วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 975 ฉันได้ยินว่าคุณเกือบแท้งลูกนี่
“พ่อคะ หนูขอร้องนะคะ พ่อจะให้หลินเฉี่ยนเอาตัวหลี่จิ่นไปไม่ได้นะ…” หันเซียวคุกเข่าขอร้องพ่อของตัวเอง
“เรื่องนี้มันเกินความควบคุมของแกแล้ว”
“พ่อคะ ถ้าพ่อคืนตัวหลี่จิ่นให้กับตระกูลหลี่แล้วเขาฟื้นขึ้นมา หนูจะต้องถูกส่งตัวขึ้นศาลทหารแน่ค่ะ… เพราะ… หนูเป็นคนทำให้เขาประสบอุบัติเหตุเอง” หันเซียวไม่มีทางเลือกนอกจากสารภาพความจริง ที่แท้เธอก็ไม่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ เธอเป็นคนที่ทำร้ายเขามาตั้งแต่แรก
คุณพ่อหันถึงกับอึ้งไป
นึกไม่ถึงกับความจริงที่ได้ยิน
“พ่อค่ะ ถ้าหนูมีทางเลือกอื่น คิดว่าหนูจะทำอย่างนี้เหรอคะ” หันเซียวทรุดนั่งบนพื้น
คุณพ่อหันจ้องมองอย่างจนปัญญา สุดท้ายเขาจึงทนความกดดันของหันเซียวไม่ไหว อย่างไรเขาก็มีลูกสาวเพียงคนเดียว
“พ่อจะไม่ส่งหลี่จิ่นคืนก็ได้ แต่ลูกห้ามให้เขาได้เจอกับตระกูลหลี่อีกต่อไป ถ้าเขาไม่ตาย…ก็ต้องลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้น”
หันเซียวนิ่งค้างด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงว่าเธอจะได้ทำลายหลายสิ่งของหลี่จิ่นถึงขนาดนี้…
…
ในขณะเดียวกันหลินเฉี่ยนและหันอวี้รับรู้ได้ว่าพวกเขารอมาครู่ใหญ่แล้วและยังไม่เห็นคุณพ่อหันกลับมา พวกเขาจึงมองหน้ากันและพอคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มีบางอย่างผิดปกติ ไม่อย่างนั้นการแบกคนคนเดียวคงไม่ใช้เวลานานขนาดนี้
อยางไรก็ตาม ในจังหวะที่หันอวี้จะเอ่ยถามกับพ่อบ้าน คุณพ่อหันพลันรีบวิ่งออกมาและกล่าวขอโทษ “ผมต้องขอโทษด้วยครับ เจ้าหน้าที่หันกับคุณหลิน เดิมทีหลี่จิ่นอยู่ที่บ้านของผม แต่เขาคงฟื้นแล้วหนีออกไปโดยไม่ได้บอกกล่าวก่อน ผมหาเขาทั่วบ้านแล้วก็ไม่เจอครับ…”
“คนที่บาดเจ็บอย่างนั้นจะหนีออกไปโดยที่คุณไม่รู้ได้ยังไง” เห็นได้ชัดหันอวี้ไม่เชื่อเขา
“เจ้าหน้าที่หัน ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อผม คุณจะเข้ามาค้นบ้านผมก็ได้ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น” คุณพ่อหันเสนอ “ผมพูดจริงนะครับ อาการบาดเจ็บของหลี่จิ่นไม่ได้ธรรมดา ผมไม่อยากให้เขาบาดเจ็บไปมากกว่านี้ ไปตามหาเขาข้างนอกเถอะครับ บางทีเราอาจจะเจอเบาะแสบ้าง”
“ต่อให้ผมต้องตามหาเขา ผมก็คงจะต้องเริ่มตามหาในบ้านหลังนี้ก่อนล่ะครับ”
“โอเคครับ ผมจะให้พ่อบ้านคอยช่วยคุณแล้วกันนะครับ พวกเราที่เหลือจะตามหาข้างนอกเอง” คุณพ่อหันทำเหมือนไม่รู้เรื่องแต่อย่างใด
หากหันอวี้ไม่ได้พบเจอกับคนและคำลวงของพวกเขามามากมาย เขาอาจจะถูกตระกูลหันหลอกเข้าจริงๆ ก็ได้
ดังนั้นหลังจากคุณพ่อหันก้าวออกไปจากบ้าน หันอวี้สั่งให้ค้นหาทั่วบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามหาทุกซอกทุกมุม
“ไม่พบตัวครับ”
“จิ้งจอกเฒ่านั่นต้องจัดการเอาตัวเขาไปซ่อนที่อื่นแน่” หันอวี้เอ่ยกับหลินเฉี่ยน “บางครั้งคนเราก็ไม่จำเป็นต้องออกทางประตูหน้าก็ได้ แล้วบันไดข้างหน้าต่างก็พอที่จะข้นคนออกมาได้ด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น น้ำตาหลินเฉี่ยนก็เริ่มไหลรินออกมา
“แค่เพราะหันเซียวต้องการตัวหลี่จิ่น เธอต้องทรมานเขาขนาดนี้เลยเหรอ”
“ผมเกรงว่าคุณต้องถามเรื่องนั้นกับตระกูลหันเองแล้วล่ะ” หันอวี้ว่าขึ้นพลางตบบ่าหลินเฉี่ยน “ไปหาแถวๆ นี้เถอะครับ ยังพอมีความหวังอยู่”
…
อย่างที่คาดการณ์ไว้ หลี่จิ่นถูกนำตัวออกมาทางหน้าต่างชั้นสามจริงๆ ในตอนนี้เองที่ชายร่างใหญ่โตสองคนกำลังพาตัวเขาเข้าลึกไปในแถบชานเมือง
ทว่าระหว่างที่พวกเขากำลังวิ่ง หลี่จิ่นก็ฟื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บแผล
เขาลืมตาขึ้นพบว่าชายสองคนกำลังวางเขาลงกับพื้นหญ้าเหมือนกับเขาเป็นศพก่อนที่จะเริ่มขุดหลุมบนพื้น ดูเหมือนว่าพวกเขาวางแผนจะขุดหลุมฝังเขาทั้งเป็น หลี่จิ่นพยายามตั้งสติทว่าเขาไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับตัว เขาอยากจะหนีในขณะที่อีกฝ่ายกำลังวุ่นอยู่กับการขุดหลุม แต่สุดท้ายกลับถูกจับได้เสียก่อน
ชายสองคนลากตัวเขากลับมา ท่ามกลางความมึนงงเขาคิดว่าตัวเองคงได้บอกลาหลินเฉี่ยนตลอดไปเสียแล้ว อย่างไรก็ตามในตอนนี้เอง เสียงร้องโวยวายจากที่ไกลๆ ก็ดังขึ้น
“คุณจะทำอะไรน่ะ หยุดนะ!”
ชายทั้งสองคนกลัวจนพวกเขาวิ่งหนีไปทันที ด้วยไม่มีหน้ากลับไปที่บ้านตระกูลหัน พวกเขากระโดดขึ้นรถก่อนตัดสินใจขับตรงไปให้ตกหน้าผา
ในเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านตระกูลหัน หลินเฉี่ยนและหันอวี้ก็เลิกตามหาในท้ายที่สุด หันเซียวได้ก้าวออกมาจากห้องนอนของตัวเองมาที่ห้องนั่งเล่น
แม้แต่ในเวลาเช่นนี้ เธอก็ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
“หลินเฉี่ยน ฉันบอกแล้วไงว่าหลี่จิ่นไม่อยากเห็นหน้าเธอ ถ้าเขาคิดถึงเธอจริงและรู้ว่าเธอมาตามหาเขา ทำไมเขาถึงหนีไปล่ะ
“ฉันจะบอกเธอตามตรงนะ หลี่จิ่นฟื้นขึ้นมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนแล้ว เขาคุยกับฉันอยู่นานเลยล่ะ เขาบอกด้วยว่าตัดสินใจจะหย่ากับเธอ”
หลินเฉี่ยนทำเพียงรับฟัง ทว่าไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด
“ได้ยินว่าเธอเกือบแท้งลูกนี่ น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ”
เมื่อหันอวี้ได้ยินดังนั้น ก็จับปลายคางของหันเซียวแน่นก่อนเอ่ยเตือน “เดี๋ยวคุณก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือผมแล้ว พอเวลานั้นมาถึง ผมจะไม่ปรานีคุณเด็ดขาด”
สีหน้าหลินเฉี่ยนเปลี่ยนเป็นไร้สี ในจังหวะที่เธอกำลังจะตอบโต้กลับ อยู่ๆ ก็ได้รับสายจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก
“สวัสดีครับ คุณคือคุณหลี่ใช่ไหมครับ มีคนใจดีพาสามีของคุณมาส่งที่นี่เมื่อสักครู่นี้ ตอนนี้เรากำลังรักษาอาการของเขาอย่างเร่งด่วน อวัยวะสำคัญไม่ได้รับอันตรายครับ ถ้าคุณสะดวก ช่วยมาที่นี่ตอนนี้เลยได้ไหมครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เธอก็วางสายและพูดกับหันอวี้ “เจ้าหน้าที่หันคะ แม่ของฉันหมดสติค่ะ ฉันต้องไปดูอาการเธอ…”
“ไหนๆ เราก็ไม่พบคนที่เราต้องการตามหา ผมว่าตอนนี้เราพอแค่นี้ดีกว่าครับ” เขาหยักหน้า
อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะจากไป หลินเฉี่ยนจ้องหันเซียวอย่างอาฆาตแค้นราวกับจะทำให้เธอตายทั้งเป็น
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลี่จิ่น ฉันจะทำให้เธอมีชีวิตเหมือนอยู่ในนรกเลยคอยดู”
พูดจบหลินเฉี่ยนและหันอวี้ก็จากบ้านตระกูลหันไปพร้อมกัน
หลังจากที่พวกเขาห่างออกมาได้สักระยะ หลินเฉี่ยนบอกกับเจ้าหน้าที่หัน “เจ้าหน้าที่หันคะ สายที่ฉันได้รับเมื่อกี้โทรมาแจ้งว่าหลี่จิ่นอยู่ที่โรงพยาบาลทหารแล้วค่ะ”
หันอวี้ยิ้มเมื่อได้ยินข่าวดีนั้น “มิน่าล่ะคุณถึงรีบร้อนออกมาขนาดนี้ หลี่จิ่นเจ้าปัญหา เขานี่ช่างโชคดีจริงๆ ”
หลินเฉี่ยนแทบจะพุ่งมาที่โรงพยาบาลราวกับลูกธนู หลังรู้ว่าอาการของหลี่จิ่นปลอดภัยดีแล้ว น้ำตาของเธอก็ร่วงหล่นมาจากนัยน์ตา…
ถังอี้เฉินบอกเรื่องของหลี่จิ่นให้ถังหนิงรู้ในเวลาเดียวกับที่หมอโทรมาแจ้งหลินเฉี่ยน ถังหนิงจึงมาถึงโรงพยาบาลเช่นกัน
“ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง” ถังหนิงถามถังอี้เฉินให้กับหลินเฉี่ยน
“แผลภายนอกบางที่ของเขาบาดเจ็บรุนแรง แต่โชคดีที่อวัยวะสำคัญไม่ได้เป็นอะไร พักสักหน่อยเขาก็น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะ ตอนนี้เขาได้สติแล้วด้วย”
หลี่จิ่นตื่นขึ้นมาเพราะการขยับตัวอย่างกะทันหัน ทว่าเมื่อเขาเห็นว่าเป็นหลินเฉี่ยน ชายหนุ่มก็ยกแขนขึ้นมาลูบหลังเธออย่างแผ่วเบาในทันที “เฉี่ยนเฉี่ยน…”
ด้วยไม่ได้พูดมาพักใหญ่ เสียงเขาจึงแหบแห้งเล็กน้อย
หากแต่หลินเฉี่ยนไม่ได้สนใจเรื่องนี้พร้อมเบียดกายเข้าในอ้อมแขนของเขาและร้องไห้ออกมา
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณกลัวอีกแล้ว”
“คุณไม่ได้แค่ทำให้ฉันกลัวค่ะ คุณรู้ไหมว่ามันยากแค่ไหนกว่าฉันจะได้เห็นหน้าคุณสักครั้ง คุณรู้ไหมว่าฉันเกือบจะเป็นบ้าเพราะเอาแต่ตามหาคุณ” เธอสะอึกสะอื้นพร้อมมือที่ขยำเสื้อของเขาก่อนที่จะเป็นลมไปด้วยความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาในใจ
หลี่จิ่นเรียกหมอด้วยความตื่นตระหนกทันที
ในขณะที่เองที่ถังหนิงและคนอื่นๆ ก้าวเข้ามาในด้านใน เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นถังหนิงก็บอกกับหลี่จิ่น “เธอตั้งท้องอยู่น่ะ อย่าทิ้งน้ำหนักบนหน้าท้องเธอมากนักสิคะ คุณอยากตายเหรอไงคะ”