เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 190
ตอนที่ 190 หมอผี
หยางโปได้ยินเสียงตะโกนข้างนอกนานแล้ว และก็ได้ยินเสียงทะเลาะกัน เขาหันไปพยักหน้าให้หงซิ่วซิ่วเล็กน้อย
หงซิ่วซิ่วกลับอดที่เอ่ยถามไม่ได้ “ตอนนี้พี่ชายของฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”
หยางโปส่งสัญญาณไปทางด้านหลัง ให้หงซิ่วซิ่วหันไปมองด้วยตัวเอง เขาก็เดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
นางพยาบาลมองเห็นหยางโปเดินออกมา ทันใดนั้นก็ตะโกนเสียงดังอย่างโมโหพุ่งเข้าใส่หยางโปหลายประโยค หยางโปไม่เข้าใจภาษาเยอรมัน ย่อมไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องอะไรกันแน่
ชุยอี้ผิงยื่นมือมาขวางพยาบาล กล่าวกับหยางโปว่า “นายมันเป็นหมอเถื่อน ส่งหงอวี้ถึงมือนายก็รักษาไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว!”
หยางโปขมวดคิ้ว “ผมไม่เคยบอกว่าผมเป็นหมอ”
ชุยอี้ผิงชะงัก ก่นด่า “ในเมื่อนายไม่ใช่หมอ ถ้างั้นนายก็หลอกลวงซิ่วซิ่วแล้ว นายมันไอ้ต้มตุ๋น พวกสิบแปดมงกุฏ จะต้องทำได้แค่หลอกลวงคน ฉันไม่มีทางปล่อยให้นายออกจากเบอร์ลินไปได้แน่!
นางพยาบาลก็ตะคอกมาที่หยางโปอีกสองคำ หันมองไปทางหงซิ่วซิ่วที่ยืนอยู่ด้านใน เธอเร่งรีบพุ่งเข้าไป เธอจะต้องดึงหงซิ่วซิ่วออกมา เธอต้องเฝ้าระวังห้องคนไข้ให้เข้มงวดขึ้นอีกนิด และจะไม่ให้คนนอกเข้ามาได้อีก!
หงซิ่วซิ่วจ้องมองหงอวี้อย่างมึนชา มองเห็นสีหน้าซีดเซียวของเขาถึงกับฟื้นคืนไปกว่าครึ่งแล้วภายในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ ใบหน้าถึงกับอมชมพูเล็กน้อย คิ้วที่ขมวดแน่นบนหน้าผากก็คลายลงเล็กน้อย สถานการณ์ทั้งตัวราวกับความเจ็บปวดให้ถูกนำออกไปแล้วมีชีวิตใหม่!
นางพยาบาลเข้ามา ตบไหล่ของหงซิ่วซิ่วแล้วพร่ำบ่นเสียงเบาว่า “ฉันจะอธิบายกับคุณยังไง ที่นี่จะต้องไม่พาคนนอกเข้ามา คุณไม่ได้ปลอดเชื้อก็เข้ามาไม่ได้ คุณต้องรับผิดชอบชีวิตของพี่ชายคุณนะ!
“พี่ชายของฉันถูกเชื้อไวรัสเอาไปครึ่งชีวิตแล้ว ครึ่งชีวิตนี้จะรักษาเอาไว้ได้ไหม ต้องอาศัยความความพยายามของพวกเราร่วมมือกัน! คุณหง คุณกังวลใจ ฉันก็เข้าใจเหตุ… เหตุผล…”
พูดไปพูดมา นางพยาบาลถึงกับจ้องมองตาค้าง มองไปทางด้านหลังของหงซิ่วซิ่ว สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง!
หงซิ่วซิ่วตกใจอย่างมาก หันหลังมามองแล้วอดที่จะหลั่งน้ำตาไม่ได้…
หยางโปยืนอยู่ด้านนอกประตูกระจก ฟังเสียงก่นด่าและดูแคลนของชุยอี้ผิง อดที่เอ่ยปากถามไม่ได้ “นายชื่ออะไร?”
“ชุยอี้ผิง! ชื่อของฉันในแวดวงคนจีนในเบอร์ลินนี้ยังนับว่ามีชื่อเสียงอยู่บ้าง ฉันพูดเรื่องอะไรก็ไม่มีทางจะไม่สำเร็จ นาย…”
ชุยอี้ผิงพูดพล่ำอย่างเห็นได้ชัด ปากพูดจาไม่หยุดอยู่ตลอด
หยางโปทนไม่ไหวอยู่บ้าง “ฉันกำลังถามว่านายกับตระกูลหงมีความเกี่ยวพันอะไรกัน? นายแซ่หงเหรอ?”
