เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 1047 เศรษฐีแสดงเป็นขอทาน
หยางโปมอบหมายเรื่องนี้ให้ลัวย่าวหัวไปจัดการ และไม่ได้ไปสนใจอีก
แต่นับตั้งแต่วันนี้ ลัวย่าวหัวก็ยิ่งมีงานยุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่และกลับมาดึก
น้อยมากที่จะได้ไปออกกำลังกายตอนเช้าในทุกๆวัน
ในมือของหยางโปค่อยๆมีแผนการออกแบบสะสมไว้จำนวนมาก และยังมีรายการของที่ระลึกอีกมากมาย ที่ทยอยถูกผลิตเป็นชุดๆออกมาทีละชิ้น ทางด้านหยางโปเองก็เริ่มเจรจาการค้ากับเมืองภาพยนตร์
เพราะมีลูกท่านหลานเธอจากตัวเมืองมาที่เมืองภาพยนตร์มาก่อน ดังนั้นถึงได้ตอบตกลงตามแผนของหยางโป แต่ตอนนี้ทั่วทุกย่อมหญ้าของเมืองภาพยนตร์ต่างลือกันเรื่องพ่อลูกของตระกูลหยานขอร้องอ้อนวอนหยางโป ดังนั้นเมืองภาพยนตร์จึงกระตือรือร้นกับคำขอของหยางโปมากขึ้น
ไม่นาน ก็มีการสั่งทำของที่ระลึกชุดแรกส่งมาถึงเมืองภาพยนตร์ หยางโปจึงเปิดช่องทางการขายของในเมืองภาพยนตร์ เพื่อให้ขายของที่ระลึกเหล่านี้ได้ดีขึ้น หยางโปจึงไม่เพียงแต่ทำงานหนักในการออกแบบเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเขายังออกแบบแหล่งกำเนิดของสินค้าของที่ระลึกทุกชิ้นอีกด้วย
เบื้องหลังของที่ระลึกทุกชิ้นล้วนมีตำนานเรื่องเล่า ด้วยวิธีนี้ ของที่ระลึกจึงมีความหมายแฝงทางวัฒนธรรมที่สอดคล้องกันไปด้วย
ของที่ระลึกอนุสรณ์สถานนี้กลับไม่ใช่ความคิดที่แปลกใหม่ แต่ถ้าของที่ระลึกอนุสรณ์สถานทุกแห่งในประเทศเหมือนกัน ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความเบื่อหน่ายทางสุนทรียะได้
หยางโปจึงปรับแต่งของที่ระลึกที่แตกต่างกันสำหรับจุดชมวิวแต่ละแห่งของเมืองภาพยนตร์ ด้วยวิธีนี้ จึงทำให้เกิดเป็นภูมิทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมีเพียงหนึ่งเดียว
พอขายวันแรก ก็ไม่มีการตอบรับมากนักในสถานที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มมีการแย่งซื้อตามจุดชมวิวหลายแห่งขึ้น เพราะของที่ระลึกพิเศษเหล่านี้จะไม่มีขายในพื้นที่อื่น
หยางโปนั่งอยู่ในสำนักงานและดูรายงานในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาถอนหายใจด้วยความ
โล่งอก เขามาอยู่เมืองภาพยนตร์ได้นานกว่าครึ่งเดือนแล้ว นี่แค่ทำการขายได้ห้าหกวัน ก็เปลี่ยนการขาดทุนเป็นกำไรได้แล้ว เป้าหมายของการมาที่นี่ของเขาก็ถือว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว
หลังจากที่หยางโปพักผ่อนอยู่พักหนึ่ง เขาก็ขึ้นรถและมุ่งหน้าไปยังเมืองภาพยนตร์
เมื่อมาถึงเมืองกวางโจว หยางโปก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบกันอยู่ข้างนอก เขารู้ว่าน่าจะมีคนถ่ายทำละครอยู่ข้างใน เขาเบียดตัวเข้าไปด้านข้างของฝูงชน จนในที่สุดก็เห็นสถานการณ์ข้างใน
เขาเห็นลัวย่าวหัวและหวังลั่วตันกำลังแสดงละครอยู่จริงๆ !
