เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 191
ตอนที่ 191 ไม่นับความแค้นเก่าก่อน
เมื่อหยางโปกลับมาถึงโรงแรม ตาอ้วนหลิวก็ไม่ได้อยู่ในห้องพัก เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เดาในใจว่าพวกเขาคงกำลังเดินเล่นอยู่ข้างนอก เลยยังไม่กลับเข้ามา
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ตาอ้วนหลิวก็กลับมาถึงห้อง พอหย่อนก้นนั่งบนเตียง ก็เอนลงนอนทันที
“เมื่อกี้เหล่ากู้เรียกประชุมด่วนจี๋!” ตาอ้วนหลิวบอก
หยางโปถือหนังสือเล่มหนึ่งกำลังศึกษาภาพสีน้ำมันตะวันตก พอได้ยินคำพูดนี้ของตาอ้วนหลิว ก็ชะงักไปทันที “เมื่อกี้พวกคุณประชุมกันเหรอ? กู้ฉางซุ่นรีบร้อนอะไรขนาดนั้น?”
“พวกเราเพิ่งกลับมาถึง ก็ถูกเขาลากไปประชุม เธอไม่รู้อะไร ทางเบอร์ดาส่งข่าวกลับมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเรียกราคามาที่สามร้อยล้าน นี่เทียบกับหนึ่งร้อยห้าสิบล้านที่กู้ฉางซุ่นเสนอไปแล้วมากกว่าเท่าตัวเลยนะ!” ตาอ้วนหลิวกล่าวพลางส่ายหัว
หยางโปชะงักค้าง สองปีมานี้เศรษฐกิจในประเทศพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ตลาดค้าวัตถุโบราณจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือราคาที่เพิ่มสูงขึ้น วัตถุโบราณบางชิ้นซื้อมาไว้ครึ่งปี พอขายออกไป ราคาก็ล้วนสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกครึ่งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามตัวเลขมันไม่เหมือนกัน!
ถ้วยเคลือบลงสีลายไก่สมัยเฉิงฮั่วเองก็นับว่าราคาสูง แต่อย่างมากก็อยู่ระหว่างหนึ่งถึงหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน เบอร์ดาเสนอราคามาที่สามร้อยล้าน ช่างเป็นสิงโตอ้าปากกว้างจริงๆ!
“สามร้อยล้าน? ก็ไม่แปลกที่กู้ฉางซุ่นจะด่าพ่อล่อแม่ ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่ตกลงด้วยหรอก” ดวงตาของหยางโปจับจ้องหนังสือ ขณะเอ่ยตอบ
“ใช่น่ะสิ นี่คิดจะปล้นกันชัดๆ จะให้จ่ายเงินซื้อด้วยราคาที่แพงขนาดนี้ได้ยังไง?” ตาอ้วนหลิวบ่น
หยางโปพลันเงยหน้าขึ้น “ถ้าเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเราจะต้องกลับจีนกันแล้วหรอกเหรอ?”
ตาอ้วนหลิวส่ายหัว “จะไปได้ยังไง? กู้ฉางซุ่นที่เป็นคนแบบนี้ จะยอมทิ้งไปง่ายๆ อย่างนี้ได้ยังไง?”
หยางโปมองอีกฝ่าย “คุณรู้ได้ยังไง?”
ตาอ้วนหลิวหัวเราะเหอะเหอะ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง หันไปทางหยางพูดว่า “ดูท่า เธอจะยังไม่รู้ถึงเรื่องเล่าของเถ้าแก่กู้สินะ!”
“ปีนั้นที่เถ้าแก่กู้ออกจากหมู่บ้านมา เขาอายุได้ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี เป็นช่วงแรกของการเปิดประเทศพอดี เขาหาบคานขายของตระเวนไปสิบหลี่แปดหมู่บ้าน ในตอนนั้นคนที่ทำการค้ายังถูกมองว่าเป็นพวกทุนนิยม แม้จะเป็นพ่อค้าหาบเร่เล็กๆ ก็ยังต้องกังวลว่าจะถูกตำรวจจับ”
“ต่อมา เขาเก็บเล็กผสมน้อย แล้วก็เปิดโรงงานแปรรูปขึ้นในท้องถิ่น ทำสินค้าพลาสติกโดยเฉพาะ เพราะคุณภาพดีมีฝีมือ สินค้าจึงขายดี ไม่นานก็มีทรัพย์สินเป็นร้อยล้าน กลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งในพื้นที่! แต่พอปี 83-84 ลมพัดน้ำทะลัก เขาถูกควบคุมตัว ไม่นานก็ถูกตัดสินจำคุกสองปี ทรัพย์สินทั้งหมดกระจัดกระจายสูญหาย”
“หลังออกมาจากคุก กู้ฉางซุ่นก็เรื่อยเปื่อยอยู่สองสามปี จากนั้นด้วยเพราะมีชีวิตที่ยากลำบาก เขาจึงลงใต้ไปกวางโจว ที่นั่น เขาอาศัยการขายซีดีเถื่อนหาทองถังแรก และก็ได้สร้างฐานการผลิตแผ่นซีดีเป็นของตัวเองที่กวางโจว เป็นพวกหนังฮ่องกงเถื่อนจำนวนมาก ในหลายปีนั้นเขารวบรวมเงินทองจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ตอนนั้นยังเป็นตอนประมาณปี 95 เขาก็มีทรัพย์สินหลายร้อยล้านแล้ว”
“แต่ฮ่องกงกลับกำลังจะกลับคืนสู่จีน ความสัมพันธ์ของสองแผ่นดินดีขึ้น การกระทำของกู้ฉางซุ่นถูกรัฐบาลจับตามอง โรงงานเจอตรวจอายัด เขาถูกจับเข้าคุกอีกครั้ง ทรัพย์สินก็กระจายสูญหาย สุดท้ายก็ถูกตัดสินรอลงอาญาสองปี ทรัพย์สินก็เป็นอันตรธานหายไปในคืนเดียว”
“ต่อมา เขาเปิดบริษัทนำเข้าส่งออก เก็บเล็กผสมน้อยอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาอายุสี่สิบกว่าปี ตอนนั้นก็เป็นปี 98 แล้ว เขากลับไปที่ภูมิลำเนาเดิม ได้รับเหมาเหมืองถ่านหินแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เขาเกือบจะยันไว้ไม่อยู่ จนก้าวเข้าสู่ศตวรรษใหม่ ราคาถ่านหินถึงเพิ่มสูงขึ้นมาก เหมืองถ่านหินที่เขารับเหมาไว้ ก็ถูกสำรวจว่าเป็นถ่านหินคุณภาพสูง เงินทองถึงได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!”
“ไม่กี่ปีมานี้ เขาอาศัยฝีมือด้านการเงิน ได้เหมืองถ่านหินมาอีกไม่น้อย แต่ละปีทรัพย์สินจึงเพิ่มเป็นเท่าทวี ตอนนี้เขามีทรัพย์สินหลายพันล้านแล้ว!”
หยางโปที่ได้ฟังเรื่องราวของกู้ฉางซุ่น ก็รู้สึกว่ามันช่างเหมือนประวัติศาสตร์แห่งการดิ้นรนฟันฝ่าเรื่องหนึ่ง เจออุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายเขาก็ฟันฝ่ามาได้ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลังจากที่หยางโปได้ยินความล้มเหลวมากมาย ตัวอย่างเหตุการณ์ของการล้มลงอย่างไม่มีวันฟื้น
“ดูท่าพวกเราจะต้องรอต่อไปแล้ว” หยางโปพูดอย่างปลงๆ
วันต่อมา ด้านเบอร์ดาไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น ยังคงไม่มีการหารือเรื่องราคา หยางโปได้แต่โทรหาหงซิ่วซิ่ว และให้อีกฝ่ายมารับตัวเอง
รอจนหงซิ่วซิ่วโทรมา หยางโปจึงค่อยออกจากโรงแรม เห็นหงซิ่วซิ่วยืนรอต้อนรับอยู่ข้างตัวรถ ก่อนจะช่วยเขาเปิดประตูรถ หยางโปประหลาดใจเป็นอย่างมาก “ลำบากคุณหนูหงแล้ว”
หงซิ่วซิ่วเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะหันกายมาถามหยางโปว่า “ทั้งหมดล้วนสมควรค่ะ คุณหยางคะ ตอนนี้พี่ชายฉันดีขึ้นมากแล้วค่ะ รู้สึกตัวได้แล้ว แต่ตอนนี้การตอบสนองยังช้าอยู่เล็กน้อย ร่างกายก็ไม่มีแรง เขาเป็นอะไรกันแน่คะ?
หยางโปเห็นว่าคนที่นั่งตำแหน่งคนขับเป็นบอดี้การ์ดบนร่างสวมสูทสีดำ เมื่อได้ยินคำถามของหงซิ่วซิ่ว จึงตอบว่า “พวกคุณคงตรวจมาแล้วสินะ?”
