เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 1064 ซื้อข่าว
“ คนอยู่ที่ไหน ? ” หยางโปหันมาถามลัวย่าวหัว
พอลัวย่าวหัวได้ยินเสียงที่ดังมาตามสาย ก็อธิบายไปว่า “ ทางซอยโรงงานทอผ้า ”
หยางโปพยักหน้า “ ไป พวกเราไปถามรายละเอียดระหว่างทางเอา ”
เมื่อเขาเข้าไปในรถ ลัวย่าวหัวก็ได้รับข้อมูลทีได้มาเพิ่มเติมและอธิบายว่า ” ซอยโรงงานทอผ้าค่อนข้างทรุดโทรม ที่นั่นมีแต่ชาวต่างชาติอาศัยอยู่ มีคนเคยเห็นคนในภาพเหมือนของนายกำลังสูบบุหรี่อยู่ที่นั่น ”
เมื่อพูดถึงเรื่องสูบบุหรี่ลัวย่าวหัวก็ทำเสียงขรึม เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ความหมายที่แท้จริง แต่คนคนนั้นกำลังเสพยา
หยางโปหยักคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินข่าวนี้ “ รู้ไหมคนคนนั้นชื่ออะไร ? ”
“ ฟังจากที่พวกเขาพูดคุยกัน ทุกคนต่างก็เรียกคนๆนั้นว่าอี้มู่ แต่ไม่รู้ว่าใช้อยู่กี่ชื่อ ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม วันนั้นถึงแม้สีหน้าท่าทีของเขาไม่ใช่ว่าจะดี แต่ถ้าคนทั่วไปคิดที่จะขโมยกระจกแสงจันทร์ไป คงต้องลงแรงหน่อย แต่อีกฝ่ายกลับเข้ามาโดยไม่ให้สุ่มให้เสียง
และเอากระจกแสงจันทร์ไปเฉยๆ สิ่งนี้มันทำให้เขาไม่สบายใจ
แต่ มีอย่างหนึ่งที่น่าจะยืนยันได้ วันนั้นที่เหยียนหรูหยพร่ำบ่น เธอจงใจให้อีกฝ่ายนำกระจกแสงจันทร์ไป เลยไม่สนใจ หรือว่าเหยียนหรูหยูจะนำกระจกแสงจันทร์ไป ? หรือว่าบางที มีเรื่องอะไรที่เขายังไม่รู้แน่ชัด ?
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงซอยโรงงานทอผ้า ที่นี่ค่อนข้างจะทรุดโทรมผุพังมากทีเดียว ควรจะรื้อถอนโดยเร็ว
คนที่รับงานรีบวิ่งเข้ามาทันที ชายคนนั้นเหมือนจะอายุยี่สิบกว่า ย้อมผมสีเหลือง ทรงผมรองทรงสูงที่ดูเหมือนสไตล์ร็อค ” พี่ลัว ผมกระรอกไง สวัสดี สวัสดี ! ”
กระรอกพยักหน้าและโค้งตัวคำนับ ดูค่อนข้างที่จะให้ความเคารพ ราวกับว่ารู้สถานะของลัวย่าวหัวดี เขาชี้เข้าไปข้างใน ” พี่ลัว คนที่คุณกำลังตามหาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวผมพาคุณไปที่นั่นเอง ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ พาเข้าไปดูสิ ”
ตรอกซอกซอยที่นี่แคบมาก ถนนก็เดินไม่สะดวก ตึกรามบ้านช่องสองข้างทางสร้างเป็นอาคารเล็กๆ สามชั้น เดินเข้าไปข้างในนั้นดูค่อนข้างที่จะมืด ประตูและหน้าต่างของบ้านพวกนี้เองก็ดูค่อนข้างจะทรุดโทรม
นายกระรอกเดินนำทาง ไม่นานก็มาถึงบ้านกระเบื้องหลังเล็กๆหลังหนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปด้านใน
หยางโปปัดมือ ส่งสัญญาณให้เขาหยุด เขาเห็นสภาพด้านในแล้วnovel-lucky
ห้องมืดไปหน่อย หน้าต่างกระเบื้องของห้องเล็กมาก บวกกับมีตึกรามบ้านช่องขวางหน้าไว้
