เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 1050 โรคทางใจ
หลินหลินมีประสบการณ์มากว่า จึงใช้ให้แม่บ้านเอาน้ำแร่และผ้าเช็ดตัวมาให้ แล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถ เธอเปิดขวดน้ำแร่ออกบนรถแล้วเทลงบนผ้าเช็ดตัวโดยตรง บิดผ้าเช็ดตัวที่เปียก และวางไว้บนหน้าผากของฮัวชิงหยุน
เมื่อฮัวชิงหยุนถูกผ้าขนหนูเย็นโดนตัว ก็ตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมแขนของหยางโป แต่ยังไม่รู้สึกตัว
แสงกระพริบผ่านตาหยางโป เขามองสำรวจดูฮัวชิงหยุน จากบนลงล่าง กลับไม่เห็นอาการป่วยหรือรอยแผลเป็นใดๆ เขาจึงกอด ฮัวชิงหยุนไว้แน่น
หลินหลินนั่งอยู่ด้านข้าง “ ตอนกลางวันยังสบายดีอยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงป่วยได้นะ ? ”
ไม่มีใครตอบคำถามเธอ หยางโปกอดฮัวชิงหยุนไว้ ขณะที่ชุยอี้ผิงก็ขับรถอย่างตั้งใจ เขาควบคุมความเร็วอย่างสูงสุด
ไม่นานฮัวชิงหยุนก็ถูกส่งถึงโรงพยาบาล ทันทีที่ชุยอี้ผิงกดโทรออกก็มีคนรู้จักช่วยเคลียร์ขั้นตอนการรักษาในโรงพยาบาลให้
ผลการตรวจออกมาอย่างรวดเร็ว หมอมองหน้าหยางโปแล้วพูดว่า “ คุณเป็นญาติคนไข้ใช่ไหม ?
พูดตรงนี้เลยนะ คนไข้ไม่ได้ป่วย แต่เป็นเพราะมีความกดดันทางจิตใจที่มากจนเกินไป ทำงานหนักสะสมมานาน เลยทำให้ร่างการมีการตอบสนองต่อความเครียด ”
หยางโปปตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ กดดันมากเกินไป ? ”
หมอเมินเขาแล้วพูดต่อว่า “ ป่วยก็เป็นเรื่องที่ดี ให้ผู้ป่วยพักผ่อนเยอะๆ พักสักสองสามวันอาการก็จะดีขึ้น โรคทางใจต้องการหมอยารักษาทางใจ นี่เป็นงานที่สมาชิกในครอบครัวของพวกคุณต้องทำ ”
หยางโปพยักหน้าลงทันที “ ครับ ! ”
เมื่อเดินออกมา หลินหลินก็รู้สึกมึนงงอยู่ไม่น้อย “ ชิงหยุนอยู่กับแม่ทุกวัน จะกดดันอะไรกัน ? ทำงานหนักเกินไปก็ไม่มีทางเป็นได้นะ แม่ไม่ได้ใช้ให้เธอทำอะไรเลย เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน ? ”
ชุยอี้ผิงที่ยืนอยู่อีกด้าน ” แต่ผมกลับคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องเป็นปัญหาทางด้านสภาพร่างกาย
บางทีอาจเป็นปัญหาทางจิตใจ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร แต่จากที่ผมวิเคราะห์ดู
คุณป้าว่าถูกต้องไหม ? ”
“ ชิงหยุนยังเรียนอยู่มหาลัย แต่ก็ตามหยางโปมาเมืองหลวง และไม่ได้เรียนต่อมหาลัยอีก รอแค่จะแต่งงานกับเขา แต่หยางโปก็มักจะออกไปทำธุระเป็นประจำติดต่อกันหลายวัน ทิ้งหญิงสาวไว้ที่บ้าน ใครใครก็ไม่มีความสุขกันทั้งนั้น ! ”
“ นอกจากนี้ ฐานะแบบนี้ของทางครอบครัวเรา และฐานะทางครอบครัวชิงหยุนอีก ? ถึงแม้ครอบครัวชุยของเราไม่มีความคิดที่จะต้องแต่งงานเป็นทองแผ่นเดียวกับคนระดับเดียวกัน
และคงไม่มีใครดูถูกชิงหยุน แต่หยางโปประสบความสำเร็จขนาดนี้ ขนาดคุณป้ายังพูดเลยว่า
แค่เขาก้าวขาออกจากบ้านไป ก็ดึงดูดให้สาวๆมาชอบแล้ว ฐานะแบบนี้ของเขา จะไม่มีสาวๆมาชอบได้ยังไง ? ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ชิงหยุนจะไม่รู้สึกกดดันมากหรือไง ? ”
หลินหลินถึงกับอึ้งพูดไม่ออกไปเลยทีเดียว เธอเหลือบมองหยางโป และหันไปมองชุยอี้ผิงอีกครั้ง
” สิ่งที่พูดมามันก็สมเหตุสมผล มันก็ถือว่าเป็นเรื่องจริงนะ ! ”
หยางโปตกตะลึงไปทันที เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้จากมุมมองนี้มาก่อนเลย เขาคิดแค่ว่าเขากับ
ฮัวชิงหยุนถือว่าเท่าเทียมกัน จึงไม่ได้คำนึงถึงจุดนี้ ตอนนี้เมื่อมาคิดๆดู อันที่จริงมันก็มีแนวคิดทางโลกมากมายอยู่จริงๆ บางทีมันอาจจะทำให้ฮัวชิงหยุนตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมากอย่างแน่นอน อาจเป็นเพราะเขาไม่ค่อยใส่ใจกับประเด็นเหล่านี้มากนัก
หลินหลินมองหน้าหยางโป ” ตอนนี้ลูกเข้าใจแล้วหรือยัง ? ”
หยางโปพยักหน้า ” อืม ผมเข้าใจแล้ว ! ” ไอลีนโนเวล
หลินหลินเหลือบมองเข้าไปข้างใน ” ชิงหยุนอยู่กับแม่มาตั้งนานแล้ว แม่ดูออกว่าเธอเป็นเด็กดี
แม่หวังว่าลูกจะหวงแหนเธอและรักเธอ ! ”
หยางโปพยักหน้าและมองไปทางห้องพักผู้ป่วย ฮัวชิงหยุนกำลังนอนอยู่บนเตียง คิ้วทั้งสองข้างย่นขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่บอบบางดูซีดเซียวมาก
บางทีนับตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกับหยางโป ฮัวชิงหยุนก็เริ่มหน้าซีดแล้ว แต่ในตอนนั้น ฮัวชิงหยุนกอด
หยางโปอยู่ เธอเลยฝืนยิ้มด้วยความดีใจ ดังนั้นจึงไม่มีใครทันสังเกตเห็น
หยางโปเดินไปที่ขอบเตียง และนั่งลง มองใบหน้าที่สวยหมดจดบนเตียงผู้ป่วย รู้สึกจิตใจค่อยๆสงบลง เขาจับมือของฮัวชิงหยุนไว้ ลูบไล้ไปมาเบาๆ นึกถึงครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน…
วันที่สอง แสงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า หยางโปรู้สึกได้ถึงการสั่นไหวเล็กน้อยบริเวณแขน นี่เป็นสิ่งน้อยมากที่เขาจะมีไม่ใช่การฝึกฝน แต่เป็นการนอนหลับยามข้ามคืน เขาเงยหน้าขึ้นและรู้สึกว่าแสงอาทิตย์แยงตาเล็กน้อย แต่เขากลับเห็นฮัวชิงหยุนดึงมือของเขาอยู่ ด้วยรอยยิ้มสดใสที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า
ภายใต้แสงแดดที่สดใส ใบหน้าของฮัวชิงหยุนสวยงามราวกับหยก หยางโปมองดูรอยยิ้มนี้และรู้สึกงี่เง่าขึ้นมาทันที
“ ฟื้นแล้วเหรอ ! ” หลินหลินเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารเช้าในมือ
หยางโปหันกลับไปดู “ แม่ เอาอาหารอร่อยอะไรมาด้วยน่ะ ? ”
“ แม่กลับไปทำอาหารมาให้นิดหน่อย ชิงหยุนกินสักหน่อยก่อน ซุปไก่กำลังปรุงอยู่ กลับไปจะให้แม่บ้านเอามาให้ ” หลินหลินกล่าว
“ ขอบคุณค่ะคุณป้า ” ฮัวชิงหยุนพูดพลางส่งยิ้มให้
“ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง ? ” หลินหลินถามด้วยความเป็นห่วง
ฮัวชิงหยุนยิ้ม “ รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เมื่อวานหนูอาจจะโดนลมหนาวนิดหน่อย หลังจากดื่มไวน์ไปในตอนเย็นเลยรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะเป็นลมไป ”
“ เด็กน้อยเอ้ย ลำบากหนูแล้วจริงๆ ” หลินหลินกล่าว
ฮัวชิงหยุนส่ายหน้า “ คุณป้าพูดอะไรกันคะ ? ”
หลินหลินส่งยิ้มให้ “ ชิงหยุน ทั้งครอบครัวของเราคิดว่าหนูเป็นเด็กดีจริงๆ ป้าดูออกว่าหนูชอบเสี่ยวโปมาก ความสัมพันธ์ของพวกหนูก็ดีมาก ครอบครัวของเราไม่เคยคิดว่าครอบครัวเราไม่เหมาะสมกัน อนาคตในภายภาคหน้าถ้าแต่งงานกับเสี่ยวโปแล้ว ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกป้าได้ ป้าจะช่วยแก้ไขปัญหาให้หนูเองทุกอย่าง ! ”
ฮัวชิงหยุนอายหน้าแดงและเอ่ยออกมาเบาๆ ” คุณป้า ! ”
หลินหลินยิ้ม ” ต่อไปมีอะไรก็บอกป้ามา พวกเราแม่ลูก มีอะไรที่ไม่สามารถพูดกันได้อีก ! ”
ฮัวชิงหยุนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะทุกข์ใจ
หยางโปสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ มีอะไร ? มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาตรงๆได้เลย ”
ฮัวชิงหยุนหันไปมองหน้าหยางโป ” ฉันต้องการกลับไปเรียนต่อให้จบหลักสูตรระดับปริญญาตรี ”
หยางโปตกตะลึง ” ทำไมคุณถึงมีความคิดแบบนี้ ? ”
“ ใช่ ก่อนหน้านี้ก็พูดกันและตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ? ” หลินหลินถาม
ฮัวชิงหยุนรู้สึกค่อนข้างที่จะลำบากใจ แต่ก็ยังคงตอบกลับมาว่า “ ที่หยางโปไปเมืองภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ หนูก็คิดและไตร่ตรองถึงปัญหานี้ หรือว่าหนูเป็นคนที่ไร้ประโยชน์เกินไปหรือเปล่า
ถ้าหนูสามารถทำอะไรได้บ้าง อย่างน้อยก็จะได้ไปที่เมืองภาพยนตร์กับเขาด้วยได้ แบบเดียวกับที่เขาเปิดบริษัท หนูก็สามารถช่วยเขาดูแลจัดการเรื่องกิจการของบริษัทได้ อย่างน้อย ก็จะได้ไม่ต้องเป็นกระวนกระวายอยู่แต่ในเมืองหลวง ! ”
หยางโปนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เขามองหน้าฮัวชิงหยุน ดูสีหน้าท่าทางจริงจังของเธอ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ฮัวชิงหยุนจะคิดแบบนั้น !
หลินหลินที่ยืนอยู่ข้างหลังหยางโปเผยอปากออก แต่สุดท้ายกลับไม่ได้พูดอะไร เธอยังจะพูดได้อีกหรือว่าไม่ให้ฮัวชิงหยุนเรียนต่อ ? ปล่อยให้เธอกลับบ้านมีลูกให้เธอเลี้ยง ?
ฮัวชิงหยุนเริ่มพูดมามันก็ดี เธอคงไม่ต้องการเป็นนกน้อยที่ถูกเลี้ยงอยู่ในกรงทอง และคงไม่ต้องการอยู่บ้านทุกวันโดยที่ไม่มีอะไรทำเลย ! เธอยังสาว เธอยังมีความทะเยอทะยาน และเธอยังหวังว่าตัวเธอเองยังมีคุณค่า !
หยางโปพยักหน้าให้ ” เอาล่ะ คุณพักผ่อนสักสองสามวันก่อน แล้วผมจะไปส่งคุณกลับจินหลิง เพื่อไปเรียนต่อ ! ”
“ ป้าว่าสู้มาเรียนที่เมืองหลวงดีกว่าไหม ? ย้ายมาเรียนเลยก็ได้ ” หลินหลินกล่าว
หลินหลินส่ายหน้า “ คุณป้า หนูคุ้นเคยกับจินหลิงแล้ว และยังมีเพื่อนร่วมชั้นอีกหลายคน ยิ่งไปกว่านั้นเวลาเรียนก็ไม่ถือว่านานมาก แค่ปีเดียวก็จะเรียนจบแล้ว ”