วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 731 ผมอดใจรอกินคุณทั้งตัวไม่ไหวแล้ว
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น เด็กชายทั้งสองมีอายุได้หนึ่งเดือนแล้ว เพื่อเป็นการฉลอง เหล่าผู้อาวุโสได้จัดงานเลี้ยงขึ้นที่บ้าน ตลอดวันนั้น โม่ถิงกับถังหนิงไม่มีโอกาสได้อุ้มลูกๆ ของพวกเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
หลังจากหนึ่งเดือนเต็มแห่งการพักฟื้นอย่างระมัดระวัง ในที่สุดถังหนิงก็ได้สลัดเสื้อผ้าอันหลวมโครกและได้กลับมามีรูปร่างที่พอดีกับชุดเดรสตัวยาวของเธอในอดีตอีกครั้ง อาจเป็นเพราะเธอยังคงให้นมลูกของเธอด้วยตัวเอง ร่างกายส่วนบนของเธอจึงดูอวบอั๋นมากกว่าปกติ ประกอบกับร่างกายอันสูงเพรียวของเธอ ถังหนิงจึงดูเซ็กซี่และเย้ายวนยิ่งกว่าในอดีต
ด้วยเหตุนี้ ทั้งฮั่วจิงจิงและหลงเจี่ยต่างพากันแสดงท่าทีไม่พอใจ “เวลาคนอื่นคลอดลูก ร่างกายของผู้หญิงพวกนั้นดูไม่ต่างกับลูกแอปเปิล แล้วทำไมพอเธอคลอดรูปร่างเธอกลับดูเพอร์เฟกต์กว่าแต่ก่อนอีกล่ะ”
ทั้งหมดต้องขอบคุณท่านประธานโม่
หลังจากการคลอดลูก ถังหนังได้รับการดูแลเรื่องอาหารการกินโดยนักโภชนาการคนเก่าของเธอ และแม้เธอจะต้องดูแลลูกชายถึงสองคน เธอก็ไม่เคยลืมที่จะดูแลสัดส่วนของตัวเองด้วยการออกกำลังกาย
นั่นคือวิธีที่ทำให้เธอได้ผลลัพธ์อย่างปัจจุบันนี้ และมีร่างกายที่ดูดียิ่งกว่าแต่ก่อน
“ฉันรู้สึกว่าเธอยังเดินบนรันเวย์ได้สบายๆ ได้เลยนะ”
ถังหนิงมองไปที่โม่ถิงซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลพลางยิ้มด้วยความรักใคร่…
เป็นเพราะผู้ชายคนนี้ช่วยวางแผนชีวิตให้เธอเป็นอย่างดีจนเธอไม่เสียอะไรไปเลย
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือความมั่นใจของเธอ!
หลังงานเลี้ยง ซย่าอวี้หลิงอุ้มหลานชายทั้งสองและพูดกับถังหนิง “เดี๋ยวหลานๆ จะไปนอนที่บ้านยายคืนนี้นะ ลูกกับโม่ถิงค่อยมารับเด็กๆ พรุ่งนี้”
“ทำไมล่ะ”
ซย่าอวี้หลิงมองถังหนิงและขยิบตาให้ “พวกลูกไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแบบคู่รักมานานแค่ไหนแล้วล่ะ ลูกปล่อยให้ผู้ชายของตัวเองอดทนมานานขนาดนี้ได้ยังไงกัน”
“คุณแม่…” ถังหนิงกระแอม
“ไม่ต้องห่วง เรามีพี่เลี้ยงคอยดูแลอยู่ที่บ้าน เด็กๆ พวกนี้ไม่อดหรอก เอาตามนี้นะ” พูดจบ ซย่าอวี้หลิงและไป๋ลี่หวาก็ช่วยกันส่งแขกทุกคนกลับบ้านก่อนอุ้มหลานทั้งสองออกไป
เสียงอื้ออึงภายในห้องนั่งเล่นพลันหายไปกลายเป็นความเงียบสงัด ของตกแต่งต่างๆ ภายในห้องยังคงดูราวกับหลุดออกมาจากนิยาย แต่ถังหนิงใช้โอกาสนี้ในการเข้าหาโม่ถิงจากด้านหลังและกอดอีกฝ่ายเอาไว้ “เราไม่ได้มีเวลาสบายๆ แบบนี้ด้วยกันมาสักพักแล้วนะ”
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น ก็อย่าให้ความตั้งใจของแม่ต้องสูญเปล่าแล้วกัน…” ทันทีที่เขาพูดจบ โม่ถิงหันกลับมาและประคองถังหนิงไปที่โซฟา
“คุณรู้วัตถุประสงค์ของคุณแม่หรือเปล่า”
โม่ถิงโถมตัวลงทับร่างกายของถังหนิง ขณะที่เขาใช้แขนข้างหนึ่งยันไว้เหนือศีรษะของถังหนิง เขาใช้มืออีกข้างดึงเสื้อของหญิงสาวขึ้น
“ท่านคงเห็นผมว่าอดใจรอที่จะกินคุณทั้งตัวต่อไปไม่ไหวแล้ว”
คนรักทั้งสองไม่ได้มีเวลาอยู่ร่วมกันเช่นนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ถังหนิงไม่อาจจำได้อีกแล้ว ทั้งหมดที่เธอรู้คือสัมผัสของฝ่ามือชายหนุ่มที่ลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกวาบหวิวไปทั้งตัว ความรู้สึกสั่นสะท้านรุนแรงกว่าทุกครั้ง
“เราควรไปที่ห้องนอนกันไหมคะ”
“คุณกำลังอายเพราะกลายเป็แม่คนแล้วอย่างนั้นเหรอ” โม่ถิงถามพลางกดจมูกของเขาเข้าหาของถังหนิง
ถังหนิงไม่อาจหนีรอดไปได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงยอมรับขณะที่ใบหน้าของเธอเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ
โม่ถิงไม่พูดอะไรอีกพลางลุกขึ้นนั่งและปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองก่อนโยนไปข้างๆ แล้วหันมาถอดเดรสตัวยาวของถังหนิง…
ร่างกายของทั้งคู่ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน โม่ถิงดูแลถังหนิงเป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายของเธอไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย
ตามมาด้วยรสจูบอันคุ้นเคย ถังหนิงไม่มีแม้แต่โอกาสจะปฏิเสธจุมพิตนั้น… เธอทำได้เพียงโอบรัดเรียวแขนของเธอรอบลำคอของโม่ถิงขณะที่ความรู้สึกภายในของเธอพลันว่างเปล่าไปหมด
ไม่นานสิ่งพันธนาการบนร่างกายของเธอได้ถูกปลดเปลื้องไปจนหมด ถังหนิงมองโม่ถิงอย่างเว้าวอนจนความว่างเปล่าภายในตัวเธอในที่สุดก็รับการเติมเต็ม ส่งผลให้เธอปลดปล่อยเสียงร้องแห่งความพึงพอใจออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
เธอรักผู้ชายคนนี้มากเหลือเกิน เธอรักความรู้สึกที่มีเขาอยู่ภายในตัวเธอ วิธีที่ทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นและไม่อาจควบคุมตัวเองได้
โม่ถิงกลัวว่าเขาจะทำให้ถังหนิงเจ็บ เขาจึงถูไถกับอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล แต่ถังหนิงกลับกัดเข้าที่ไหล่ของเขาและพูดด้วยเสียงกระเซ่า “ถิง… ทำแบบที่คุณเคยทำสิ”
“หืม” โม่ถิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“ฉันต้องการให้คุณทำแบบที่คุณเคยทำ แบบที่รุนแรงและหนักหน่วง”
โม่ถิงไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงแต่ตอบสนองมันด้วยการกระทำ…
บนโซฟา บันได อ่างอาบน้ำ และอ่างล้างหน้า
ค่ำคืนนั้นถูกเติมเต็มด้วยความต้องการอันบ้าคลั่งที่ไร้จุดสิ้นสุด
หลังทั้งหมดนั้น ถังหนิงนอนเอนกายอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่ภายในอ้อมแขนของโม่ถิงและพูดด้วยน้ำสียงแหบพร่า “ฉันชดเชยสิ่งที่ติดค้างคุณไว้ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาหมดหรือยังคะ”
“คุณคิดว่าแค่นี้มันเพียงพองั้นเหรอ”
ไร้เดียงสาเสียจริง!
…
คืนนั้น ด้านนอกมีฝนตกอย่างหนัก เฉินซิงเยียนเพิ่งจะทำงานเสร็จและกำลังจะกลับบ้านกับอันจื่อเฮ่าขณะที่ทั้งสองเห็นชายชราคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู
เฉินซิงเยียนรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่อันจื่อเฮ่าเพียงแค่พูดขึ้น “เข้าไปข้างในก่อน”
เฉินซิงเยียนพยักหน้า จากนั้นเธอจึงเดินเข้าไปในห้องนอนของเธออย่างระมัดระวังเพื่อให้อันจื่อเฮ่าและชายชราคนนั้นได้มีพื้นที่ส่วนตัว
“จื่อเฮ่า เด็กคนนี้…” ลุงอวิ๋นถามออกมาด้วยความสงสัย
“แฟนผมเองครับ” อันจื่อเฮ่าตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง “คุณลุงทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”
“โอ้ นี่เธอมีแฟนแล้วสินะ จะแต่งงานกันหรือเปล่าล่ะ” ลุงอวิ๋นนั่งลงก่อนจะเริ่มขุดคุ้ยประเด็นนี้ “เธอสัญญาไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่า…”
อันจื่อเฮ่าเข้าใจดีว่าชายชราต้องการจะพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างใจเย็น “คุณลุง อวิ๋นซินก็จากไปได้หลายปีแล้วนะครับ ถึงเวลาที่ผมจะใช้ชีวิตของตัวเองเสียที”
“เธอหมายความว่ายังไง เราไม่เคยยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของเธอ แต่… ฉันแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง อวิ๋นซินต้องไม่พอใจกับเรื่องนี้แน่”
ได้ยินเช่นนั้น อันจื่อเฮ่าตกอยู่ในความเงียบ เขาเข้าใจดีว่าลุงอวิ๋นกำลังสื่อถึงอะไร เขากลัวว่าอันจื่อเฮ่าจะหยุดให้การดูแลตัวเขากับภรรยาหลังจากที่แต่งงานใหม่
“ในเมื่อผมสัญญากับอวิ๋นซินไว้ว่าจะดูแลลุงกับป้า ผมก็จะไม่มีวันกลับคำ”
“ไม่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่ไม่ยอมรับเรื่องที่เธอมีแฟนใหม่” ลุงอวิ๋นเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ท่าทีของเขาทั้งแข็งกระด้างและไม่พอใจ “พวกเราคิดเสมอว่าสักวันหนึ่งเธอจะอยู่ในงานศพของพวกเราแทนในส่วนของอวิ๋นซิน”
พูดง่ายๆ คืออันจื่อเฮ่าเป็นของอวิ๋นซินและไม่อาจเป็นของคนอื่นได้ ไม่เช่นนั้นมันเท่ากับเขากำลังนอกใจเธอ
อันจื่อเฮ่าดูแลชายหญิงชราทั้งสองมานานหลายปี จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ทั้งสองจะเป็นกังวลแต่การกระทำแบบนี้มันไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยงั้นหรือ
“ข้อแรกนะครับคุณลุง อวิ๋นซินกับผมเราเป็นแค่แฟนกัน เราไม่เคยแต่งงานกันด้วยซ้ำ ข้อสอง ผมสัญญากับอวิ๋นซินว่าผมจะดูแลพวกคุณ แต่ผมยังคงมีชีวิตของผมเอง ผมไม่อาจปล่อยให้ใครมากำหนดชีวิตของผมได้ คุณลุงเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อไหม”
ลุงอวิ๋นไม่พูดสิ่งใดอีกก่อนจะกลับไปอย่างรวดเร็ว “ฉันจะมาหาเธอใหม่วันหลัง”
หลังชายชรากลับไปแล้ว อันจื่อเฮ่าถอนหายใจออกมาและชำเลืองตามองไปที่ประตูห้องนอนซึ่งอยู่ไม่ไกล “ออกมาเถอะ…”
เฉินซิงเยียนไม่คิดว่าอันจื่อเฮ่าจะรู้ว่าเธอกำลังแอบฟังอยู่ ดังนั้นเธอจึงเปิดประตูและเผยตัวออกมา “ผู้ชายคนนั้น…”
“พ่อของอวิ๋นซิน” อันจื่อเฮ่าตอบอย่างตรงไปตรงมา “ฉันดูแลพ่อแม่อวิ๋นซินแทนอวิ๋นซิน”
ก่อนหน้านี้ อันจื่อเฮ่าคิดว่าเขาเป็นสาเหตุการตายของอวิ๋นซิน ดังนั้นการดูแลคนชราทั้งสองแทนเธอจึงดูสมเหตุสมผล แต่ท้ายที่สุดการตายของเธอนั้นที่จริงแล้วเป็นผลจากแผนชั่วของหลานซี
“นายยังจำเป็นต้องดูแลพวกเขาต่อไปในอนาคตไหม” เฉินซิงเยียนถาม
“เธอไม่พอใจเรื่องนี้หรือไง”
“ถ้าพวกเขาเข้าใจ ฉันก็ไม่อะไรหรอก แต่ถ้าไม่…” เฉินซิงเยียนตอบอย่างตรงไปตรงมา “เขาต้องการควบคุมชีวิตนาย”
“ฉัน…เรื่องนั้นฉันก็รู้ ปล่อยเรื่องนี้ให้ฉันจัดการเถอะ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลแล้ว ไปอาบน้ำไป พรุ่งนี้เธอต้องไปออดิชั่น”
“อันจื่อเฮ่า ฉันเป็นคนที่ชอบยอมแพ้นะ แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้เรื่องของนาย ช่วยอย่าทำอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกแย่แล้วกัน”