เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 240
ตอนที่ 240 หนังสือราชวงศ์ถัง
“ยังเหลือหนังสืออีกแปดเล่มพวกนายแบ่งกันคนละเล่มก็แล้วกันนะแล้วก็เครื่องทองหรือพวกถังซานฉายก็เลือกกันไปคนละชิ้น” ภายใต้สถานการณ์ที่เสียเปรียบแบบนี้ฉินโถวจึงต้องเอ่ยปากแบ่งของเหล่านี้ด้วยตัวของเขาเอง
“โอเค” หลูตงซิ่งตอบรับกลับไปในทันที
หยางโปและลัวย่าวหัวพยักหน้า ดูเหมือนปัญหาในการแบ่งของจะสามารถจัดการได้ลงตัวสักที
หลังจากนี้สิ่งที่ยากมากของพวกเขาที่ต้องเผชิญก็คือจะขนมันออกไปยังไง โดยเฉพาะเครื่องทองและเครื่องเงินจำนวนมากตรงหน้านี้ ถังซานฉ่ายเองก็มีขนาดใหญ่มากซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะสามารถนำมันออกไปได้
หยางโปก้มหน้าดูเวลาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสองแล้ว ถ้าหากจะให้เอาออกไปภายในคืนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นภารกิจที่ไม่มีทางสำเร็จได้
“ใกล้ๆนี้มีถ้ำภูเขาพวกเราย้ายของพวกนี้ไปที่นั่นก่อน คืนพรุ่งนี้ค่อยย้ายมันออกไป” ฉินโถวพูด
ทุกคนพยักหน้าตอบรับ
งานขนย้ายของเหล่านี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นงานกรรมกรที่ต้องใช้แรงอย่างมาก ทุกคนยกของทุกอย่างโดยไม่มีการปริปากพูดอะไร พวกเขารับถุงหนังงูมาจากฉินโถวคนละใบก่อนที่จะใส่เครื่องทองและเงินลงไปในนั้นและแบกมันออกไปด้านนอกทันที
เครื่องเงินและเครื่องทองมีน้ำหนักเยอะมากตอนที่แบกมันขึ้นหลังและปีนขึ้นเขาเป็นอะไรที่ยากลำบากมากจริงๆ แถมมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะออกจากหลุมมาได้ การใช้พลังงานที่มากขนาดนี้ทำให้หยางโปเหนื่อยจนหอบไปโดยปริยาย
หลังจากนั้นหยางโปก็แบกของเพื่อเดินไปยังหลุมที่อยู่ตรงภูเขาที่ห่างออกไปไม่ไกลตรงปากทางเข้ามีหญ้าแห้งถูกปิดอยู่ ทันทีที่หยางโปเห็นก็รู้ทันทีว่าถ้ำแห่งนี้เพิ่งจะขุดใหม่ได้ไม่นาน ฉินโถวคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่รอบคอบมากจริงๆ
หลังจากใช้แรงเดินไปเดินกลับถึงสี่ห้ารอบในที่สุดของเหล่านั้นก็ถูกย้ายออกมาด้านนอกได้จนหมด
แม้จะเช้าแล้วแต่ทุกคนก็ยังไม่ลงจากเขาพวกเขาใช้เวลานั้นนอนอยู่ในถ้ำที่มีสมบัติวางอยู่ พวกเขากินอาหารแห้งและดื่มน้ำแร่ที่มีอยู่ไปพลาง ในใจก็ภาวนาขอให้ไม่มีใครมาเจอหลุมสุสานและไม่เจอถ้ำที่นี่
โชคดีที่ตอนนี้ไม่ใช่วันหยุดจึงทำให้ไม่มีเด็กวิ่งซนอยู่บนเขาแห่งนี้ และไม่มีคนตัดฟืนมาที่นี่
หลังจากที่ท้องฟ้าเริ่มมืด ทุกคนก็กลับมาเป็นกรรมกรอีกครั้ง
“อาจารย์ฉิน ย้ายของแบบนี้ผมว่าช้าเกินไปปีนไปกลับสี่ห้าครั้งขนาดนี้ไม่มีทางไหวแน่ๆ” หลูตงซิ่งพูดขึ้น
ฉินโถวพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวลงไปด้านล่างก็สบายแล้ว”
หลูตงซิ่งได้ยินแบบนั้นก็เริ่มสงสัยเขามองไปที่อีกฝ่ายโดยไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่
หลังจากนั้นไม่นานหยางโปและคนอื่นๆก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ทุกคนจึงรีบหันไปมองก่อนที่จะพบว่ามีรถออฟโรดสองคันกำลังขับขึ้นมาบนเขา
หยางโปเบิกตากว้างมองรถที่กำลังขับขึ้นมา ถึงแม้ว่าเขานี้จะไม่ได้ชันมากแต่รถพวกนี้ขับขึ้นมาได้ยังไงกัน?
“เชี่ย! นี่มันรถออฟโรดที่ติดตีนตะขาบนิ!” ลัวย่าวหัวอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
หยางโปได้ยินแบบนั้นก็มองไปที่ล้อรถซึ่งถูกติดตั้งด้วยตีนตะขาบแทบล้อธรรมดาด้วยสายตาตกตะลึง การเปลี่ยนล้อแบบนี้ทำให้เหมาะและง่ายกับการปีนเขามากขึ้นแต่ฉินโถวไม่กลัวว่าจะถูกจับได้เลยรึไงกัน?
“ฉันอยู่ที่นี่มาห้าปีแล้ว ปีนี้มาล่วงหน้าสองเดือนแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย! ฉันตัดต้นไม้เพื่อที่จะทำถนนเส้นนึงเพื่อที่จะทำให้รถสามารถขับขึ้นมาได้” ฉินโถวพูด
หยางโปได้ยินแบบนั้นก็นึกถึงตอนที่ฉินโถวโทรศัพท์เมื่อเช้าขึ้นมาทันทีและเขาก็คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะโทรเรียกให้รถขึ้นมาที่นี่
“พวกเรารีบยกขึ้นไปเร็วเข้า คืนนี้พวกเราต้องย้ายทุกอย่างออกจากที่นี่ให้หมด” ฉินโถวพูด
ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็รีบจัดการทุกอย่างทันที หลังจากใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงในที่สุดของทุกอย่างก็ถูกจัดขึ้นไปอยู่บนรถ แต่เป็นเพราะของเยอะมากไม่เพียงแต่เบาะหลังที่ถูกวางของจนเต็มเท่านั้น แม้แต่ที่นั่งข้างคนขับก็มีกล่องวางอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
ฉินโถวเป็นคนที่พูดจริงทำจริง เขาหยิบหนังสือออกมาสี่เล่มก่อนที่จะให้ทั้งสี่คนเลือกเครื่องทองตามใจชอบคนละชิ้น หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็ออกจากที่นั่นไปในทันที
ทั้งสี่คนต่างพากันยิ้มแย้มด้วยความดีใจ โดยที่พวกเขาได้รับหนังสือคนละเล่ม หยางโปได้หนังสือ
《กวีนิพนธ์》 หลูตงซิ่งได้หนังสือ《เมิ่งจื่อ》 เจ้าอ้วนหลิวได้หนังสือ《จวงจื่อ》
ระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดว่าหีบหนังสือนี้คงจะเป็นการรวบรวมหนังสือของป๋ายเจียจื่ออยู่นั้น จู่ๆชื่อหนังสือในมือของลัวย่าวหัวก็ทำให้การคาดเดาของพวกเขาล้มเหลวไปในทันที เพราะหนังสือในมือของลัวย่าวหัวคือ
《สาวงาม》
ลัวย่าวหัวจ้องหนังสือในมือของเขา “หรือว่าหลีผู่จะไม่ทำอะไรเลยจริงๆ? วันๆอยู่บ้านคงนั่งอ่านแต่หนังสือ《กฎของหญิงสาว》อย่างนั้นสิ?”
“ถ้านายไม่อยากได้เรามาแลกกันไหม?” เจ้าอ้วนหลิวหรี่ตาพร้อมกับเอ่ยปากถาม
ลัวย่าวหัวหันไปมองคนอื่นๆก่อนที่จะปฏิเสธ “ไม่แลก!”