ข้างในจึงมืดมาก มีหลอดไฟขนาด 15 วัตต์ส่องแสงสลัว ภายใต้แสงนั้น มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ สูบบุหรี่อยู่ เขาเงยหน้าหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
หยางโปมองเห็นอย่างชัดเจน คนที่สูบบุหรี่อยู่ ไม่ใช่คนที่เขาต้องการตามหาตัว
“ ปัง ! ”
หยางโปเตะให้ประตูเปิดออก เขาเดินเข้าไปก็เห็นถ้วยสองใบวางอยู่บนโต๊ะ มีร่องรอยอยู่บนพื้น แม้กระทั่งก้นบุหรี่สองสามชิ้น มีผงสีขาวกระจายอยู่ที่มุมโต๊ะ เขาเหลือบมอง และหันมองไปที่อีกคน
ชายคนที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ในห้องน่าจะอายุราวๆสามสิบกว่า ใบหน้าเหลือง ซีดเซียว ดูเหมือนคนใกล้ตาย ต่อให้หยางโปและพรรคพวกกรูกันเข้าไปหา เขาก็ยังสูบยาอย่างมีความสุข ไม่สนใจด้วยซ้ำ
“ อี้มู่ไปไหนแล้ว ? ” หยางโปถาม ชายคนนั้นเงยหน้ามองหยางโปและส่ายหน้าช้าๆ แต่ไม่ตอบอะไร
หยางโปอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ เวลานี้นายกระรอกก็เข้ามา ถีบไปที่ชายคนนั้นหนึ่งทีจนหน้าคว่ำลงพื้น “ พี่ใหญ่ถามแกอยู่ รีบตอบมาเร็ว ”
ชายคนนั้นล้มลงหน้าฟาดพื้น แต่สีหน้ายังคงเบลอเพราะความเมา เขายิ้มมุมปากราวกับว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย
นายกระรอกกำลังจะเข้าไปข้างหน้าและกระทืบเขาอีกครั้ง แต่หยางโปก็ได้ห้ามเขาไว้ เขามองไปที่ชายคนนั้นและเอ่ยปากพูดว่า ” คุณบอกผมมา อี้มู่มีประวัติความเป็นมายังไง ตอนนี้เขาไปไหนแล้ว ผมจะให้เงินคุณหมื่นหยวน ผมคิดว่าถ้ามีเงินก้อนนี้ อย่างน้อยคุณก็ไม่จำเป็นต้องไปหายามาสูบอีกแล้ว ! ”
ในขณะที่พูด หยางโปก็เหลือบมองบุหรี่อีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่
เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำว่า ” เงิน ” ตาก็ลุกวาวเป็นประกาย เขาเงยหน้าขึ้นมองหยางโป
“ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนจากไหน เราเรียกเขาว่าอี้มู่ เขามาที่ตี้จิงได้ปีกว่าแล้ว เขามาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ห่างกันสองสามวันเขาจะมาสูบบุหรี่กับผมที่นี่ ”
หยางโปจ้องหน้าชายคนนั้น และขมวดคิ้ว “ เขาพักอยู่ที่ไหน ? ทำงานอะไร ? หาเงินจากไหน ? ”
“ ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าเขามีเงิน และมักจะนำบุหรี่มาให้เราสูบด้วยกัน ” ชายคนนั้นกล่าว
หยางโปขมวดคิ้ว เขามองไปที่ผู้ชายตรงหน้า ที่ร่างกายสกปรกโสโครก มีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งลอยออกมา
ชายคนนั้นจ้องมองหยางโป ทั้งใบหน้า มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เป็นสีขาว เขามองหน้าหยางโป
“ ผมรู้แค่ข้อมูลพวกนี้ แล้วเงินที่คุณสัญญาว่าจะให้ผมล่ะ ? ”