เห็นได้ชัดว่า ทักษะการแสดงของลัวย่าวหัวนั้นยังอ่อนหัดมาก และแม้แต่น้ำเสียงของคำพูดก็ยังดูค่อนข้างแข็งทื่อๆอยู่บ้าง แต่การแสดงออกแบบนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
หยางโปมองดู และตกตะลึงไปทันที เพราะเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากลัวย่าวหัว
พอเขาจ้องมองดูดีๆ และเห็นชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้น ก็ทำเอาเขาอึ้งไปทีเดียว นึกไม่ถึงว่าคนคนนั้นจะเป็นหยานเฉียง !
เวลานี้ หยานเฉียงสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งและมีคราบสกปรกติดบนใบหน้า ดูดำคล่ำมาก ดูจนตรอกมาก เขาใช้ไม้เท้ายันพื้น อีกมือถือชามหักเดินมาด้านหน้าลัวย่าวหัว “ คุณผู้ชาย ขอข้าวกินสักมื้อ คุณผู้หญิง ขอข้าวกินสักมื้อ ! ”
หยางโปมองดูลักษณะท่าทางแบบนี้ของหยานเฉียง จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หยานเฉียงมีฐานะเป็นถึงทายาทของกลุ่มธุรกิจหยาน ซึ่งมีมูลค่าหลายหมื่นล้าน คิดไม่ถึงว่าจะถูกลัวย่าวหัวทำลายแบบนี้ มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกไปตลอดชีวิต ! novel-lucky
หยางโปเฝ้าดูอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน จนกระทั่งผู้กำกับในหน้างานประกาศให้พักกินข้าว
หยางโปถึงได้เดินเข้าไปหา
ดูเหมือนผู้กำกับเฉินจะถูกคนที่อยู่ด้านข้างสกิดให้รู้ตัว เขาเงยหน้าขึ้นมองหยางโป รีบลุกขึ้นและเดินเข้าไปทักทายเขาอย่างรวดเร็วทันที ” คุณหยาง ยินดีต้อนรับ ! ”
หยางโปยิ้ม “ ผมแค่มาดู คุณไม่ต้องมากพิธีอะไรหรอก ”
เมื่อลัวย่าวหัวเห็นหยางโป ก็รีบโบกมือให้เขา เสื้อผ้าของเขาหนาเกินไป ผู้ช่วยของเขากำลังช่วยเขาถอดเสื้อนอกออก มันเลยทำให้เขาสบายตัวขึ้นมาหน่อย
ลัวย่าวหัวถอดเสื้อผ้าและวิ่งเข้ามาส่งยิ้มให้หยางโปและทักทาย “ เมื่อสักครู่นายเห็นการแสดงของฉันไหม เป็นยังไงบ้าง ? ทึ้งมากเลยใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้าชมเชย “ ไม่เลว ไม่เลวนะ ”
ลัวย่าวหัวดูภาคภูมิใจมาก “ ฉันบอกนายแล้วไง ว่าฉันน่ะเป็นคนมีพรสวรรค์ในโลกวรรณกรรมและศิลปะอย่างเห็นได้ชัด ต่อไปมีฉันอยู่ แวดวงศิลปะการแสดงจะมีเกียรติมากในอนาคต ! ”
หยางโปชี้ไปที่กองถ่ายละคร “ หาคนลงทุนได้แล้วเหรอ ? ”
ลัวย่าวหัวหัวเราะคิกคัก “ แค่เปลี่ยนตัวนักแสดงนำชายมาเป็นฉัน ต้องถ่ายทำเสริมตอนก่อนหน้าเยอะมาก ต้องเพิ่มเงินลงทุนเข้าไปอีกมาก บางอันก็เสริมเป็นค่าถ่ายทำ มันก็ต้องมีบ้าง แหะๆ
นั่นแหละเงินค่าตอบแทนของฉัน ! ”
หยางโปจ้องหน้าลัวย่าวหัว ” นายยังจะเอาเงินค่าจ้างอยู่อีกเหรอ ? ”
” จะไม่เอาเงินค่าจ้างได้ไง ? ไม่เอาค่าจ้าง งั้นฉันจะมาถ่ายละครทำไมกัน ? ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปปรายตามองลัวย่าวหัว แต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี เขากำลังครุ่นคิดอยู่ในใจว่า ทักษะการแสดงแบบนี้ของลัวย่าวหัว อยากแสดงบทบาทเป็นนักแสดงนำชาย อย่างน้อยเขาก็ต้องเอาที่จ่ายไปคืน คนอื่นถึงจะยอม
ลัวย่าวหัวไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ “ นายทายสิ เงินเดือนของฉันเท่าไหร่ ? ”
“ นายให้ค่ามิตรภาพหนึ่งหยวนงั้นเหรอ ? ” หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวส่ายหัว ” นายอย่าดูถูกฉันเชียวนะ ! ”
หยางโปพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ งั้นก็หนึ่งล้าน ? ”
“ ผิด ห้าล้าน ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปจ้องหน้าเขา แต่ในที่สุดก็ไม่พูดอะไร เขาไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ควรพูด
ผู้ช่วยของลัวย่าวหัวนำอาหารกลางวันมาให้ เขาจึงยื่นให้หยางโป ” หลายวันมานี้ ฉันมีความสุขมากจริงๆ ถ่ายละครสนุกมาก ! ”
ผู้กำกับเฉินหันมามองหน้าลัวย่าวหัว แต่ไม่ได้พูดอะไร
หยางโปยิ้ม “ สนุกก็ดี ในเมื่อรู้สึกว่ามันสนุก งั้นก็ถ่ายทำต่อสิ จะเป็นการดีที่สุดถ้าถ่ายทำออกมาแล้วดูดี ”
ลัวย่าวหัวส่ายหน้า ” ช่างเถอะ ถ่ายทำเรื่องนี้ก่อนแล้ว ค่อยคุยเรื่องอื่นๆ กันทีหลัง ”
หลังจากพูดจบ ลัวย่าวหัวก็ชี้ไปข้างหลัง “ เห็นนายน้อยหยานรึยัง ตอนนี้เขาเปลี่ยนมารับบทเป็นขอทานแทนแล้ว ! ”
“ นี่คือสิ่งที่นายไปพูดคุยตกลงกันมาเหรอ ? ” หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ตอนนั้นไม่ว่ายังไงหยานเฉียงก็ไม่ยอมตอบตกลง แต่พ่อของเขาทำเพื่อฝึกฝนเขา ถึงได้บีบบังคับให้เขามา ”
หยางโปเหลือบมองหยานเฉียง เมื่อเห็นหยานเฉียงหันมายิ้มให้เขา หยางโปก็ถึงกับอึ้งไปเลย
และนึกขึ้นได้ว่า ถ้าตามปกติแล้ว คงคิดกันว่าชายคนนี้คงมีความอดทนมากแน่ๆ กลัวว่าในที่สุดแล้วมันอาจจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ได้
แต่หยางโปกลับไม่ใส่ใจ เพราะเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นภัยคุกคามต่อเขามากนัก
หยางโปหันไปมองลัวย่าวหัว ” ยังต้องใช้เวลาในการถ่ายทำกันอีกนานแค่ไหน ? ”
ผู้กำกับเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบตอบคำถามทันที “ อีกประมาณครึ่งเดือนก็คงจบแล้ว ”
หยางโปขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “ ผมกลัวว่าคงจะอยู่รอไม่ได้นานขนาดนั้น ผมจะไปจากที่นี่
และกลับไปที่เมืองหลวงแล้ว ”
ลัวย่าวหัวมองไปที่หยางโป “ รีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า ” ก็ไม่ได้รีบร้อน จัดการเรื่องทางนี้แล้วเสร็จ ฉันยังต้องกลับไปจัดการเรื่องอื่นที่เมืองหลวงอยู่ ”
ลัวย่าวหัวเหลือบไปด้านข้าง ก็เห็นหวังลั่วตันยืนอยู่อีกด้าน เมื่อได้ยินหยางโปพูดว่าจะไปจากที่นี่ จู่ๆตาก็แดงก่ำ เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “ ใช่แล้ว คนที่ยุ่งอย่างนายอยู่ที่นี่แบบนี้ได้นานๆ มันก็ยากมากแล้ว ถ้างั้นฉันก็ไม่รั้งนายเอาไว้แล้วล่ะ ”
พอพูดจบ ลัวย่าวหัวก็ส่งซิกไปทางหวังลั่วตัน