“อย่าบอกนะว่านายไม่ได้ยินที่ฉันพูด? ฉันไม่ได้แซ่หง ฉันแซ่ชุย!
ชุยอี้ผิงรู้สึกว่าความโมโหของตนเองไม่มีทางหยุดยั้งได้อีกแล้ว เขาหันหน้ามองไปข้างในห้องพักผู้ป่วยครั้งหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะโง่งมไป…
หงอวี้เขาฟื้นแล้ว! ภายใต้การช่วยเหลือของหงซิ่วซิ่ว ถึงกับลุกนั่งเอนกับหัวเตียงอยู่ครึ่งตัว!
ชุยอี้ผิงชะงักนิ่งไปเลย หงอวี้ไม่ได้สติมาหลายวันแล้ว ภาพนี้ไม่น่าเชื่อมากเกินไปจริงๆ!
ไม่ นี่ต้องไม่ใช่ผลงานของคนตรงหน้านี้แน่!
ชุยอี้ผิงพุ่งเข้าไป เขามองเห็นนางพยาบาลยังเหม่อลอยอยู่ก็เร่งรีบกล่าวว่า “ยังไม่รีบไปตามหมออีก!
“โอ้ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!” นางพยาบาลถูกตวาดใส่ก็เร่งรีบตอบรับแล้ววิ่งออกไปด้านนอก
ตอนที่นางพยาบาลวิ่งผ่านข้างกายของหยางโปก็อดที่จะหันมามองเขาครั้งหนึ่งไม่ได้ เธอเข้าใจอาการป่วยของหงอวี้ดี เขาโคม่ามาหลายวันขนาดนี้ ขนาดหมอก็บอกว่าไม่มีหนทางแล้ว เจ้าหนุ่มนี่มาครั้งหนึ่งถึงกับเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้นมา อย่าบอกนะว่าคนนี้เป็นหมอผีที่เก่งกาจมากจริงๆ?
หยางโปไม่อยากเจอปัญหามากนัก เขาจึงเดินเข้าไปมองหงอวี้ครั้งหนึ่ง มองเห็นว่าพลังหยินที่ออกมาจากร่างของหงอวี้ลดน้อยลงมากแล้ว ทั้งคนสีหน้าก็ดีขึ้นไม่น้อย เพียงแต่นอนมานานขนาดนี้ ก็ไม่มีเรี่ยวแรงสักเท่าไหร่
หงซิ่วซิ่วมองมาอย่างเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “คุณหยาง ขอบคุณคุณมากจริงๆ พวกเราตระกูลหงจะไม่มีทางลืมน้ำใจของคุณ!
หยางโปส่ายหน้า “ตอนนี้พูดแบบนี้ก็ยังเร็วเกินไป ในเมื่อหงอวี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว ถ้างั้นผมก็ขอตัวไปก่อน ตอนนี้ร่างกายของเขายังอ่อนแอมาก พักสักหน่อยก็จะดีขึ้น วันนี้เวลาการรักษาสั้นเกินไป น่าจะยังต้องการอีกสามวัน พรุ่งนี้ฉันจะโทรหาเธออีกทีนะ!”
หงซิ่วซิ่วรีบพยักหน้า “ขอบคุณคุณหยางมากจริงๆ ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะรอการติดต่อจากคุณ ถึงเวลาฉันจะไปรับคุณที่โรงแรม!”
หยางโปพยักหน้าแล้วหันหลังเดินจากไป
หงซิ่วซิ่วกล่าวกับชุยอี้ผิงว่า “นายยังจะมองอะไรอีก ยังไม่รีบขับรถไปส่งคุณหยางกลับไปอีกเหรอ?”
ชุยอี้ผิงชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็มองไปทางหงซิ่วซิ่วอีกครั้งหนึ่ง ค่อยเร่งรีบตามไป
ตามไปถึงหยางโป สีหน้าของชุยอี้ผิงประดักประเดิดมาก ถึงแม้ว่าเขายังคงยากที่จะเชื่อ แต่เรื่องนี้ก็ชัดเจนมากแล้วว่าเจ้าหนุ่มตรงหน้านี้ช่วยให้หงอวี้ฟื้นได้จริงๆ
“คุณหยาง…” ชุยอี้ผิงเอ่ยปาก
หยางโปหันหน้ามามอง “คุณชุยมีธุระเหรอ?”
