เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 1054 จิโร่ สึคาฮาระ
หยางโปอยากเห็นปฏิกิริยาของเหยียนหรูหยู แต่เวลานี้เขากลับทำใจที่จะหันกลับไปมองไม่ได้ เพราะกลัวว่าหากหันหลังกลับไปจะพลาดทักษะการใช้กระบี่ที่ยอดเยี่ยมไป เขาเบิกตากว้าง
มองดูการแสดงบนเวที !
ดาบในมือของจิโร่ สึคาฮาระโบยบินอย่างสง่างาม ท่วงท่างดงาม เห็นแสงสีเงินแวววับบนเวที
ซึ่งมันน่าเหลือเชื่อมาก
ลัวย่าวหัวนั่งอยู่ข้างๆหยางโป ถึงกับอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาว่า “ นายดูสิ วิชากระบี่ของเขาดูเหมือนกระบี่เก้าเดียวดายไหม ? ศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมและรวดเร็วที่สุดในโลกของวรยุทธ์ ! ”
หยางโปจ้องมองวิชากระบี่ที่อยู่ตรงหน้าและพยายามจดจำทุกกระบวนท่าเคลื่อนไหว เขารู้สึกว่าการเคลื่อนไหวแบบนี้ดูอึดอัดไปหน่อย แต่แฝงไปด้วยลักษณะแข็งแกร่งเฉพาะของญี่ปุ่น
แต่เมื่อนำวิชากระบี่ประเภทนี้มาเทียบกับทักษะกระบี่เทียนหลัวที่เขากำลังเรียนรู้อยู่ มันไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย !
ในตอนจบของวิชากระบี่ ก็ยิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ร่างของจิโร่ สึคาฮาระก็ยังดูเลือนรางมองไม่ชัด เสียงปรบมือในงานยิ่งดังกึกก้องขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน !
หยางโปเบิกตากว้าง พยายามจดจำการเคลื่อนไหวทั้งหมด แม้จะยากสักหน่อย แต่โชคดีที่ทักษะการใช้กระบี่ค่อยๆหยุดลง จิโร่ สึคาฮาระ ยืนถือดาบยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น
ทุกคนในงานยืนขึ้นและปรบมือให้กับการแสดงที่ยอดเยี่ยมนี้ ! เสียงปรบมือดังยาวไม่หยุด !
หยางโปนั่งหลับตาลงบนเวที เขากำลังนึกทุกท่วงท่าและย่างก้าวเมื่อสักครู่อย่างละเอียดถี่ถ้วน
มีเพียงรูปแบบการตวัดกระบี่เท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกสับสน ท่วงท่าอื่นๆมันไม่ยากอะไรสำหรับเขาเลย !
หยางโปลืมตาและหันมองไปทางเวที ในเวลานี้ การแสดงวิชากระบี่ก็ได้สิ้นสุดลง เกอิชาญี่ปุ่นคนหนึ่งได้ขึ้นมาแสดงบนเวทีต่อ
หยางโปหันกลับมามองเหยียนหรูหยู เมื่อเห็นเธอมองดูการแสดงตรงหน้าอย่างมีความสุข
สำหรับเธอแล้ว ของทั้งหมดนี้เป็นเรื่องแปลกใหม่ไปหมด
“ การแสดงวิชากระบี่เมื่อสักครู่ คุณว่าเป็นยังไงบ้าง ? ” หยางโปลองถามดูอย่างระมัดระวัง
เหยียนหรูหยู เหลือบมองหยางโปและตอบกลับไปว่า ” ดีมากเลย ! ”
“ ผมรู้สึกว่าวิชากระบี่ชุดนี้ไม่ด้อยไปกว่าวิชากระบี่เทียนหลัวเลย ดูยอดเยี่ยมมาก ” หยางโปกล่าวต่อ
เหยียนหรูหยูยังคงรับชมการแสดงบนเวทีต่อ ไม่สนใจหยางโปเลย ผ่านไปนานสักพักถึงได้พูดออกมาคำหนึ่ง ” นี่เป็นฝีมือดาบระดับแนวหน้าของประเทศญี่ปุ่น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกหลาน ของวิชาดาบนี้มาเป็นคนร่ายรำให้ชมเอง จึงเป็นเรื่องปกติที่ยอดเยี่ยมมาก ขั้นวรยุทธ์ของคุณต่ำเกินไป จึงยังไม่สามารถเรียนวิชากระบี่เทียนหลัวได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะยังไม่เข้าใจรายละเอียดปลีกย่อยของมัน ! ”
หยางโปอึ้งอ้าปากค้างไปทันที เขามองไปที่เหยียนหรูหยู แต่คิดไม่ถึงว่า เธอจะพูดแบบนี้ออกมา วิชากระบี่เทียนหลัวยอดเยี่ยมมาก แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยสัมผัสมันได้เลยจริงๆ
รอจนการแสดของงเกอิชาจบลง เหยียนหรูหยูดูเหมือนจะสังเกตเห็นหยางโปที่ยังคงครุ่นคิดอยู่
จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา “ คุณก็อย่าไปคิดมาก สิ่งที่เขาแสดงมาทั้งหมดคือ ‘ ยอดวิชาดาบ ’ ของศาลเจ้าคาชิมะ ซึ่งถือได้ว่าเป็นยอดวิชาดาบของประเทศญี่ปุ่น แก่นแท้ของวิชาดาบคือรูปแบบการใช้ หากคุณเข้าใจถึงรูปแบบแรกได้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องจากนั้นอีกแล้ว ! ”
หยางโปหันไปมองเหยียนหรูหยูอีกครั้ง ด้วยสีหน้าประหลาดใจมาก เพราะในความเห็นของเขาแล้ว เหยียนหรูหยูเป็นคนจำพวกไม่รู้เรื่องราวของโลกภายนอก ไหนเลยจะนึกว่า เธอก็รู้เรื่องพวกนี้ด้วย
เหยียนหรูหยูไม่สนใจหยางโป เอาแต่สนใจดูการแสดงต่อไป
นี่เป็นการแสดงของคณะศิลปินญี่ปุ่นในจีน จึงไม่มีการจำหน่ายบัตรเข้าชม แค่มีภายในกระทรวงและหน่วยงานบางแห่ง เพราะหลายคนไม่ทราบ หยางโปเลยคิดว่าเป็นการแสดงเชิงพาณิชย์
เขาดูการแสดงสองรายการ และค่อยๆอดทนดูต่อ
หยางโปเกิดที่จินหลิง และเติบโตที่จินหลิง ความรู้สึกของเขาที่มีต่อญี่ปุ่นนั้นซับซ้อนและถึงกับพูดได้เลยว่าเกลียดชัง เพราะเขาไม่ยอมเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น และถึงขั้นที่ไม่เคยดูการแสดงแบบนี้มาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาสัมผัส เขาจึงรู้สึกไม่เลวทีเดียว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน การแสดงก็ได้จบลง ในงานมีเสียงปรบมือดังกึกก้อง หยางโปเองก็ลุกขึ้นปรบมือตามไปด้วย
เมื่อเดินออกจากโรงละคร ลัวย่าวหัวก็อดไม่ได้ที่จะขอเครดิต ” พวกนายคิดว่าการแสดงนี้เป็นยังไงบ้าง ? ”
หยางโปพยักหน้า ” ดีมาก พวกเขาแสดงแค่ที่นี้รอบเดียวเท่านั้นเหรอ ? ”
ลัวย่าวหัวหัวเราะดังลั่น “ ปกติการแสดงแบบนี้ จะมีการแสดงอยู่หลากหลายประเภท ยิ่งไปกว่านั้นจะแสดงติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน เมื่อเร็วๆนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นสัปดาห์ส่งเสริมวัฒนธรรมสำหรับการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างทั้งสองประเทศอะไรทำนองนี้แหละ ” novel-lucky
หยางโปค่อนข้างจะสงสัย “ นายช่วยไปหาข้อมูลมาให้ฉันหน่อยได้ไหม นักดาบคนนั้นที่ทำการแสดงมีประวัติความเป็นมายังไง ? ”
ลัวย่าวหัวเหลือบมองไปที่หยางโป “ เมื่อตะกี้ฉันแค่ดูเพื่อความสนุกสนาน การแสดงของชายคนนั้นต้องมีวิธีพิเศษอะไรมากอยู่ใช่ไหม ? เขาเก่งเอามากๆเลยเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า ” หลักแหลมมาก ”
เหยียนหรูหยูยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่ได้พูด
ลัวย่าวหัวตอบรับจากนั้นก็เริ่มต่อสายโทรออก
ทั้งสามคนชวนกันไปกินข้าว ก่อนที่จะหาร้านดีๆได้ ลัวย่าวหัวก็หันไปพูดกับหยางโปว่า
“ ได้ข่าวมาแล้ว ชายคนนั้นแสดงแค่รอบเดียวในวันนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นการแสดงที่สุ่มใส่เข้าไป เขามีสถานะสูงมาก ในคณะนักแสดงทั้งหมดนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะแสดงเพียงแค่ครั้งเดียวและไปแล้ว ”
หยางโปพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือกโดยที่ไม่ถามอะไรเพิ่มเติม
ทั้งสามคนเพิ่งเดินไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หยางโปก็ได้ชี้มาทางฝั่งนี้ “ พวกเราเข้าร้านชิมอาหารเครื่องดื่มร้านนี้ก็แล้วกัน ”
ลัวย่าวหัวไม่ได้คัดค้านเช่นกัน ส่วนเหยียนหรูหยูไม่กิน ไม่ว่าจะเข้าไปที่ร้านไหน มันก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับเธอ แต่อย่างใด
แม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับอาการไม่ปกติของเหยียนหรูหยูมานานแล้ว แต่หยางโปก็ยังรู้สึกสงสัยมากว่าตัวตนของเหยียนหรูหยูเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้อดอาหาร ?