หงซิ่วซิ่วพยักหน้าเบาๆ “อืม ตรวจแล้วค่ะ แต่ก็ไม่เจออะไรเลย หมอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร”
หยางโปลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองทางบอดี้การ์ดแวบหนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า “หงอวี้จะต้องไปสถานที่ที่มีพลังหยินบางอย่างมาแน่นอน แต่พลังหยางของเขาไม่เพียงพอ เลยติดพลังหยินมา ถึงจะดูเหมือนอุณหภูมิร่างกายของเขาไม่ได้ต่ำ แต่เขาต้องมีความรู้สึกหนาวมากแน่ๆเลยล่ะมั้ง?”
หงซิ่วซิ่วตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้วค่ะ ทุกครั้งที่พี่ได้สติ มักจะพูดว่าตัวเองหนาวมาก แต่ก็ตรวจหาสาเหตุไม่เจอ ก่อนหน้านี้ คุณเองก็เคยพูดทำนองนี้มาก่อน ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ อะไรคือที่ที่มีพลังหยินอยู่กันคะ?”
หยางโปหันไปมองหงซิ่วซิ่วอยู่ครู่หนึ่ง แล้วคิดได้ว่าอีกฝ่ายกลับมาจากต่างประเทศ จึงอธิบายสั้นๆ “นี่เป็นสำนวนของศาสตร์ฮวงจุ้ยจีนโบราณ พลังหยินที่มีมากเกินไปนั้นปกติจะอยู่ในสถานที่ที่มีซากกระดูกศพจำนวนมากจำพวกนั้น สถานที่ประเภทนั้นโดยทั่วไปจะมืดและหนาว ทำให้ปราณและเลือดของคนไม่ไหลลื่น ง่ายที่จะถูกคุกคามรบกวน”
“ฉันก็เข้าไปพร้อมกับเขานะคะ แต่ทำไมฉันไม่เป็นอะไรเลย?” หงซิ่วซิ่วพูดอย่างไม่เข้าใจ
หยางโปลังเลเล็กน้อย “เพราะพลังหยางของคุณเหนือกว่าเขา”
“จะเป็นไปได้ยังไง?” หงซิ่วซิ่วพูดอย่างยากที่จะเชื่อ
“ชีวิตส่วนตัวของพี่ชายคุณไม่ค่อยจะแน่นอนใช่ไหม?”
หยางโปพูดอ้อมค้อม แต่หงซิ่วซิ่วกลับเข้าใจได้ในทันที ความหมายของหยางโปก็คือกำลังพูดว่าหงอวี้มั่วโลกีย์เกินไป ความจริงก็เป็นอย่างนี้จริงๆ แต่เธอย่อมไม่พูดออกมา
ภายในรถเงียบงัน เมื่อตรงไปถึงโรงพยาบาล ก็ได้พบหญิงงามสง่าวัยกลางคนอีกครั้ง หงซิ่วซิ่วจึงชี้หยางโปพลางแนะนำว่า “แม่คะ ท่านนี้ก็คือคุณหยาง หยางโป”
เมื่อแม่หงซิ่วซิ่วเห็นหยางโป ก็พลันโค้งกาย ก่อนกล่าวขอโทษหยางโป “คุณหยาง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ เป็นฉันพูดจาอวดดีเอง ในท้องอัครเสนาบดีอย่างคุณสามารถถ่อเรือได้ ขอให้คุณได้โปรดให้อภัยฉันด้วยนะคะ!”
ในใจหยางโปยังรู้สึกขุ่นเคือง แต่ตอนนี้เขาตกใจกับท่าทีของอีกฝ่ายยิ่งกว่า เขาไม่คาดว่าแม่ของหงอวี้จะทำอย่างนี้ ถ้าอีกฝ่ายเป็นเหมือนครั้งที่แล้ว บางทีเขาคงจะไม่ไว้หน้าแล้วจากไป แต่อีกฝ่ายเป็นอย่างนี้ ทำให้เขาไม่อาจไม่ช่วยได้ หัวใจที่น่าสงสารของพ่อแม่ในโลกหล้า แม่คนหนึ่งทำเพื่อลูกชายถึงขนาดนี้ เขาเองก็ย่อมไม่อาจจะใจแคบได้
“คุณรีบเงยขึ้นเถอะครับ ไม่ถึงกับจะให้อภัยไม่ให้อภัย ความปรารถนาที่จะช่วยลูกชายก่อนหน้านี้ของคุณนั้น ผมเข้าใจได้” หยางโปกล่าว
แม่หงซิ่วซิ่วรีบพูดว่า “ขอบพระคุณคุณหยางที่ไม่นับความแค้นเก่าก่อน ตระกูลหงจะไม่ลืมพระคุณของคุณเลย!”