วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 979 คุณนี่ช่างกล้าจริงๆ
“แต่คุณก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณเป็นคนบุ่มบ่าม ถ้าไอ้หลานชายไม่เอาไหนของผมทำเรื่องไม่ดีกับคุณอีก คุณก็คงยกเรื่องเก่ามาให้เขาชดใช้ในคราวเดียว ถูกไหมครับ” คุณปู่ฟ่านหัวเราะ “แม่หนู คนแก่ๆ อย่างผมน่ะไม่ค่อยโผล่มาจัดการกับสาวๆ อย่างคุณหรอก นี่มันเรื่องน่าอับอายของผมด้วยซ้ำ
“แต่ในฐานะปู่ที่มีหลานชายคนเดียว ถ้าผมไม่ลงมาคุมสถานการณ์ไว้ สุดท้ายเขาคงได้ทำตัวเองพังแน่”
“ถ้าอย่างนั้น คุณต้องการอะไรล่ะคะ” ถังหนิงถาม “คุณอยากให้ฉันรับปากกับคุณยังไงล่ะ”
“ช่วงนี้คุณไม่ได้กำลังถ่ายหลังไซไฟอยู่เหรอ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ผมจะลงทุนในหนังของคุณเป็นการส่วนตัวและกลายมาเป็นผู้ลงทุนสร้าง ผมมั่นใจว่ากระบวนการหลังการถ่ายทำจะได้กำไรมากขึ้นแน่ อย่างนั้นเราก็จะมีผลประโยชน์ร่วมกัน ถ้าคุณได้ประโยชน์ผมก็จะได้ประโยชน์ ถ้าคุณสูญเสียผมก็จะสูญเสียไปด้วย ผมว่าเป็นแบบนั้นดีกว่าเยะเลยนะครับ” คุณปู่ฟ่านเสนอ
ทว่าหลังจากที่ถังหนิงได้ยินดังนั้น เธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“นี่ท่านผู้เฒ่าคะ คุณพยายามจะเล่นมุกอยู่หรือยังไง”
“ผมพูดจริงครับ”
“ไม่หรอกค่ะ คุณต้องพูดเล่นอยู่แน่ๆ อย่างแรกนะคะ ไม่ต้องพูดถึงว่าจู้ซิงมีเดียจะมีเงินหรือเปล่าเลยค่ะ ต่อให้ฉันต้องล้มเลิกการถ่ายทำไป ฉันคงไม่มีทางปล่อยให้คนที่มีเส้นสายกับวงการใต้ดินอย่างคุณเข้ามาเกี่ยวข้องกับหนังของฉันเด็ดขาด” ถังหนิงเอ่ย “นี่คือขอบเขตของฉันค่ะ”
เมื่อเขาได้เช่นนั้นก็ผงะไปเล็กน้อย
เขาเชื่อมาตลอดว่านักแสดงเป็นพวกจอมปลอมอย่างที่โสเภณีที่ไม่เคยมีความจริงใจ พอมาเป็นถังหนิงดูเหมือนเธอเกลียดและดูถูกคนในวงการใต้ดินมากกว่าคนสองประเภทนั้นเสียอีก
“ผมทำธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายนะครับ”
“แต่พื้นฐานก็มาจากกองกระดูกอยู่ดีแหละค่ะ”
ทั้งสองสบตากันอย่างไม่มีใครยอมรามือ เห็นได้ชัดว่าคุณปู่ฟ่านพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ อย่างไรเสียคนที่นั่งตรงหน้าก็เป็นผู้หญิงและยังตั้งท้องอยู่อีกด้วย ไม่ว่าเขาจะร้ายกาจเพียงไหนก็ไม่เคยฉวยโอกาสกับคนที่อ่อนแอ
“คุณนี่ช่างกล้าจริงๆ … นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณอยากจะพังไปด้วยกันหรือไง” คุณปู่ฟ่านถามขณะจ้องมองถังหนิง “ผมละไม่เข้าใจ การที่ผมลงทุนให้หนังของคุณไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไรสักหน่อย…”
