เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 233
ตอนที่ 233 หาข้อมูลใหม่
ชุยซื่อหยวนออกมาข้างนอกพร้อมกับชายวัยกลางคนผู้นั้นในขณะที่หยางโปและคนอื่นๆได้เดินหายออกไปจากมุมตึกแล้ว
ชายวัยกลางคนเดินนำชุยซื่อหยวนมาด้านหน้าประตูห้อง ชุยซื่อหยวนชี้ “ห้องนี้เหรอ?”
อีกฝ่ายพยักหน้า “ใช่ครับ ห้องนี้แหละ”
ชุยซื่อหยวนยื่นมือออกไปเพื่อที่จะเคาะประตู จู่ๆเขาก็หันมาหาชายวัยกลางคน “เรื่องวันนี้ห้ามเอาไปบอกคนนอกเด็ดขาด”
อีกฝ่ายรู้สึกได้ว่าเหมือนมีน้ำมันถูกเทลงในใจของเขาจนเกิดประกายไฟขึ้น เขาพอจะเดาได้ว่าจนถึงตอนนี้ชุยซื่อหยวนก็ยังไม่มีทายาท และเขาเองก็สงสัยว่าเด็กหนุ่มคนนั้นอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับชุยซื่อหยวน และจากท่าทางของเขาในเวลานี้บางทีมันอาจจะมีความเกี่ยวข้องกันจริงๆก็เป็นได้
ชุยซื่อหยวนพูดจบก็หันกลับมาเคาะประตู ทว่าด้านในกลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเคาะประตูอีกครั้งแต่ก็ยังคงเงียบเช่นเคย
ชุยซื่อหยวนหมุนลูกบิดก่อนที่จะมองเข้าไปด้านในก็พบว่าในห้องไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว เขาจึงหันกลับไปหาชายวัยกลางคนข้างๆ
“น่าจะกลับไปแล้วมั้งครับ น้ำในแก้วยังมีควันออกมาอยู่เลย” ชายวัยกลางคนพูด
ชุยซื่อหยวนมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มาถึงห้องโถงก็พบว่าไม่มีแม้แต่เหงาของหยางโป จึงทำให้เขาต้องเดินกลับมาด้วยความผิดหวัง
หลังจากเดินกลับมาถึงโต๊ะอาหารแล้ว ชุยซื่อหยวนก็ไม่มีกระจิตกระใจจะกินต่อ หลังจากเรียกเช็คบิลเขาก็เดินออกจากห้องไปในทันที
ระหว่างที่นั่งรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน ชุยซื่อหยวนก็นึกถึงเรื่องที่หลานชายของเขาเคยพูดกับเขาว่าเขาเจอคนที่หน้าคล้ายกับตนเอง หลังจากที่เขาให้ชุยอี้ผิงไปสอบถามดูและได้คำตอบกลับมาก็ยังทำให้เขาไม่พอใจอยู่ดี
วันนี้เขาได้ยินเรื่องนี้จากปากของเลขานุการจี้อย่างกระทันหันและเขาเองก็พอจะเดาได้และมั่นใจมากว่า เขารู้สึกได้ว่าคนๆนั้นจะต้องเป็นลูกชายของเขา! ลูกชายแท้ๆของเขา!
หลังจากเข้ามาในบ้านแล้ว ท่ามกลางความเหนื่อยล้าที่ผ่านมาตลอดทั้งวันอีกทั้งยังดื่มเหล้าเข้าไปด้วย ยิ่งทำให้เขาไม่สามารถเด้งตัวขึ้นจากโซฟาได้เลย
หลีหมิ่นได้ยินเสียงเปิดประตูจึงเดินออกมาจากห้องนอนก่อนที่จะพบท่าทางของชุยซื่อหยวนที่นั่งหมดแรงอยู่บนโซฟา เธอก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาว่า “ทำไมดื่มเยอะขนาดนี้เนี่ย?”
