วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 785 พ่อกับแม่ไม่ชอบลูกสาวเหรอ
“ใช่ไหมล่ะ ลูกตัวเองป่วยอยู่แท้ๆ มัวแต่ไปถ่ายภาพยนตร์ โตขึ้นลูกจะไม่เกลียดเธอแย่เลยเหรอ”
ในสายตาคนเป็นหมอ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนที่ครองโลกหรือเป็นเพียงขอทานที่ต่ำต้อยบนท้องถนน พวกเขาก็หลีกเลี่ยงการใช้ยา การฉีดยาและการเข้าโรงพยาบาลไม่ได้
ดังนั้นแม้ว่าถังหนิงจะมีเหตุผลอันแสนสำคัญ พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าเธอกำลังลบหลู่ความเป็นแม่ของตัวเองด้วยการไม่อยู่เคียงข้างลูกยามที่เขาเจ็บไข้
ซูหลิงไม่พูดอะไรแต่หยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาค้นชื่อของถังหนิง ที่โลกภายนอกนั้นเต็มไปด้วยข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ถังหนิงจะชนะรางวัลเฟยเทียนสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
“เอ่อ ดูนี่สิ เธอกำลังจะชนะรางวัลล่ะ”
หลังจากเห็นข่าวที่ว่า ซูหลิงก็เก็บโทรศัพท์ของเธอแล้วแสยะยิ้มก่อนจะกลับไปรักษาคนไข้ต่อ
เธอเคยได้ยินเรื่องความสัมพันธ์ของโม่ถิงและถังหนิงมาก่อน พวกเขาดูจะไปกันได้สวย แต่ทำไมผู้เป็นพ่อถึงได้โผล่มาคนเดียวในตอนที่ลูกของพวกเขากำลังล้มป่วยล่ะ
อีกอย่าง ทำไมโม่ถิงถึงไม่เคยพูดถึงถังหนิงเลย เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาแสร้งทำต่อหน้าทุกคน
ซูหลิงคุ้นเคยกับการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ดี แต่ละฝ่ายต่างก็ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจ แต่เด็กคือฝ่ายที่น่าสงสารที่สุด ดูเหมือนว่าผู้ชายอย่างโม่ถิงต้องการเพียงแค่คนที่เหมาะสมจะมอบลูกให้เขา ไม่มีทางเลยที่เขาจะมีผู้หญิงเพียงคนเดียว
…
แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากที่ถังหนิงย้ายกองไปอยู่ในหุบเขา โม่ถิงก็พาลูกๆ ไปเยี่ยมเธอเพียงเพราะเขาคิดว่าเธอจะคิดถึงพวกเขา
วันนั้นถังหนิงเพิ่งถ่ายทำเสร็จและเนื้อตัวยังเปรอะเปื้อนไปหมด ขณะที่เธอเห็นโม่ถิงอุ้มเด็กน้อยทั้งสองมาจากไกลๆ หญิงสาวก็ยิ้มออกมาบางๆ
ตัวประกอบในกองถ่ายพูดขึ้นมาทันทีว่า “ถังหนิง ตั้งแต่เธอมาร่วมแสดงด้วยเนี่ย ฉันไม่เคยเห็นเธอยิ้มแบบนี้มาก่อนเลย มีแค่ท่านประธานโม่คนเดียวสินะที่ได้เพลิดเพลินไปกับการปฏิบัติอันแสนพิเศษนี้!”
“พี่หนิงคะ ท่านประธานโม่กำลังอุ้มลูกของพี่อยู่ แต่เด็กอีกคนคือลูกของใครเหรอคะ ทำไมเขาถึงอุ้มมาสองคนล่ะ”
“ฮืม ฉันคิดว่าเด็กอีกคนก็เป็นลูกฉันเหมือนกันนะ…เพราะฉันคลอดลูกแฝดน่ะ” ถังหนิงยิ้ม
ตัวประกอบทั้งหลายยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความประหลาดใจก่อนจะชูนิ้วโป้งให้เธอ “พี่นี่ยอดไปเลยค่ะ! พี่ไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณชนเลยนี่คะ”
“หวังว่าเธอจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเพื่อฉันได้นะ…”
หลังจากพูดจบ ถังหนิงก็เดินเข้าไปหาพ่อลูกทั้งสามโดยที่ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า
ไม่มีใครคาดคิดว่าโม่ถิงผู้น่าเกรงขามจะมาปรากฏตัวที่กองถ่ายพร้อมลูกๆ ของเขา ฉากตรงหน้านี้มันยากเกินจะจินตนาการจริงๆ
จริงๆ แล้วมันเป็นการทำผิดกฎข้อตกลง แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นกับตาตัวเอง กลับดูเป็นธรรมชาติและอบอุ่นด้วยเหตุผลบางอย่าง
“ทำไมจู่ๆ ถึงมาล่ะคะ”
“ไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดเถอะครับ พวกเราจะรอคุณอยู่ในห้อง” โม่ถิงตอบ
“ได้ค่ะ” ถังหนิงพยักหน้า ไม่นานคู่รักก็หายไปจากสายตาของทุกคนพร้อมกับเด็กน้อยทั้งสอง อย่างไรก็ตาม ฉากที่ทั้งกองถ่ายเพิ่งจะได้เห็นนั้นทำให้พวกเขารู้สึกชื่นชมครอบครัวนี้เหลือเกิน
“ท่านประธานโม่กับพี่หนิงนี่น่ารักกันเสียจริง พวกเธอเห็นความอบอุ่นและความรักในดวงตาของท่านประธานโม่ตอนที่เขามองไปที่พี่หนิงไหม พวกเขาจะดูสมบูรณ์แบบได้มากกว่านี้อีกไหมนะ”
“เห็นกันทุกคนอยู่แล้ว ฉันอิจฉาพี่หนิงจริงๆ …เธอมีลูกที่น่ารักตั้งสองคนแน่ะ เธอคือผู้ชนะในการใช้ชีวิตอย่างแท้จริงเลยล่ะ”
เพราะสถานะที่ถังหนิงค่อยๆ ก่อร่างสร้างสมมาอย่างช้าๆ ทันทีที่เธอก้าวเข้ามาในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง ‘ผู้รอดชีพ’ ทุกคนในกองถ่ายก็ดูแลเธอเป็นอย่างดีและปฏิบัติกับเธอด้วยความเคารพโดยไม่รู้ตัวราวกับว่าเธอคือ ‘พี่ใหญ่’ ของวงการ แต่แน่นอนว่านั่นยังเป็นเพราะถังหนิงสมควรได้รับความรักและความเคารพอีกด้วย
หลังจากก้าวเข้าไปในห้องของเธอ ถังหนิงอาบน้ำล้างตัวอย่างว่องไวโดยไม่แม้แต่จะกังวลเรื่องปกปิดรอยถลอกและบาดแผลที่เธอได้รับมาจากการถ่ายทำ หญิงสาวพุ่งตัวไปหาโม่ถิงและลูกๆ อย่างรวดเร็ว
โม่ถิงสังเกตเห็นเลือดที่ข้อมือของหญิงสาวแล้ว เมื่อเห็นว่าเธอไม่สนใจมัน เขาจึงวางลูกๆ ลงแล้วดึงถังหนิงเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “คุณเจ็บตัวมาเหรอครับ”
“ภาพยนตร์เรื่องนี้มันค่อนข้างอันตรายน่ะค่ะ” ถังหนิงตอบอย่างซื่อตรง “ฉันพยายามระมัดระวังอย่างที่สุดแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ”
โม่ถิงไม่ตอบ เขาเพียงแต่พยักพเยิดให้เธอไปหยิบกล่องยาแล้วเริ่มช่วยเธอล้างแผล “ไม่ว่าแผลจะเล็กน้อยแค่ไหน คุณก็ต้องรักษามันนะครับ ไม่อย่างนั้นจะเป็นรอยแผล”
ถังหนิงมองเจ้าสองแสบที่กำลังคลานไปมาอยู่บนเตียงแล้วอดดึงพวกเขามาไว้ในอ้อมแขนไม่ได้ เธอจูบลูกคนหนึ่งแล้วหันไปกอดลูกอีกคน ส่วนบาดแผลของเธอนั้น หญิงสาวเพียงแต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโม่ถิง…
“พรุ่งนี้พวกเราจะย้ายเข้าไปในป่ากันแล้ว ฉันอาจจะกลับบ้านไม่ได้ไปอีกสองเดือนเลยนะคะ…”