“ ข้อมูลของคุณมีน้อยเกินไป ถ้ามีมากกว่านี้หน่อยก็จะดีมาก ผมมีเงินติดตัวอยู่สองหมื่นหยวน
น่าเสียดายที่ให้คุณได้แค่หมื่นหยวนเท่านั้น ” หยางโปหยิบเงินสองปึกออกมาจากกระเป๋าที่ลัวย่าวหัวส่งให้ และยื่นให้อีกฝ่ายแค่ปึกหนึ่ง ส่วนอีกปึกหนึ่งอยู่ในมือของเขา
ชายคนนั้นรับเงินหนึ่งหมื่นหยวนและจ้องไปที่เงินในมือของหยางโปไม่วางตา “ มีครั้งหนึ่งที่ผมเคยได้ยินเขาบอกว่าเขาจะจับหญิงสาวในบาร์ ผู้หญิงที่วัยสี่สิบห้าสิบ พวกนั้นจะหิวกระหายมากที่สุด แค่เขาขยับนิ้วก็หลอกล่อได้แล้ว ! ”
หยางโปชักสีหน้า เขาจ้องเขม็งมองไปที่อีกฝ่าย
ชายคนนั้นเหมือนจะสังเกตเห็นสีหน้าของหยางโป จึงพูดออกมาว่า “ เดิมผมก็ไม่เชื่อ เขาค่อนข้างจะผิวคล้ำ ไม่สูง ถึงขั้นที่ว่าหน้าตาน่าเกลียด แต่คำพูดคำจาฉะฉาน ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักต้มตุ๋น ผมก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันแน่ ข่าวคราวว่องไว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือไม้ของเขาว่องไวมาก น่าจะเป็นหัวขโมย เพราะถึงยังไง เขาก็หาเงินได้ ! ”
หยางโปจ้องหน้าชายคนนั้น และควักเงินครึ่งหนึ่งออกมายื่นให้ “ ไม่มีแล้วงั้นเหรอ ? ”
ชายคนนั้นจ้องเงินอีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ในมือหยางโป กลืนน้ำลายลงคอ ส่ายหน้าและพูดออกมาว่า “ ที่เหลือ ผมไม่รู้แล้วจริงๆ ”
“ เขามักจะไปที่ไนต์คลับไหน ? ” หยางโปหันมามองหน้า
ชายคนนั้นส่ายหน้า “ ผมขอคิดดูก่อน เหมือนผมจะจำได้ว่าเคยพูดถึงเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ผมคิดไม่ออก เหมือนโฮ่วอะไรนี่แหละ ”
“ หวงโฮ่ว ? ” นายกระรอกที่อยู่ด้านข้างเอ่ยทักขึ้นมาทันที
ชายคนนั้นส่ายหน้า “ ไม่ใช่ มันเรียกว่าโฮ่วอะไรนะ ”
“ โฮ่วไห่ ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปโยนเงินห้าพันหยวนให้ “ ถ้าครั้งหน้ามีความคืบหน้า ก็รายงานเราด้วย ” พอพูดจบ หยางโปกับลัวย่าวหัวก็เดินออกไปทันที
“ โฮ่วไห่น่าจะเป็นย่านคลับบาร์ ที่นั่นมีคลับบาร์เยอะมาก ” หยางโปกล่าว
“ ไม่เป็นไร พวกเรามีคนอยู่นิ ? ” ลัวย่าวหัวหันไปชี้นายกระรอก และควักกระเป๋าของเขายื่นให้หนึ่งหมื่นหยวน “ นี่เป็นค่าใช้จ่ายที่คุณนำทางมา ”
“ ขอบคุณพี่ลัว ! ขอบคุณพี่ลัว ! ” นายกระรอกรู้สึกขอบคุณมาก
ลัวย่าวหัวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ พี่ใหญ่ของพวกเราจะไป โฮ่วไห่ ! ”
นายกระรอกรีบตกปากรับคำและวิ่งเข้าไปทางด้านหลังโดยไม่รอพวกเขา
หยางโปตกตะลึงไปสักพัก “ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาเป็นอะไรไป ? ”
ลัวย่าวหัวหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไร