วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 994 เขาไม่เคยเป็นของฉันมาตั้งแต่แรกแล้วจะเรียกว่าแย่งได้ยังไง
- Home
- วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
- ตอนที่ 994 เขาไม่เคยเป็นของฉันมาตั้งแต่แรกแล้วจะเรียกว่าแย่งได้ยังไง
เมื่อเธอได้ยินจากนางพยาบาลว่าถังอี้เฉินถูกลงโทษ ถังหนิงก็มองหน้าโม่ถิงก่อนหัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่าปีศาจจะเจอกับผู้ล่าซะแล้วนะคะ”
“ตอนนี้คุณไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงแล้ว คุณพยายามจะจับคู่ให้คนอื่นอีกแล้วเหรอครับ” โม่ถิงเอ่ยเย้าขณะที่เขาทำงานและอยู่เป็นเพื่อนถังหนิงที่ห้องคนไข้
“นอนบนเตียงตลอดเวลาแบบนี้ก็น่าเบื่อนะคะ แถมฉันยังต้องนอนอยู่ที่นี่ไปอีกเป็นเดือนเลยนะ” ถัง หนิงว่าขึ้นอย่างหดหู่ แต่เมื่อเธอก้มลงมาหน้าท้องที่ยื่นออกมาของตัวเอง เธอก็อดไม่ได้ที่จะสบายใจขึ้น “ถิงคะฉันคงทำเป็นไม่สนใจเรื่องอื่นได้ แต่เรื่องกระบวนการหลังการถ่ายทำของมดราชินีฉันต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเองน่ะค่ะ”
โม่ถิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามถังหนิงวางปากกาในมือลงเมื่อได้ยินเธอพูดดังนั้น “นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยครับ”
“พี่ชายของซย่าหันโม่ถูกย้ายตัวมาที่นี่หรือยังคะ”
“เขาอยู่ที่แผนกผู้ป่วยดูแลพิเศษและมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเขาอยู่ครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขา เราได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว” โม่ถิงพยักหน้าให้
ถังหนิงตกอยู่ในความเงียบงันขณะที่มองโม่ถิงอยู่ห่างๆ ผู้ชายที่หล่อเหลาและมีเสน่ห์ไม่เปลี่ยนแปลง
“แล้วแฟนๆ ก็ส่งการ์ตูนไซไฟมาให้คุณด้วยนะครับ ผมบอกให้ลู่เช่อเอามาให้คุณแล้ว ถ้าคุณเบื่อจะอ่านฆ่าเวลาก็ได้ครับ”
“มีคนส่งของอย่างนั้นมาให้ฉันจริงๆ เหรอคะ”
ตอนนั้นทั้งถังหนิงและโม่ถิงไม่ได้ทันสัมผัสถึงการรุกรานเข้ามา ทว่าแท้จริงคนที่ส่งการ์ตูนมาเป็นคนที่มักได้ในสิ่งที่ต้องการอยู่เสมอ หากเขาหมายตาสิ่งใดไว้แล้ว เขาจะไขว่คว้าทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา ต่อให้ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีก็ตาม
เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดจะสนใจวงการบันเทิงจึงไม่สังเกตเห็นถังหนิง
หากแต่ในตอนนี้เขากลับสนใจในตัวเธอด้วยความเป็นผู้หญิงในแบบที่เขาชอบ
…
ถังอี้เฉินทนทรมานจนกระทั่งตกดึก ทีแรกเธอต้องการจะกลับบ้านหลังจากที่เธอเสร็จธุระ ทว่าเธอกลับลงเอยด้วยการสลบเหมือดในห้องพักแพทย์ด้วยความอ่อนล้าเต็มที
“ลู่กวงหลี ไอ้บ้า! ฉันขอให้คุณเป็นหมันจนมีลูกไม่ได้เลย! ”
โชคไม่ดีนักที่เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเจ้าของชื่อไม่ได้กลับบ้านเช่นกัน ทั้งยังกำลังนอนอยู่บนเตียงชั้นบนอีกต่างหาก เมื่อเธอเห็นหน้าเขาก็ร้องออกมาอย่างตกใจ “นี่มันห้องนอนของผู้หญิงนะ! ”
“ก็ห้องผู้ชายมันเต็มแล้วก็มีแค่ที่นี่ที่ว่างอยู่ด้วย” เขาตอบ
