เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 1038 ประจวบเหมาะ
จานลายคราลายดอกไม้ของผู้กำกับเฉินถูกประเมินและพิสูจน์ยืนยันว่าเป็นของปลอม แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีทุกข์ใจเลย แต่กลับทำให้ทุกคนในงานหน้าเหวอไปตามๆกัน
“ ปีที่แล้วผมซื้อเครื่องลายครามชิ้นหนึ่งมาจากเยอรมนีเป็นของปลอมเหมือนกัน คนต่างชาติฉลาดหลักแหลมเกินไป พวกเขาขายของดีให้คนของตัวเองหมด แต่กลับเลือกขายของปลอมพวกนี้ทั้งหมดให้พวกเรานักท่องเที่ยว ”
“ ปีที่แล้วผมก็เจอเรื่องแบบนี้ที่อเมริกาเหมือนกัน แต่ลูกเขยได้จ้างทนายความที่อเมริกาให้
ผมถึงสามารถคืนของปลอมไปได้ ! ”
“ ไม่ต้องไปพูดถึงต่างประเทศหรอก ขนาดอยู่ในประเทศยังซื้อโดนของปลอมกันเลย จะไปถึงต่างประเทศกันทำไม ? ”
หยางโปมองผู้กำกับเฉินที่เดินออกไปแต่ไม่ได้พูดอะไร เมื่อสักครู่ที่เขาสอดแทรกมุขตลกไป
ก็แค่อยากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอับอายน้อยลง เพราะอย่างไรเสียการที่ผู้กำกับใหญ่คนหนึ่งซื้อของปลอมมาแบบนี้ มันคงพูดไม่ออกกันไปที่เดียว
โชคดีที่ผู้กำกับเฉินไม่ได้รู้สึกขายหน้ามาก เดินลงจากเวทีพร้อมกับนำเครื่องเคลือบลายครามลงไปด้วย
กุ้ยหลงจิ่วหันไปกระซิบกับหยางโป ” แผนการของคุณเราทุกคนรู้กันหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าอยากมาเปิดธุรกิจที่นี่หรือไง ? คืนนี้ไม่มีบันทึกรายการ พวกเรานัดพวกเขาไปกินข้าวด้วยกันนะ ! ”
หยางโปเหลือบมองออกไปข้างนอกและถอนหายใจเล็กน้อย “ น่าเสียดายที่คนไปแล้ว ”
“ ไม่ต้องกังวล พวกเขาไม่มีทางไปไหนแน่ ” กุ้ยหลงจิ่วกล่าว
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วนึกถึงที่สวีอี้หมิงพูดไว้ ถ้าไม่มีดารานักแสดง พวกเขาส่งบัตรเชิญไปให้ ยังมีใครจะไม่มาอีกหรือไง ?
จะว่ากันอีกนัยหนึ่งคือ ดาราพวกนี้ ได้รับคำเชิญมาจากทีมรายการทั้งหมด ! เพื่อแสดงความขอบคุณในค่ำคืนนี้ ทีมงานรายการต้องเชิญพวกเขามาร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกันอย่างแน่นอน !
จู่ๆ หยางโปก็นึกขึ้นมาได้ เขาจึงหันไปมองหน้ากุ้ยหลงจิ่วและส่ายหัวให้เล็กน้อย “ แผนการของพวกคุณมันช่างลึกล้ำมากจริงๆ ทำเอาผมเทียบไม่ติดเลย ! ”
กุ้ยหลงจิ่วหัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
ไม่นาน หน้าจอขนาดใหญ่ในงานก็กระพริบแสงระยิบระยับ มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งปรากฏอยู่บนนั้น หยางโปเหลือบมองและรู้สึกคุ้นตามาก นี่คือพระพุทธรูปของเจ้าของโรงแรมองค์นั้นไม่ใช่เหรอ ?
ดูเหมือนลัวย่าวหัวจะสังเกตเห็นรายละเอียดนี้ด้วยเหมือนกัน เขาเหลือบไปมองทางหยางโป
หยางโปชี้ไปที่นอกประตู และเห็นเจ้าของโรงแรมเดินอุ้มพระพุทธรูปเข้ามาจริงๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปิติยินดี พอเดินมาถึงใจกลางเวทีก็ถูกสวี่อี้หมิงขวางไว้
” สวัสดีครับ ทำไมผมได้กลิ่นอะไรหอมๆ ? ” สวีอี้หมิงเอ่ยถาม
เถ้าแก่หัวเราะลั่น “ นี่คือพระพุทธรูปจากโรงแรมของผม สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษมีประวัติศาสตร์มายาวนานหลายร้อยปี ผมอยากเชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจดูให้หน่อย
ว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นยังไงบ้าง ? ”
สวีอี้หมิงตกใจไปอยู่ครู่หนึ่ง “ คุณหมายความว่า คุณอันเชิญพระพุทธรูปที่คุณเคารพบูชาอยู่มาใช่ไหม ? ”
เถ้าแก่พยกหน้า “ ใช่ ! ”
สวีอี้หมิงมองหน้าเถ้าแก่ จากนั้นก็มองไปที่พระพุทธรูปอีกครั้ง ” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ! ”
พอพูดจบ เขาก็ชี้ไปที่ที่นั่งแขก “ คุณรีบเอาไปให้ผู้เชี่ยวชาญสองสามท่านดูเร็ว นี่มันเป็นโชคลาภของครอบครัวคุณมาหลายร้อยปีเชียว ! ” ไอลีนโนเวล
เจ้าของโรงแรมวางพระพุทธรูปลง แต่พอเงยหน้าขึ้นก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที
“ คุณ… ทำไมคุณถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ ? ”
หยางโปยิ้ม “ ทำไมผมจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ? ”
กุ้ยหลงจิ่วเหลือบตามอง ” คุณสองคนเคยรู้จักกันมาก่อนเหรอ ? ”
“ ไม่ ผมพักอยู่ที่ในโรงแรมของเขา เคยเจอหน้ากันสองสามครั้ง ” หยางโปตอบ
เจ้าของโรงแรมมองหยางโปแล้วฉีกยิ้มให้ เรื่องชกต่อยกันเมื่อเช้า ยังเคลียร์กันไม่จบ ตำรวจกำลังตามหาตัวหยางโปอยู่ คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ และยังดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในรายการประเมินและพิสูจน์ยืนยันอีก สถานะที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้
ทำเอาเขาแทบไปไม่ถูกเลยทีเดียว
กุ้ยหลงจิ่วยืนขึ้น และเดินไปรอบๆพระพุทธรูป ใช้ปลายนิ้วกดไปที่พระพุทธรูปอีกครั้ง หลังจากยืนยันวัสดุของพระพุทธรูปแล้วถึงได้นั่งลง
เจ้าของโรงแรมอดไม่ได้ที่จะมองไปทางกุ้ยหลงจิ่วด้วยความหวังอันล้นปรี่ คนส่วนใหญ่ที่มาถึงที่นี่ต่างก็คาดหวังกันว่าจะได้พบเจอกับโชคลาภ ส่วนใหญ่เกินกว่าครึ่งที่รายการถ่ายทอดออกอากาศทางโทรทัศน์ล้วนแล้วแต่สร้างรายได้มหาศาล มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ได้ร่ำรวย แต่ทั้งหมดมันเป็นเพียงแบบอย่างบางส่วน แต่สิ่งที่หลายคนคิดไม่ถึงคือรายการประเมินและพิสูจน์ยืนยันทั้งหมดสี่สิบห้านาที อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเจ็ดถึงแปดชั่วโมงในการบันทึกรายการ นี่เป็นเพียงการตระเตรียมเนื้อหาให้เพียงพอเท่านั้น ถึงจะทำการการบันทึกรายการได้ !
ถ้าวันนั้นโบราณวัตถุไม่มีคุณสมบัติเฉพาะ อาจต้องถ่ายทำรายการฉากเดียวนานกว่าสิบชั่วโมงเลยทีเดียว ทั้งหมดนี้มีความเป็นไปได้ การจะเลือกใช้รายละเอียดของคลิปช่วงไหน ล้วนแล้วแต่เป็นการพิจารณาโดยทีมผู้กำกับ
กุ้ยหลงจิ่วรู้ใจคนที่ทำการประเมินและพิสูจน์ยืนยันเป็นอย่างดี เขายิ้ม ” คุณเพิ่งบอกว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีอายุมาหลายร้อยปีแล้วทำไมถึงเชิญมาที่นี่แต่ทำไมไม่นำไปสักการะบูชาต่อ ? ”
เถ้าแก่ยิ้ม “ นี่คือสมบัติที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เลยอยากรู้ว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอมกันแน่ ”
“ ของจริงหรือของปลอม ? มันก็พูดยาก ถึงยังไงมันก็มีอายุหลายร้อยปี ดังนั้นจึงพูดไม่ได้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ! ” กุ้ยหลงจิ่วกล่าว
เจ้าของโรงแรมรีบพยักหน้า “ คุณพูดถูก ไม่มีของจริงหรือของปลอมมาแบ่งแยก ! ”
กุ้ยหรงจิ่วกล่าวต่อว่า “ ดูจากวัสดุแล้ว นี่คือวัสดุจากไม้การบูร ถึงแม้จะมีการเคลือบหนาอีกชั้น
แต่ยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ฝีมือการทำพระพุทธรูปองค์นี้ประณีตและดีมาก คุณสามารถนำกลับบ้านไปสักการบูชาต่อได้ ”
เจ้าของโรงแรมสับสนเล็กน้อย “ ผมไม่ค่อยเข้าใจ ความหมายของคุณคือ พระพุทธรูปองค์นี้ไม่ได้มีค่าอะไรอย่างงั้นเหรอ ? ”
กุ้ยหลงจิ่วพยักหน้า “ พระพุทธรูปองค์นี้ไม่ได้มีมูลค่าสูงมากนัก แต่ยังไงซะมันก็เป็นวัตถุโบราณที่สืบทอดต่อกันมาหลายร้อยปีแล้ว ถือว่าเป็นของที่มีคุณค่าทางจิตใจ ! ”
เจ้าของโรงแรมตกตะลึงไปในทันใด เขาพยักหน้าและอุ้มพระพุทธรูปกลับไปทันหลังจากฟังเสร็จ
กุ้ยหลงจิ่วมองดูเจ้าของโรงแรมเดินออกไป จากนั้นก็หันหน้ามามองหยางโป ” คุณมีความแค้นกับเขาใช่ไหม ? ทำไมผมรู้สึกว่าแววตาของเขาก่อนที่จะจากไปมันดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไร ! ”
“ มีไหม ? ” หยางโปมองหน้าเจ้าของโรงแรมอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายเดินออกไปนอกประตูแล้ว
ถูฉีนั่งลงบนเวทีและมองดูการประเมินและพิสูจน์ยืนยันบนเวที จู่ๆก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขานั่งอยู่ด้านล่างเวทีและรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังปกปิดความผิดพลาดอยู่ ดังนั้นจึงทำให้หยางโปมองไม่เห็นสถานการณ์ด้านล่างเวที และยิ่งมองไม่เห็นใบหน้าของเขาไปอีก
อาจเป็นเพราะเขาส่งใบสมัครช้าเกินไป ครึ่งค่อนวันกว่าจะมา รายการในช่วงบ่ายใกล้จะจบลงแล้ว ยังไม่มีคนเรียกชื่อเขาเลย มันทำให้เขาโล่งใจ เป็นเพราะหยางโปทำให้เขาแปลกใจเป็นอย่างมาก เมื่อวานเขายังคงโชว์พราวว่าเขาได้บัตรผ่านประตูต่อหน้าเขา ไหนเลยจะคาดคิดว่า วันนี้จะเห็น
หยางโปนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ !
เขาโอ้อวดต่อหน้าผู้มีความสามารถสูง ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคทั้งมวล นี่ทำให้เขารู้สึกละอายจนไม่กล้าขึ้นไป เขาเฝ้าแต่ภาวนาอยู่แต่ด้านล่างเวที อย่าได้ให้เรียกชื่อเขาเชียว บางทีรอจนถึงพรุ่งนี้เขาก็จะสามารถหาคนในครอบครัวมาแทนเขาได้ แบบนี้เขาก็จะได้ไม่รู้สึกขายหน้า
เวลาใกล้จะจบลงโดยไม่รู้ตัว ถูฉีได้ยินแม้กระทั่งผู้กำกับบอกว่าเหลือคนสุดท้ายแล้ว เขานั่งตัวตรงด้วยใบหน้าที่มีความสุข เหลือเพียงคนสุดท้ายเท่านั้น เป็นไปได้ไหมว่าจะมาเป็นเขา ? เขาจะโชคดีแบบนี้ได้ยังไง ?
ถูฉีลืมตาขึ้นและจ้องไปที่หน้าจอขนาดใหญ่ในห้อง มีโบราณวัตถุต่างๆเลื่อนไปมาอยู่ด้านบน
เขาจ้องมองไปที่การเปลี่ยนแปลงในนั้น ทุกอย่าง ” หยุด ” ลงตามที่พิธีกรสั่ง ด้านบนหน้าจอขนาดใหญ่มีกำไลหยกวงหนึ่งปรากฏขึ้น
รอยยิ้มบนใบหน้าของถูฉีแข็งทื่อไปในทันที !