“ผมเตรียมการเรื่องวันหยุดไปพิธีมอบรางวัลเฟยเทียนให้คุณแล้วครับ” หลังจากรักษาบาดแผลของถังหนิงเสร็จ เขาก็คลุมมันด้วยแขนเสื้อของเธอ “คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเด็กๆ เลยครับ”
“โอเคค่ะ” ถังหนิงพยักหน้าโดยไม่ละสายตาจากเด็กๆ เลยแม้แต่นิดเดียว
“ผมจะมารับคุณในวันที่คุณถ่ายทำเสร็จนะครับ ผมมีบางอย่างที่ต้องบอกคุณ” โม่ถิงไม่คิดที่จะเก็บความลับจากถังหนิงไปอีกนานกว่านี้
“ได้ค่ะ…” ถังหนิงพยักหน้า “อย่าห่วงเลยค่ะ ฉันจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี…”
หลังจากที่คู่รักกันใช้เวลาร่วมกันอยู่พักหนึ่ง โม่ถิงก็จากไปพร้อมกับลูกน้อยทั้งสอง แน่นอนว่าลู่เช่อกำลังรออยู่ในรถ ไม่อย่างนั้นลำพังโม่ถิงคนเดียวคงไม่สามารถพาเจ้าตัวแสบสองคนนี้มาออกมาถึงสถานที่อันห่างไกลนี้ได้
คืนนั้น ถังหนิงย้ายเข้าไปยังสถานที่ถ่ายทำแห่งใหม่พร้อมกับนักแสดงและทีมถ่ายทำที่เหลือ ทว่าระหว่างทางไปที่นั่น ใจเธอกลับเต็มไปด้วยภาพโม่ถิงกับลูกชายทั้งสองของเธอ อันที่จริง หญิงสาวถึงกับไม่สามารถจดจ่ออยู่กับบทตรงหน้าได้
“พี่หนิงสุดยอดไปเลยค่ะ! ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นักแสดงหญิงสักคนจะทำสิ่งที่พี่ทำได้ เชื่อฉันได้เลยค่ะว่า ‘ผู้รอดชีพ’ จะต้องช่วยให้พี่ได้เป็นนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน” นักแสดงหญิงสมทบคนหนึ่งพูดปลอบ “แต่ถึงนักแสดงจะได้งานที่ดีที่สุด ฉันก็ต้องพูดล่ะนะว่าพวกเราเองก็ต้องเสียสละอะไรไปเยอะเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น เราจำเป็นต้องเก็บชีวิตส่วนตัวเอาไว้เป็นความลับและยอมสละเวลาที่จะใช้ร่วมกับครอบครัวไป…”
“ทนอีกนิดนะ เวลาสองเดือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเอง…”
…
ระหว่างที่ถังหนิงกำลังย้ายที่ถ่ายทำ หลงเจี่ยส่งข่าวดีๆ ให้เธอทราบ เธอได้คลอดลูกสาวตัวเล็กๆ ที่ได้เค้าโครงแม่มาเต็มๆ เด็กน้อยคนนี้ทั้งจ้ำม่ำ ตัวกลม และแน่นอนว่าน่ารักมาก!
ถังหนิงรู้สึกยินดีกับหลงเจี่ย เพราะถึงอย่างไร หลงเจี่ยก็อยากมีลูกมานานแล้ว ตอนนี้ความฝันของเธอเป็นจริง เธอจะต้องกระโดดโลดโผนด้วยความดีใจอย่างแน่นอน
ทว่าพ่อแม่ของลู่เช่อบินมาชำเลืองดูหลงเจี่ยและลูกอย่างผ่านๆ ก่อนจะรีบบินกลับไป ในคืนนั้น หลงเจี่ยสังเกตเห็นว่าดวงตาของลู่เช่อแดงก่ำ
ลู่เช่อไม่พูดอะไร แต่หลงเจี่ยดูออกว่ามีบางสิ่งผิดปกติเพราะเธอเข้าใจลู่เช่อดี
“พ่อกับแม่ไม่ชอบลูกสาวเหรอ” นี่เป็นความคิดเดียวที่แวบผ่านเข้ามาในใจของหลงเจี่ยขณะที่เธอเอ่ยถามเขาอย่างระมัดระวัง
“อย่าคิดมากไปเลยครับ คุณจะคลอดลูกชายหรือลูกสาวผมก็มีความสุข” ลู่เช่อตอบพลางอุ้มลูกสาวสุดที่รักเอาไว้ในอ้อมแขน
“ฉันเดาถูกใช่ไหม”
หลงเจี่ยไม่เคยคิดเลยว่า แม้แม่สามีของเธอจะไม่เคยกดดันเธอ ทว่าความเกลียดชังบนใบหน้านั้นกลับเห็นได้อย่างชัดเจน
“คุณสนใจเรื่องที่ไม่สำคัญอีกแล้วนะครับ คนที่คุณจะใช้ทั้งชีวิตด้วยก็คือผม ผมเคยบอกคุณตั้งแต่ก่อนที่คุณจะตั้งท้องแล้วว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำให้พวกเขาพอใจ”
อันที่จริง หลงเจี่ยไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้ใส่ใจมากขนาดนี้เช่นกัน
บางทีมันอาจเป็นเพราะเธอไม่มั่นใจในตัวเอง