ถังอี้เฉินยังคงไม่สบอารมณ์ เธอลุกขึ้นจากเตียงและเก็บข้าวของตัวเองเตรียมออกไปทันที “งั้นก็มีความสุขไปคนเดียวเถอะค่ะ”
“นี่เป็นเพราะฉันเล่นงานเธอระหว่างการประชุมอย่างนั้นเหรอ”
“พอดีฉันคนเป็นเจ้าคิดเจ้าแค้นน่ะค่ะ” หญิงสาวสวนกลับ พูดจบ เธอก็หันหลังเดินจากไปทิ้งเขาให้อยู่เพียงลำพัง
ดูเหมือนว่าความไม่พอใจนี้คงจะคุกรุ่นไปอีกหลายวัน
ด้วยเหตุนี้ถังอี้เฉินจึงเอาแต่หลบหน้าลู่กวงหลีไปสักพัก และเมื่อถึงยามที่ไม่อาจหลบหน้าได้เธอก็ทำเมินใส่เขาเสียอย่างนั้น
ทว่าลู่กวงหลีดูไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด มันยิ่งทำให้ถังอี้เฉินยิ่งโกรธมากขึ้น
ทำไมเธอต้องเป็นคนที่หงุดหงิดใจอยู่ฝ่ายเดียวด้วย
ถังหนิงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของทั้งคู่ เธอจึงถือโอกาสนี้ในการหลอกถาม “ช่วงนี้ฉันไม่เห็นเธอคุยกับหมอลู่เลยนะ”
ถังหนิงอี้เฉินกลอกตาไปมา ก่อนห้ามไม่ให้ถังหนิงถามอะไรไปมากกว่านี้ “ไม่มีอะไรนี่ ฉันจะไปตรวจคนไข้คนอื่นต่อแล้วนะ”
“ถ้าเขารังแกเธอ ฉันสั่งให้คนไปทำร้ายเขาให้ได้นะ”
“ไม่จำเป็นหรอก ฉันแค่รู้สึกเดือดปุดๆ พอเห็นหน้าเขาน่ะ แค่หลบหน้าเขาก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” ถังหนิงอี้เฉินโบกมือคล้ายบอกไม่ให้ถังหนิงเข้ามายุ่ง
หากเธอหักลบกลบหนี้ทุกอย่างที่ลู่กวงหลีติดค้างเธอไว้ เขาคงจะต้องชดใช้คืนให้เธอไปจนถึงชาติหน้า
เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย ถังหนิงจึงยิ่งสงสัยว่าลู่กวงหลีคิดกับถังอี้เฉินอย่างไรมากขึ้นกว่าเดิม
มิหนำซ้ำยังเริ่มมีข่าวลือไปทั่วโรงพยาบาลว่าลูกสาวของผู้อำนวยการโรงพยาบาลชวนลู่กวงหลีไปค่ายพักแรม และเขาก็ตอบตกลงเสียด้วย มันยิ่งทำให้ถังอี้เฉินยิ่งเมินเฉยใส่เขามากขึ้น
เขากับลูกสาวของผู้อำนวยการโรงพยาบาลนัดกันว่าจะไปด้วยกันในวันเสาร์นี้ และที่แย่ที่สุดคือเธอติดเข้าเวรกะดึกในวันนั้น
กลางดึกที่เงียบสงัด ถังอี้เฉินนั่งพักอยู่ในห้องของถังหนิงอยู่ครู่หนึ่ง
“มีข่าวลือไปทั่วโรงพยาบาลว่าลูกสาวของผู้อำนวยการโรงพยาบาลแย่งลู่กวงหลีจากเธอไปเหรอ ฉันนึกไม่ถึงว่าโรงพยาบาลจะมีเรื่องซุบซิบมากขนาดนี้เลยนะเนี่ย แย่พอๆ กับวงการบันเทิงเลย”
“เขาไม่เคยเป็นของฉันมาตั้งแต่แรกแล้วจะเรียกว่าแย่งได้ยังไงล่ะ” ถังอี้เฉินตอบด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้าน “น้องเขยไปไหนล่ะ”
“เขาดูแลลูกอยู่ที่บ้านน่ะ เดี๋ยวก็มาแล้วล่ะ”
“เธอให้เขาพักผ่อนบ้างนะ เขาไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมเธอทุกวันก็ได้ ไม่ใช่ว่าเธอจะพร้อมคลอดแล้วสักหน่อย”
“เธอก็บอกเขาไปสิ” ถังหนิงหัวเราะ
เป็นจังหวะเดียวกับที่ลู่กวงหลีเดินผ่านห้องของถังหนิงพอดี ถังหนิงหันขวับไปมองถังอี้เฉินก่อนว่าขึ้น “อืม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ถูกแย่งไปเลยนะ ลู่กวงหลีไม่ได้ไปค่ายพักแรมนี่นา”
“เขาจะไปหรือเปล่าก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นเมื่อไหร่เธอจะส่งงานวิจัยสักทีล่ะ” ลู่กวงหลีถามขึ้นขณะที่พิงตัวกับประตูห้องของถังหนิง
“ฉันจะถ่างตาเขียนทั้งคืนให้แล้วกัน!”