“หนังของฉันจะต้องใสสะอาดค่ะ ฉันไม่ต้องการให้มีเรื่องสกปรกเข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่นิด ไม่อย่างนั้นฉันคงทำผิดเจตนารมณ์ของเฉียวเซิน” ถังหนิงตอบ “ท่านผู้เฒ่าคะ แทนที่จะมาเสียเวลากับฉันขนาดนี้ ทำไมไม่ไปจับตาดูหลานชายของคุณแล้วห้ามไม่ให้เขาโผล่มาให้ฉันเห็นล่ะคะ
“ฉันรับประกันเรื่องอื่นไม่ได้หรอกนะคะ แต่ตราบใดที่เขาไม่มาหาเรื่องฉันก่อน ฉันรับปากว่าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นค่ะ”
บางทีนี่อาจเป็นการยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่ที่สุดของถังหนิงก็เป็นได้
ความจริงแล้วถังหนิงดูออกว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแค่ต้องการมาเจรจาเท่านั้น
หากแต่เธอไม่มีทางที่จะยอมรับข้อเสนอของอีกฝ่าย
คุณปู่ฟ่านสูดหายใจลึก เขาไม่เคยพบผู้หญิงที่ดื้อด้านขนาดนี้มาก่อน ทว่าความเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งของเธอทำให้เขาประทับใจไม่น้อย อย่างไรผู้หญิงอย่างเธอก็หาตัวจับได้ยากนัก
เขาจึงตัดสินใจไม่ตามรังควานเธอ
“ผมหวังว่าคุณจะจำสิ่งที่คุณพูดวันนี้เอาไว้ด้วยนะครับ”
“ฉันพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้วค่ะ…”
แต่ในระหว่างนั้นเอง ประธานฟ่านเลิกงานเร็วกว่าปกติเมื่อได้ยินพนักงานบอกว่าถังหนิงกำลังคุยกับปู่ของเขา ก่อนรีบตามไปยังที่ที่พวกเขาอยู่
เขานึกว่าปู่ของเขาจะทำให้ถังหนิงรู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่เหนือกว่า แต่ไม่คิดเลยว่าผู้สูงวัยจะเป็นฝ่ายถูกเกลี้ยกล่อมแทนอย่างนี้
หลังจากถังหนิงจากไป ประธานฟ่านก็วิ่งเข้ามาช่วยพยุงปู่ของเขาลุกขึ้น “ปู่ครับ คุยแล้วเป็นยังไงบ้าง”
“ตราบใดที่แกไม่ไปยุ่งกับเธอ เธอก็จะไม่มายุ่งกับเรื่องชั่วๆ ที่แกทำไว้ นับจากวันนี้ไปอยู่ให้ห่างจากเธอซะ”
นั่นคือสิ่งที่เขาพูดก่อนที่จะก้าวขึ้นรถไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ไม่พอใจถังหนิง อันที่จริงทั้งสองมีส่วนที่คล้ายกันอยู่ไม่น้อย
เขารู้ว่าถังหนิงไม่ชอบวิธีการที่ผิดกฎหมาย น่าเสียดายที่คนยุคเขาไม่มีทางเลือกนอกจากการพึ่งพาวิธีเหล่านี้เพื่อความอยู่รอด
อย่างไรเขาเองก็ไม่อาจเลือกทางเดินชีวิตที่ตัวเองเกิดมาได้
คนบางคนก็เกิดมาในสภาพที่ยากลำบาก
อีกทั้งเขายังยินดีกับคนที่เข้าหาเขาด้วยความเป็นมิตร จึงได้พบกับคนที่สามารถพูดคุยได้อย่างเปิดเผยไม่บ่อยนัก ทำให้เขารู้สึกว่าถังหนิงไม่เหมือนใคร!
หลังจากคุณปู่ฟ่านออกไป ประธานฟ่านหันไปหาคนของปู่ของเขาและเอ่ยถาม “ปู่กับถังหนิงคุยอะไรกัน”
“จริงๆ แล้วนังถังหนิงพยายามจะต่อว่าผู้อาวุโสฟ่านครับ” บอดีการ์ดตอบ
เมื่อได้ยินดังนั้น ประธานฟ่านไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ลึกๆ
เขากลัวจนขึ้นเสียงใส่ปู่ของเขาเสียด้วยซ้ำ ว่าแต่ถังหนิงต่อว่าปู่ของเขาจริงๆ หรือ
“ฉันจะหาทางเอาคืนเธอให้ได้”
…
แม้ว่าถังหนิงจะสั่งไม่ให้คนขับรถบอกโม่ถิงเรื่องที่เธอถูกคุณปู่ฟ่านพาตัวไป สุดท้ายเขาก็รู้เรื่องนี้จนได้
ดังนั้นเมื่อถังหนิงกลับมาถึงบ้าน โม่ถิงดึงเธอกอดและมองสำรวจร่างกายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ทันที “ทำไมคุณไม่บอกผมล่ะครับ”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันสักหน่อยค่ะ”
“แล้วถ้าเกิดขึ้นมันจะไม่สายเกินไปเหรอครับ” โม่ถิงว่าขึ้น “คุณก็รู้ว่าปิดผมไม่ได้และผมต้องเป็นห่วงคุณ
“หรือว่าคุณกำลังจะบอกผมว่าผมส่งบอดีการ์ดตามประกบคุณไม่พอครับ”
ถังหนิงสูดกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของโม่ถิง พลันรู้สึกต้องมนต์และหลงใหลไปกับมัน
“ถ้ามีศัตรูพุ่งเป้ามาที่คุณ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันและหลีกลี่ยงพวกเขาได้ตลอดเวลา ต่อให้คุณระวังตัวและปกป้องตัวเองดีแล้วก็เถอะ ตราบใดที่พวกเขาคอยจับตามองคุณอย่างใกล้ชิด พวกเขาก็จะหาโอกาสได้ในที่สุด
“เขาพูดอะไรกับคุณครับ”
ถังหนิงเล่าเรื่องข้อเสนอของประธานฟ่านให้โม่ถิงฟัง หลังจากได้ยินเรื่องทุกอย่าง โม่ถิงก็รู้สึกว่าตระกูลฟ่านเป็นภัยคุกคามใหญ่ต่อความปลอดภัยของถังหนิง
“แค่คุณไม่ได้พูดออกมาไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่นะคะ!” ถังหนิงเงยหน้ามองโม่ถิง “ตระกูลฟ่านอาจจะน่ารังเกียจแต่พวกเขาก็ไม่ใช่เล่นๆ ถ้าเราอยากจะสู้กับเขาต้องใช้เวลาและทุ่มเทไม่น้อยเลย ฉันไม่อยากให้คุณเสียแรงไปกับเรื่องพวกนั้นน่ะค่ะ
“อีกอย่างเจ้าตัวน้อยในท้องฉันก็กำลังจะออกมาด้วย ฉันไม่อยากทำให้เรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้”
โม่ถิงมองหน้าท้องโย้ของถังหนิงก่อนลูบอย่างแผ่วเบา ภายในนั้นมีลูกสาวของเขาอยู่…
ในขณะเดียวกัน ด้านหลังพวกเขา เป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวป่วน โม่จื่อเฉิน ปีนขึ้นมาบนโซฟาและกดเปิดโทรทัศน์
ถังหนิงหันไปมองลูกชายของตัวเอง ลูกตัวแสบแสนจริงจังคนนี้โตขึ้นจะต้องสร้างเรื่องปวดหัวให้แน่
ถึงแม้โม่ถิงจะรับฟังความเห็นของถังหนิง แต่เขาก็ออดไม่ได้ที่จะเฝ้าระวังตระกูลฟ่านเอาไว้
ความจริงแล้วเขามีแผนที่จะส่งคำเตือนไปให้คุณปู่ฟ่านด้วย…
แต่แน่นอนว่าเขาคงจะทำมันหลังจากที่ถังหนิงหลับไปแล้ว