ชุยซื่อหยวนส่งเสียงอื้อในลำคอแต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ
หลีหมิ่นนั่งลงข้างๆก่อนที่จะหยิบรีโมตขึ้นมาเปิดโทรทัศน์
ชุยซื่อหยวนหันมามองแต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังขึ้นมา เขากับเธอแต่งงานเป็นสามีภรรยากันมายี่สิบกว่าปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีลูก ช่วงไม่กี่ปีนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ค่อยๆห่างเหินมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อนึกถึงเด็กคนนั้นที่อาจจะเป็นลูกชายของตัวเอง เขาก็รู้สึกบีบหัวใจขึ้นมา ถ้าหากเขามีลูกชายได้สักคนมันคงจะดีมากแน่ๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องนั้นเขาก็หันไปมองหลีหมิ่นพร้อมกับพูด “เราไปรับเด็กมาเลี้ยงสักคนเถอะ”
หลีหมิ่นยังคงจ้องหน้าจอโทรทัศน์โดยไม่ได้หันมามองอีกฝ่าย “ไม่เห็นคุณจะเคยมีความคิดแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงเพิ่งจะอยากมามีลูกตอนแก่?”
“อย่างน้อยๆถ้าแก่ตัวลงก็จะได้ไม่เหงาไง” ชุยซื่อหยวนพูด
หลีหมิ่นชะงักไป อันที่จริงชุยซื่อหยวนเพิ่งจะเคยประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อนจนทำให้เขามีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพและทำให้เขาไม่สามารถมีลูกได้ อันที่จริงเธอเองก็แอบร้องไห้มาตั้งหลายครั้งแล้วเหมือนกัน แต่มันจะทำยังไงได้ล่ะ ทั้งสถานะของพวกเธอ ความเกี่ยวข้องและความสัมพันธ์ของพวกเธอ ยังไงก็ไม่สามารถที่จะหย่าขาดจากกันได้อยู่ดี
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ส่ายหน้า “อย่าเลย พวกเราอายุมากขนาดนี้แล้ว อันที่จริงคุณก็ดีกับอี้ผิงมาก ถึงเวลานั้นค่อยให้เขาช่วยดูแลพวกเราก็ได้นิ”
ชุยซื่อหยวนชะงักไปก่อนที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “แต่เขาก็ยังไม่ใช่ลูกแท้ๆอยู่ดี”
หลีหมิ่นเองก็เริ่มจะสงสัยและประหลาดใจกับท่าทีของชุยซื่อหยวนเช่นเดียวกันแต่เธอไม่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ชุยซื่อหยวนนั่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นมา “คืนนี้ผมจะไปอยู่ในห้องหนังสือนะ”
หลีหมิ่นชะงักไปแต่ก็ยังคงจ้องมองไปที่หน้าจอโทรทัศน์โดยไม่ตอบอะไรกลับมา
หลังจากที่ชุยซื่อหยวนเดินเข้าไปในห้องหนังสือแล้วเขาก็ดึงผ้าม่านเพื่อปิดพร้อมกับปิดไฟในห้องแล้วนั่งลงเงียบๆบนเก้าอี้ เขาสูบบุหรี่ในมือระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแต่เป็นเพราะเขาไม่ทันได้ระวังจึงถูกก้นบุหรี่ลวกนิ้วจนเขาสะดุ้งและเรียกสติกลับมาอีกครั้ง
เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาก่อนที่จะกดโทรออกไปยังสายหนึ่ง
“อี้ผิง…นายช่วยบอกเรื่องที่เธอไปตรวจสอบให้ฉันฟังอีกสักครั้งสิ”
….
หลังจากชุยอี้ผิงพูดจบ ชุยซื่อหยวนก็ถามขึ้นมาว่า “ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เธอถามมาได้งั้นเหรอ? เธอไม่ได้ไปตรวจสอบหรือหาข้อมูลจากสถานีตำรวจงั้นสิ? แล้วก็ไม่ได้ดูประวัติการเลี้ยงดูด้วย?”
“เอ่อ…ครับ”
ชุยซื่อหยวนเอนตัวลงบนเก้าอี้ก่อนที่จะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา “โอเคฉันเข้าใจแล้ว ขอบใจมาก”
พูดจบเขาก็ตัดสายไปก่อนที่จะกดโทรหาใครอีกคน
“ฮัลโหล เหล่าอู๋ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? “
“เหล่าชุย ดึกมากแล้วนะ นายโทรมาหาฉันทำไมเนี่ย?” อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงหัวเราะ
ชุยซื่อหยวนยิ้ม “ทำไม เดี๋ยวนี้โทรหานายกลางคืนไม่ได้แล้วเหรอ? นี่คงจะรบกวนเวลาแสนสุขในช่วงค่ำคืนของนายอยู่สินะ?”
“พูดบ้าอะไรของนายห๊ะ?” อีกฝ่ายด่า “ทำโอทีอยู่เนี่ย เหนื่อยจนอยากจะตายแล้ว! นายทำงานองค์กรระดับสูงแบบนั้นไม่มีทางเข้าใจความทุกข์ยากของชาวบ้านเขาหรอก ชิ!”
ชุยซื่อหยวนหัวเราะออกมาทว่าในใจก็นึกถึงอะไรบางอย่าง จู่ๆน้ำเสียงของเขาก็เกิดการสั่นเล็กน้อย “เหล่าอู๋ไหนๆนายก็ทำโอทีแล้ว นายช่วยเข้าระบบแล้วช่วยหาข้อมูลของคนๆนึงให้ฉันหน่อยได้ไหม”
เหล่าอู๋เงียบไปครู่หนึ่ง “เหล่าชุย…ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยนายนะ แต่นายเองก็รู้ว่าที่ทำงานของพวกเรามีกฎ……”
ยังไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ ชุยซื่อหยวนก็พูดขึ้นมาว่า “เหล่าอู๋…ลูกที่ฉันตามหาอายุครบ 20 ปีในปีนี้ เขาเป็นคนจินหลิง ทะเบียนบ้านอยู่ในอำเภอลี่สุ่ย นายคงจะเข้าใจนะว่าฉันหมายความว่าอะไร “
เหล่าอู๋ชะงักไป “นายหาเจอแล้วเหรอ?”
“ฉันยังไม่แน่ใจ แต่ฉันอยากจะหาว่าเขามีคนไปเลี้ยงดูแล้วรึยัง” ชุยซื่อหยวนพูด
เหล่าอู๋ชะงักไป เขาเองก็รู้เกี่ยวกับเรื่องของชุยซื่อหยวนเหมือนกันตอนที่เขาไปเป็นทหารพร้อมกันกับชุยซื่อหยวน เขาก็ได้ฟังเรื่องของเด็กคนนั้นด้วยเช่นเดียวกัน “เหล่าชุยถ้าเรื่องนี้ฉันจะจัดการให้ นายรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวฉันจะเอาข้อมูลให้ รอฉันเปิดคอมป๊บ”
“เหล่าอู๋ขอบใจนะ ขอบใจมากจริงๆ” ชุนซือหยวนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก เรื่องอื่นฉันอาจจะช่วยไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้ฉันต้องช่วยนายแน่! นายไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจัดการให้เอง!” เหล่าอู๋พูดพร้อมกับตบอกตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจ
พูดจบเหล่าอู๋ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “นี่เหล่าชุยฉันบอกนายเอาไว้ก่อนนะ ตอนนั้นเวลาทำเรื่องลงทะเบียนย้ายเข้ามันไม่ได้มีกฎเกณฑ์เหมือนกับตอนนี้ มันมีบางส่วนที่ไม่มีบัตรประชาชนแต่ก็สามารถที่จะทำเรื่องย้ายเข้าบ้านได้ แถมมันก็ไม่ใช่บัตรสำหรับการรับเลี้ยงเด็กด้วย นายเข้าใจนะ?”
“เหล่าอู๋นายไม่ต้องห่วง ฉันเข้าใจดี ถ้าเรื่องนี้เรียบร้อยดีแล้วและถ้าเป็นลูกชายของฉันจริงๆ นายมาที่ปักกิ่งได้เลยฉันเลี้ยงนายไม่อั้นแน่!” ชุยซื่อหยวนพูด
“ฮ่าๆๆ เออๆโอเค ฉันรอมายี่สิบกว่าปีแล้วเนี่ย” เหล่าอู๋พูดพร้อมกับยิ้ม
ในเวลาอันรวดเร็วเหล่าอู๋ก็ค้นหาข้อมูลจากที่อีกฝ่ายแจ้งไว้
ชุยซื่อหยวนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆราวกับกำลังตื่นเต้น “เหล่าอู๋เป็นไงบ้าง?”
เหล่าอู๋เสียงเคร่งขรึมลง “ไม่ใช่รับเลี้ยง”
“หา?” อีกฝ่ายตรงตะลึงกับคำตอบของเพื่อนตนเอง ครั้งนี้เขาเต็มไปด้วยความหวังและเขาก็คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้
“แล้ววันเกิดล่ะ?” ชุยซื่อหยวนรีบถาม