“แล้วทำไมยังมายืนอยู่ตรงนี้อีกล่ะ”
ถังอี้เฉินหันไปมองค้อนใส่เขาก่อนกระทืบเท้าปึงปังออกไปอย่างหงุดหงิด พร้อมกับลู่กวงหลีที่เดินตามหลังเธอมาให้ต้องเสียวสันหลัง “ทำไมคุณไม่ไปค่ายพักแรมล่ะ มาตามฉันอยู่อย่างนี้ทำไม”
“ถ้าเธอทำงานวิจัยไม่เสร็จ ฉันก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน ฉันเลยต้องมาคอยสอนคุณคืนนี้ไง”
“บ้าไปแล้วเหรอไง! ” ถังอี้เฉินสบถและทำเมินเขา ก่อนกลับจัดการงานที่ห้องของตัวเอง
ช่วงระหว่างนั้นเอง ลู่กวงหลีเอาแต่ยืนมองเธออยู่ด้านหลัง มีเพียงพวกเขาสองคนในห้องท่ามกลางเวลาที่เหมือนหยุดนิ่งไป
ไม่นานหลังจากนั้น ถังอี้เฉินลุกขึ้นยืดหลัง เมื่อเห็นดังนั้นเขาพลันออกปากถาม “เสร็จแล้วเหรอ”
“ใช่ค่ะ คุณกลับบ้านไปนอนได้แล้ว” เธอตอบ
“เธอจะไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่าทำไมถึงไม่ไปค่ายพักแรม” ลู่กวงหลีเอ่ยพลางกอดอกนั่งลง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ”
“ต้องเกี่ยวแน่อยู่แล้ว ถ้าเธอทำงานวิจัยเสร็จ ฉันคงไม่ต้องมาอยู่ที่นี่หรอก”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเชิญลูกสาวของผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาอีกครั้งให้คุณแล้วกัน” ถังอี้เฉินรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดต่อสาย ทว่าลู่กวงหลีฉวยโทรศัพท์ของเธอไปจากมือ “เอาคืนมานะ! เลิกทำตัวงี่เง่าสักที! ”
เขาถึงกับตกใจเมื่อปลายสายกดรับแล้ว
เขาเหลือบมองก่อนคืนโทรศัพท์ให้เธอ
“พรุ่งนี้ทุกคนจะรู้ว่าฉันทิ้งลูกสาวของผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาอยู่กับเธอทั้งคืนแทน”
“คุณคงไม่สบายใจถ้าไม่ได้แกล้งฉันสินะ” เธอออกอาการไม่สบอารมณ์
“ไหนๆ เรื่องก็เป็นอย่างนี้แล้ว เธออยากไปค่ายพักแรมกับฉันแทนไหมล่ะ ฉันเตรียมทุกอย่างไว้แล้วนะ อย่าให้มันเสียเปล่าสิ”
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากตกเป็นขี้ปากของผู้หญิงทั้งโรงพยาบาลหรอกนะ” พูดจบเธอก็ปิดคอมพิวเตอร์และหันเดินจากไป “ฉันว่าการรักษาระยะห่างกับคุณน่าจะปลอดภัยกว่า”
“ซะที่ไหนกันล่ะ เธอจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อมีฉันอยู่ด้วยเท่านั้นแหละ”
เช้าวันถัดมา ถังหนิงเริ่มได้ยินข่าวลือว่าลู่กวงหลีทิ้งลูกสาวของผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลับมาอยู่กับถังอี้เฉิน
ในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์ ถังหนิงรู้ว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ลู่กวงหลีเหมือนกับจิ้งจอกที่จับจ้องเหยื่อของตัวเอง
ถังอี้เฉินก็เป็นเพียงคนซื่อบื้อที่คิดว่าเขาปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นเพียงเพื่อนร่วมงาน…
เห็นได้ชัดว่าลู่กวงหลีได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว