิ่งหงคนนั้นจะยอมเข้ามอบตัวกับตำรวจ “ไม่มีหลักฐานแบบนี้นังสารเลวนั่นรู้ตัวหรือเปล่าว่าสุดท้ายมันนั่นแหละจะเจ็บตัว”
ในความเป็นจริง คำกล่าวหานี้กับคำกล่าวหาที่เธอใส่ความไห่รุ่ยนั้นไม่แตกต่างกัน ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครสามารถแสดงหลักฐานที่ชัดเจนได้ ทั้งหมดเป็นเพียงคำพูดและการกระทำเท่านั้น
แต่ความจริงที่ต้วนจิ่งหงเป็นฝ่ายเข้าไปที่สถานีตำรวจด้วยตัวเองทำให้ความจริงใจและคำพูดของเธอดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ดังนั้นความเห็นของประชาชนจึงเทมาอยู่ข้างเธออย่างฉับพลัน
“ฉันทนนั่งอยู่เฉยๆ แบบนี้ไม่ได้หรอก ฉันต้องโต้ตอบ!” หลังพูดจบซ่งซินโทรหาเซียวอวี่เหอ “ฉันต้องการฟ้องร้องต้วนจิ่งหงข้อหาหมิ่นประมาท ไปแจ้งความจับมันที่สถานีเดียวกันกับที่มันอยู่เลย!”
เซียวอวี่เหอไม่เก่งเรื่องการรับมือกับปัญหา ดังนั้นเขาจึงเห็นด้วยว่าวิธีนี้จะเป็นการเอาคืนต้วนจิ่งหงที่ดีที่สุดและพาซ่งซินตรงไปยังสถานีตำรวจเพื่อเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายแบบซึ่งหน้า
ส่งผลให้สถานีตำรวจดังกล่าวแน่นขนัดไปด้วยผู้คน!
ต้วนจิ่งหงไม่คิดว่าซ่งซินจะปรากฏตัวที่สถานีตำรวจเดียวกัน และไม่คาดคิดว่าซ่งซินจะฟ้องร้องเธอในข้อหาหมิ่นประมาทต่อหน้าต่อตาเธอแบบนี้
บรรดาสื่อต่างกระหายที่จะหาข้อมูลไปเขียนข่าวแต่ตำรวจได้เตรียมการระวังไว้หมดแล้ว
ส่งผลให้ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองฝ่ายสามารถปรากฏตัวที่สถานที่เดียวกันได้
เมื่อศัตรูเผชิญหน้ากัน ดวงตาของพวกเธอสุมไปด้วยไฟแค้น แต่ซ่งซินตระหนักดีว่าการกระทำของต้วนจิ่งหงในวันนี้มีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับทั้งสองฝ่ายและไม่เกิดผลดีใดๆ
“แค่เธอทำร้ายชื่อเสียงของตัวเองก็แย่พอแล้ว ยังมาพยายามลากฉันไปด้วยอีก พอใจกับผลลัพธ์ตอนนี้ไหมล่ะ”
เมื่อได้ยินคำถามของซ่งซิน สายตาต้วนจิ่งหงนั้นทั้งเยือกเย็นและสงบนิ่ง “เธอหนีไม่พ้นหรอก”
“เธอมีหลักฐานอะไร” ซ่งซินถามพลางยักไหล่ทั้งสองข้าง “ในเมื่อเธอเดบิวต์ไปแล้ว เธอก็ควรจะมุ่งมั่นกับการเป็นดาราของเธอไปสิ ทำไมถึงได้มาทำลายตัวเองด้วยวิธีนี้”
ต้วนจิ่งหงไม่พูดอะไรขณะที่เธอหลับตาลง
เห็นเช่นนั้น ซ่งซินอยากจะขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น แต่คนของไห่รุ่ยรีบเข้ามาขวาง “ถอยไป!”
“นี่ถึงขนาดมีบอดีการ์ดเลยเหรอ”
“ผมบอกให้คุณถอยไป ไม่ได้ยินหรือไง” คนของไห่รุ่ยผลักซ่งซินออกไป
“พวกแกไม่ได้ดูหรือไงว่ากำลังปกป้องใครอยู่ นังนั่นมันก็แค่เด็กหน้าใหม่ สมควรให้คนอย่างพวกแกมาดูแลหรือไง”
“อย่างน้อยเธอก็มีเกียรติ คุณมีแค่หัวใจที่ต่ำช้า” หลังพูดจบ บอดีการ์ดเตือนไม่ให้ซ่งซินเข้ามาใกล้อีกแม้แต่ก้าวเดียว
จากนั้น อ้างอิงจากสิ่งที่ต้วนจิ่งหงกล่าว ตำรวจได้ทำการค้นบ้านของเธอแต่ไม่พบหลักฐานใดๆ ส่งผลให้ไม่สามารถยอมรับการมอบตัวของเธอได้เช่นกัน
“จากการสืบสวนของตำรวจ ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่ระบุว่าคุณทั้งทั้งสองคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับทั้งสองเหตุการณ์ ดังนั้นตำรวจจึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะจับกุมพวกคุณ พวกคุณทั้งสองคนควรกลับบ้านได้แล้ว เราจะติดต่อคุณเมื่อมีความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้น”
หลังได้ยินสิ่งที่เจ้าหน้าที่กล่าว ซ่งซินระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น “ต้วนจิ่งหง นี่ไงผลของการมอบตัวของแก!”
หลังจากนั้น เธอหันไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจและร้องตะโกนขึ้น “ฉันต้องการฟ้องร้องต้วนจิ่งหงในข้อหาหมิ่นประมาท!”
เจ้าหน้าที่จ้องมองไปที่ซ่งซินและกล่าวกับเธอด้วยท่าทีรำคาญ “เราเพียงแค่ยังไม่พบหลักฐาน คุณจะอวดดีไปทำไม ก่อนที่เราจะปิดคดีนี้ คุณยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่นะ!”
“พวกทนายของฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”
ซ่งซินพูดจบ ก็เดินดุ่มๆ ออกจากสถานีตำรวจด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ต้วนจิ่งหงยังคงหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม “คุณได้ตรวจสอบของที่ฉันบอกคุณหรือเปล่าคะ พวกคุณไม่พบอะไรเลยงั้นเหรอ”
“คุณผู้หญิง ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ ผมรู้ว่าคุณต้องการให้ตัวการได้รับความผิด แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะหาหลักฐานให้กับเหตุการณ์แบบนี้ ทางที่ดีตอนนี้คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ”
ต้วนจิ่งหงไม่ยอมรับผลที่ออกมาและต้องการถามเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่านั้นแต่คนของไห่รุ่ยบอกกับเธอว่า “กลับกันก่อนเถอะครับ ไม่มีความจำเป็นต้องร้อนรน”
“ฉันโกรธที่ฉันทำได้แค่มองซ่งซินแต่ทำอะไรผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เลย!”
“การแก้แค้นมันช้าแต่แน่นอนนะครับ คนบางคนจะต้องได้รับผลกรรมในที่สุด”
การที่ตำรวจไม่พบหลักฐานใดๆ นั้นเป็นไปตามที่ซ่งซินคาดคิด เพราะเธอเพียงแค่สั่งด้วยปากเปล่าเท่านั้น ใครจะไปพิสูจน์อะไรได้
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะแสดงท่าทีอวดดี
ผลที่ได้คือทันทีที่เธอก้าวออกมาจากสถานีตำรวจ เธอกล่าวกับสื่อโดยตรง “เกี่ยวกับเรื่องที่ต้วนจิ่งหงเข้ามอบตัว ฉันจะปกป้องสิทธิ์ของตัวเองผ่านช่องทางทางกฎหมาย ฉันไม่เคยนึกเลยว่าฉันจะถูกเพื่อนรักของตัวเองแทงข้างหลังแบบนี้น นับจากวันนี้ไปฉันจะไม่มีเพื่อนแบบนี้อีก ยิ่งกว่านั้นฉันต้องการให้ต้วนจิ่งหงชดใช้อย่างสาสมกับสิ่งที่ได้ทำลงไป!”