อาจเป็นเพราะเพิ่งดูการแสดงของคณะนักแสดง หลายคนจึงพากันมากินข้าวที่ร้านอาหารนี้
ไม่เหลือห้องวีไอพีให้แล้ว ทั้งสามคนจึงต้องนั่งที่ล็อบบี้
หลังจากนั่งลง และสั่งอาหาร หยางโปกำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ๆลัวย่าวหัวก็สะกิดเขา
“ นายดูนั่นสิ ! ”
หยางโปมองไปตามทางที่ลัวย่าวหัวชี้ให้ดู ก็เห็นชายหนุ่มนั่งอยู่คนเดียวตรงมุม บนโต๊ะมีเครื่องอาหารวางอยู่สองจานและเหล้าหนึ่งเหยือก เขาคือ จิโร่ สึคาฮาระที่แสดงวิชาดาบเข้าพอดี !
หยางโปอยากจะเข้าไปนั่งคุยเรื่องวิชาดาบกับเขา แต่ก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างจะกะทันหันเกินไป
อีกทั้งยังรู้สึกว่าเข้าไปหาแบบนี้มันไม่ค่อยจะดี
ลัวย่าวหัวหันไปกระซิบไปกับเขา “ ฉันรู้สึกว่าชายคนนี้แปลกๆ ไม่ค่อยเข้าพวก นายอย่าไปดีกว่า ถ้าอีกฝ่ายลงมือทำอะไรขึ้นมา มันจะยุ่งยากเอาได้ ? ”
หยางโปครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้า แต่ไม่ได้เดินเข้าไปหา
หยางโปกินนิดหน่อย เขาไม่ชอบรสชาติของอาหารญี่ปุ่นเลยไม่ได้กินมาก เมื่อเงยหน้าขึ้น
ก็เห็นจิโร่ สึคาฮาระยืนขึ้นและเดินออกไป หยางโปก็จะตามไป
ลัวย่าวหัวยังคงกินอยู่ เมื่อเห็นหยางโปกำลังจะลุกขึ้น ดวงตาก็ลุกวาวขึ้นทันที เขาพูดเสียงอู้อี้
” นายจะทำอะไร ? ”
“ ตามเขาไป ! ” หยางโปพูด
ลัวย่าวหัวเบิกตากว้าง จ้องไปที่ชามและตะเกียบที่อยู่ตรงหน้าตัวเองและชี้ไปที่บะหมี่ในชาม
“ ไม่ต้องกินต่อแล้ว ไม่กินมื้อเดียวก็คงไม่ตายหรอก ! ” หยางโปกล่าว
พอพูดจบ หยางโปก็เดินออกไป ลัวย่าวหัวทำอะไรไม่ถูก เขากินบะหมี่ไปสองคำใหญ่ และทำได้เพียงวิ่งตามไป
แต่เมื่อออกจากร้านมา หยางโปกลับพบว่าร่างของจิโร่ สึคาฮาระหายไปแล้ว เขาวิ่งออกไปด้านนอกสองสามก้าว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย เขาจึงอดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้
เหยียนหรูหยูที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดออกมาอย่างอดไม่ได้ “ ยอดวิชาดาบไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับคุณ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสอนรูปแบบการใช้กระบี่ให้คุณ ”