เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 196
ตอนที่ 196 แสร้งปล่อยเพื่อจับ
เมื่อหยางโปอธิบายอย่างนี้ กุ้ยหรงจิ่วก็มีปฏิกิริยาในทันที เขาเข้าใจวัตถุประสงค์ของหยางโปที่คิดจะใช้ประโยชน์จากการถกเถียงในการประเมินมาลดราคาซื้อขายถ้วยเคลือบลงสีลายไก่สมัยเฉิงฮั่ว การใช้วิธีนี้แม้ว่าย่อมต้องมีข้อสงสัย แต่กุ้ยหรงจิ่วก็ยอมร่วมด้วย
เมื่อรู้ว่ากล้องวงจรปิดไม่สามารถบันทึกได้ กุ้ยหรงจิ่วจึงพยักหน้า “ฉันเองก็ไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไรเหมือนกัน”
เหมยเฉาหนิงยิ้ม “ถ้าสามารถดูสัญลักษณ์ที่ก้นถ้วยได้ ตอนนี้จะไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ว่าการประเมินเครื่องเคลือบนั้นปกติต้องดูสัญลักษณ์ที่ก้นถึงจะยืนยันได้ ยิ่งเป็นถ้วยเคลือบลงสีลายไก่สมัยเฉิงฮั่วที่ถูกทำเลียนแบบมาหลายต่อหลายครั้งแล้วด้วย”
หยางโปขมวดคิ้วไม่คลาย ก่อนส่ายหน้า “เจียจิ้ง หลงชิ่ง ว่านลี่ สามรัชสมัยแห่งราชวงศ์หมิง และคังซี ยงเจิ้ง เฉียนหลง สามรัชสมัยแห่งราชวงศ์ชิง ต่างก็ประสบความสำเร็จในการเลียนแบบของในสมัยเฉิงฮั่ว โดยเฉพาะสมัยคังยงเฉียนทั้งสามรัชสมัย ระดับในการทำของเลียนแบบยิ่งเหนือชั้น สัญลักษณ์ที่ก้นถ้วยส่งผลเป็นอย่างมาก”
ท่าทางของหยางโปรวมกับน้ำเสียงของเขา ทุกอย่างตรงข้ามกันเกือบจะสิ้นเชิง ทำให้คนยิ้มออกมาอย่างทนไม่ไหว
ใบหน้าเหมยเฉาหนิงเคร่งขรึมจริงจัง แต่หางตาประดับรอยยิ้ม “ฉันทนไม่ไหวแล้ว พวกเรากลับไปค่อยปรึกษากันดีกว่า ทำให้พวกเขาดู พวกเขาเองก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเข้าใจได้ทั้งหมด!”
หยางโปหันกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นเบอร์ดากำลังมองมา ใบหน้าประดับรอยยิ้ม ส่วนใบหน้าของกู้ฉางซุ่นนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง
“เรียบร้อยแล้วครับ!” หยางโปส่ายหัวอย่างจนปัญญา
เมื่อทั้งสามคนเดินกลับไป กู้ฉางซุ่นเองก็ไม่ถามอะไร แต่หันไปพูดยิ้มๆ กับเบอร์ดาว่า “คุณเบอร์ดา วันนี้ต้องขอบคุณจริงๆ ผมคิดว่าพวกเราควรจะเร่งขั้นตอนการเจรจาให้เร็วขึ้น เรื่องนี้ไม่ถึงกับต้องดึงให้ถึงหนึ่งปีครึ่งปีหรอกมั้ง?”
เบอร์ดายิ้ม “ไม่รีบๆ!”
กู้ฉางซุ่นไม่พูดอะไรอีก เขาพาทุกคนหมุนกายจากไป
เมื่อออกมาจากลาน กู้ฉางซุ่นก็หันกายมามอง “เป็นยังไงบ้าง? เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?”
ใบหน้ากู้ฉางซุ่นปรากฎความร้อนใจ การเจรจาเรื่องถ้วยเคลือบลงสีลายไก่สมัยเฉิงฮั่วดำเนินมาสองเดือนกว่าแล้ว มันพัวพันเขาไว้เป็นอย่างมาก เขาเองก็คาดหวังเอาไว้สูงเช่นกัน ตอนนี้ในที่สุดก็จะได้มันมาไว้ในมือ ไม่แปลกที่เขาจะร้อนใจ
ใบหน้ากุ้ยหรงจิ่วฉายแววปั้นยาก ก่อนจะหันไปดูรอบด้าน
กู้ฉางซุ่นมีท่าทีทันที “กลับไปค่อยว่ากันๆ”
เมื่อกลับถึงโรงแรม กู้ฉางซุ่นก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรแม้แต่น้อย กลับพาทั้งสามคนเข้าไปที่บาร์เหล้าสาเกใกล้ๆ ก่อนจะมองมาทางทั้งสามคน “หรือว่าจะมีปัญหาอะไร?”