ชุยอี้ผิงหัวเราะเก้อๆ “คุณหยาง ต้องขออภัยจริงๆ ครับ เมื่อกี้ผมไม่ควรสงสัยคุณ”
หยางโปในใจไม่โกรธอะไรเลย เขาส่ายหน้าหัวเราะ “ความจริงแล้วผมไม่ใช่หมอ และก็ไม่ได้เรียนการแพทย์อะไร เพียงแต่อาการป่วยของหงอวี้แตกต่างออกไป ผมก็แค่ใช่ของนิดหน่อยแค่นั้นเอง”
หยางโปไม่ได้พูดเรื่องกระจกแสงจันทร์ออกไป ทำได้แค่ตอบกลับอย่างอ้อมค้อม
ชุยอี้ผิงเดินไปอยู่ด้านข้างของหยางโป หันหน้ามองไปทางหยางโป ใบหน้าด้านข้างธรรมดาไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คนสักเท่าไหร่ “คุณรู้ไหม หน้าตาคุณคล้ายกับคนหนึ่งมาก”
หยางโปหันหน้ามายิ้ม “ถ้างั้นก็เพราะว่าหน้าตาของผมโหลน่ะสิ”
หยางโปไม่ได้ซักไซ้ ชุยอี้ผิงก็ไม่ได้ไล่เลียง เขาส่ายหน้าแล้วก็โยนเรื่องที่คิดในสมองออกไป
เมื่อส่งหยางโปกลับไป ชุยอี้ผิงกลับไปถึงโรงพยาบาล มองเห็นภายในห้องพักผู้ป่วยกลับสู่ความสงบแล้ว หงซิ่วซิ่วนั่งอยู่บนเก้าอี้ พ่อแม่ของเธอกลับกอดเธอร้องไห้ ปากกล่าวอะไรบางอย่างเป็นครั้งคราว
บอร์ดี้การ์ดกับเจ้าหน้าที่การแพทย์ยืนอยู่ด้วยกันด้านหนึ่ง ใบหน้าของทุกคนแฝงด้วยความยินดี แน่นอนว่าการที่หงอวี้ล้มป่วยสร้างแรงกดดันให้กับทุกคนมาก เวลานี้ทุกคนล้วนโล่งใจขึ้นมา
เนิ่นนาน คุณแม่หงในที่สุดก็หยุดร้องไห้
หงซิ่วซิ่วถึงได้กล่าวกับคุณแม่เสียงเบาว่า “แม่คะ เดี๋ยวพี่ชายก็จะหายแล้ว แม่ไม่ต้องเสียใจแล้วนะคะ”
“แม่กำลังดีใจ!” คุณแม่หงปาดน้ำตา “ตอนที่แม่อยู่ในประเทศไหว้พระสวดมนตร์ ไม่ได้ผลอะไรมาตลอด คิดไม่ถึงว่าวันนี้ไปโบสถ์ ถึงกับเกิดเรื่องดีแบบนี้ขึ้น ดูท่าต่อไปแม่จะต้องเปลี่ยนศาสนาแล้ว?”
“แม่!” หงซิ่วซิ่วดึงแขนแม่ข้างหนึ่ง น้ำเสียงลังเลเล็กน้อย “ครั้งนี้ที่พี่ชายฟื้นขึ้นมาได้เป็นเพราะเหตุผลอื่น”
คุณแม่หงมองมา “เหตุผลอะไร?”
“แม่ยังจำได้ไหม ตอนที่อยู่จินหลิง ฉันพาคนหนุ่มมาคนหนึ่ง? ตอนนั้นบอกว่าเชิญเขามาช่วยรักษาพี่ชาย” หงซิ่วซิ่วกล่าว
คุณแม่หงครุ่นคิดแล้วก็พยักหน้า “เหมือนว่าจะมีเรื่องนี้นะ”
“ครั้งนี้พอดีเขามาที่เยอรมนี พวกเราเจอกันที่แกลลอรี่เบอร์ลิน ฉันเลยเชิญเขามาช่วยรักษาพี่ชาย” หงซิ่วซิ่วอธิบายขึ้นมา
คุณแม่หงกลับพลันสะดุ้งขึ้นมา “นี่จะเป็นไปได้ยังไง? เด็กคนนั้นเป็นหมอจีนเหรอ? เขาไม่ใช่อาจารย์ฮวงจุ้ยหรอกเหรอ?”
“แม่ ไม่ว่าสถานะของอีกฝ่ายจะเป็นอะไร เขาก็รักษาพี่ชายจนหาย” หงซิ่วซิ่วเอ่ยย้ำ “ครั้งหน้าแม่เจอเขาช่วยสำรวมสักนิดได้ไหมคะ?”
คุณแม่หงชะงักนิ่งแล้วก็พยักหน้า กล่าว “ขอแค่เขารักษาหงอวี้ให้หายดีได้ ถึงแม้จะต้องคุกเข่าลงตรงหน้าเขา แม่ก็ยอม!