กุ้ยหรงจิ่วมองไปทางหยางโป ส่งท่าทีให้เขา “ให้หยางโปพูดดีกว่าครับ”
หยางโปหันมองกุ้ยหรงจิ่วแวบหนึ่ง ก่อนพยักหน้า “คุณกู้ คุณไม่ต้องกังวลใจไป ตอนนี้ดูแล้วถ้วยเคลือบลงสีลายไก่สมัยเฉิงฮั่วไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ที่พวกเราเป็นอย่างนี้กัน ก็เพราะหวังที่จะหลอกอีกฝ่าย ดังนั้นต่อไป คุณก็สามารถเจรจากับอีกฝ่ายอย่างวางใจได้ แต่ต้องระวังกลยุทธ์เอาไว้กันหน่อย”
กู้ฉางซุ่นเป็นคนค้าขาย พอได้ฟังก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของหยางโป เขาหันไปมองหยางโป “ความหมายของพวกเธอก็คือจากนี้ไปอยากให้ฉันทำเป็นลังเลใจ?”
หยางโปพยักหน้า “ถูกต้องครับ ถ้าให้อีกฝ่ายเห็นว่าคุณรีบร้อนเกินไป จะไม่เป็นผลดีต่อการเจรจาครั้งต่อไป”
กู้ฉางซุ่นพยักหน้า เขาเองก็ตระหนักได้ถึงปัญหานี้เช่นเดียวกัน เวลานี้เขาทำตัวรีบร้อนเกินไป รีบบินจากจีนอย่างเร็วที่สุดเพื่อมาเจรจา เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ามีแต้มต่อที่สำคัญอยู่ในมือ กลยุทธ์นี้เขาเข้าใจ แต่พอคนร้อนใจ ก็ง่ายที่จะว้าวุ่น
“ได้! ฉันเห็นด้วยกับคำแนะนำของพวกเธอ เมื่อเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะจองตั๋วกลับจีนวันพรุ่งนี้เลย!” กู้ฉางซุ่นกล่าว
พูดแล้วเขาก็ยกขาทั้งคู่ขึ้นขัดสมาธิบนโซฟา มือหนึ่งควักซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ฉีกเปิดซอง ก่อนจะหันไปพูดกับพวกหยางโปทั้งสามคนว่า “ฉันรู้ว่าพวกเธอล้วนไม่สูบบุหรี่ ฉันก็จะไม่แจกบุหรี่ให้พวกเธอหรอก”
หยางโปมองอีกฝ่าย และเห็นว่าซองบุหรี่ที่กู้ฉางซุ่นถืออยู่เป็นยี่ห้อ “ต้าเฉียนเหมิน!”
“ต้าเฉียนเหมิน” หนึ่งซองสองหยวน เป็นเถ้าแก่ที่ครอบครองสินทรัพย์หลายพันล้าน กลับสูบ “บุหรี่ประชาชน” พรรค์นี้ ช่างทำให้คนประหลาดใจจริงๆ!
กู้ฉางซุ่นเองก็เหมือนจะเห็นความแปลกใจในดวงตาของหยางโป จึงยิ้มพลางอธิบายว่า “เมื่อก่อนตอนฉันยังจนอยู่ ก็ซื้อใบยาสูบ แล้วเอากลับมาใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อสูบเอง นี่นับว่าไม่เลวแล้ว!”
พูดจบ สีหน้าท่าทางกู้ฉางซุ่นก็พลันเศร้าสลดขึ้นมา เนิ่นนานถึงเอ่ยปากว่า “ตอนนั้นต้าเฉียนเหมินยังนับเป็นบุหรี่เกรดกลางถึงสูง ครั้งแรกที่ฉันถูกจับเข้าคุก ที่บ้านยังมีเงินเหลืออยู่ไม่น้อย ฉันจะให้ภรรยาส่งต้าเฉียนเหมินมาให้ฉันในคุก นั่นก็ผ่านมาหลายปีแล้ว”
“ตอนนั้น ฉันเองก็ไม่คาดคิดเหมือนกัน ว่าครอบครัวจะมาแพ้ให้กับเรื่องพรรค์นั้น ภรรยาฉันออกไปใช้แรงงานใช้รถเข็นขนของ หาเงินค่าเทอมให้ลูกชายลูกสาว แล้วยังต้องมาซื้อบุหรี่ให้ฉันอีก ตอนนั้นฉันมันเลวจริงๆ ทุกครั้งที่เธอมาส่งให้ช้า ฉันก็จะด่าเธอ!”
กู้ฉางซุ่นสูดควันเฮือกหนึ่งอย่างดุดัน ก่อนจะพ่นออกมาแรงๆ “เรื่องดีมักผ่านการต่อสู้โชกโชนจึงจะสำเร็จ เรื่องในโลกนี้ยากจะคาดเดา ล้วนผ่านไปหมดแล้ว อย่าไปพูดถึงมันเลย!”
ในใจหยางโปตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เขาคาดไม่ถึงว่ากู้ฉางซุ่นจะเล่าเรื่องประเภทนี้ ตอนที่ได้ฟังเรื่องราวของเขา เป็นชีวิตที่ขึ้นๆ ลงๆ แต่ชีวิตที่ขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งไม่สามารถคุมได้ในสายตาคนนอกนั้น ไหนเลยจะเทียบเท่าคนที่เกี่ยวข้องสัมผัสได้?
กุ้ยหรงจิ่วหยิบเบียร์ขึ้นมา ก่อนจะเทลงไปในแก้วของกู้ฉางซุ่น “มา ไม่ต้องพูดแล้ว ชนแก้วให้แก่ความยากลำบากของชีวิต!”
“ดี! ชนแก้วให้แก่ความยากลำบากของชีวิต!” กู้ฉางซุ่นชูแก้วพลางพูด
ทั้งสี่คนดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า ไม่พูดถึงเรื่องธุรกิจอีก ทุกคนพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย กลับเข้ากันได้ดีเป็นอย่างมาก
วันต่อมา หยางโปตื่นขึ้นมาด้วยอาการเมาค้าง สังเกตเห็นพระอาทิตย์ลอยสูงถึงกลางฟ้าแล้ว เขาก็ลุกจากเตียงล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็รีบลงไปกินอาหารเช้า
ตาอ้วนหลิววิ่งเข้ามา ถามเสียงค่อยว่า “เมื่อวานพวกเธอคุยอะไรไปบ้างกันแน่? ทำไมวันนี้เหล่ากู้ถึงจะไปแล้ว?”
หยางโปยิ้ม พูดเสียงค่อยเช่นกันว่า “แสร้งปล่อยเพื่อจับ”
ตาอ้วนหลิวเข้าใจในทันที พูดยิ้มๆ ว่า “เป็นวิธีที่ดี ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีคนเคยพูดเรื่องนี้เลย นั่นก็เพราะเหล่ากู้คนนี้หัวแข็งมาก ก่อนหน้านี้เสนอแผนไปตั้งมากมาย เขาก็ไม่ยอมรับฟังเลย คนอื่นต่างก็ไม่กล้าเสนอคำแนะนำอะไรแล้ว”
หยางโปประหลาดใจ “นี่ ไม่ใช่ล่ะมั้ง คุยกันง่ายจะตายนะ!”
“นั่นเพราะน้ำหนักความน่าเชื่อถือของนักวิชาการไงล่ะ!” ตาอ้วนหลิวกัดแซนด์วิชหนึ่งคำ หันไปพูดกับ
หยางโปว่า “จริงสิ เธออย่าไปเสนอคำแนะนำอะไรล่ะ น้ำหนักของเธอยังไม่มากพอ เดี๋ยวจะถูกเขาปฏิเสธ ครั้งต่อไปจะไม่มีสิทธิมีเสียงได้พูดอะไร!”
หยางโปพยักหน้า รู้สึกประหลาดใจ เพราะความเห็นของเขาก็ถูกอีกฝ่ายยอมรับไปเรียบร้อยแล้ว
“อ๊ะ จริงสิ วันนี้พวกเธอมีเวลากันไหม?” ตาอ้วนหลิวถาม
“มีสิ ก็นี่ไม่ใช่เวลาว่างหรอกเหรอ? อีกสองสามวันพวกเราก็จะกลับกันแล้ว” หยางโปกล่าว
ใบหน้าตาอ้วนหลิวปรากฏรอยยิ้มหัวขโมย “เฮ้ย อย่ารีบร้อนน่า ฉันติดต่อนักสะสมเชื้อสายจีนในท้องถิ่นเอาไว้แล้ว ในมือของเขาสะสมวัตถุโบราณของจีนเอาไว้เยอะแยะ และกำลังจะปล่อยของอยู่พอดี พวกเราไปดูกันหน่อยไหม?”
หยางโปผงกศีรษะทันที “อืม กลับช้าหน่อยก็ไม่นับว่าเป็นอะไร”