พูดจบลัวย่าวหัวก็หันมามองหยางโป “หรือว่าหนังสือเล่มนี้จะดีมาก? ไหนฉันขอดูหน่อยสิ หวังว่าคงจะไม่ใช่หนังสือโป๊นะ”
พูดจบเขาก็พลิกหนังสือดูจริงๆ
“หนังสือของนายหายไปหมดแล้ว” หยางโปพูด
ลัวย่าวหัวรู้สึกแปลกใจ “ไม่น่าใช่นะ หนังสือนี้เขียนไว้สำหรับผู้หญิง ดูจากชื่อคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องคุณธรรมของผู้หญิงโบราณอะไรพวกนั้นแหละ”
“นี่เป็นหนังสือที่มีการดัดแปลงจากจักรพรรดินีจ่างซุนเป็นหนังสือส่งเสริมเกี่ยวกับจริยธรรมเกี่ยวกับระบบศักดินา หลังจากที่จ่างซุนสิ้นแล้ว จักรพรรดิไท่จงแห่งราชวงศ์ถางก็สั่งให้มีการตีพิมพ์ 《กฎของหญิงสาว》ขึ้น แต่หลังจากนั้นหนังสือนี้ก็ไม่ได้มีการส่งต่อมาถึงรุ่นอื่นๆ ฉันคิดว่าหนังสือเล่มนี้ที่อยู่ในมือนายน่าจะเป็นของหายากเลยล่ะ”
หยางโปอธิบาย
ลัวย่าวหัวได้ยินเช่นนั้นก็เกิดอาการดีใจและตื่นเต้นขึ้นมาเพราะในที่สุดเขาก็ได้ของดีแถมยังเป็นของหายากอย่างมากด้วย
ฉินโถวเดินไปด้านหน้าในขณะที่ทุกคนเดินตามหลัง ลัวย่าวหัวยังคงแสดงอาการตื่นเต้นออกมาอย่างไม่หยุด “ถ้าจำไม่ผิดประเทศเราเคยมีการขุดหนังสือแกะสลัก《วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร》ขึ้นมา ถ้าเทียบกับหนังสือของฉันอันไหนมีอายุยาวนานกว่ากัน?”
“หนังสือที่อยู่ในมือของพวกเรามีอายุยาวนาวกว่า《วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร》เพราะหนังสือเล่มนั้นเป็นหนังสือที่เกิดขึ้นในปี 868 แต่ถางเหวินจงอยู่ในช่วงปี 809-840 ถ้าดูจากปีอายุนี้ตอนที่หลีผู่สิ้นพระชนม์ก็น่าจะอยู่ในช่วงถางเหวินจงพอดี” หยางโปพูด
การที่ได้รับของที่มีมูลค่าแบบนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากในขณะที่เครื่องทองชิ้นสุดท้ายนั้นหยางโปเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก
หลังจากลงจากรถแล้วก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า แม้ว่าจะรู้สึกเหนื่อยมากแล้วแต่ทุกคนก็ยังรีบเก็บกวาดก่อนที่จะขึ้นรถอีกครั้ง
ฉินโถวที่เดินตามหลังเก็บเครื่องใช้พวกแปรงฟันยาสีฟันรวมถึงขยะทุกชิ้นกลับมาด้วย
หยางโปเห็นแบบนั้นก็สังเกตเห็นได้ว่าฉินโถวและคนอื่นๆต่างพากันสวมใส่ถุงมือเพื่อป้องกันรอยนิ้วมือกันทุกคนโดยไม่ปล่อยให้เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย
ทุกคนรีบเดินทางไปยังฉางอานทันที ทันทีที่ออกมาจากถนนซึ่งเป็นทางด่วนท้องฟ้าก็สว่างพอดี
รถที่อยู่ด้านหน้าค่อยๆจอดอย่างช้าๆ ในขณะที่หยางโปและคนอื่นๆต่างพากันลงจากรถ
ฉินโถวและทั้งสี่คนจับมือกันเพื่อเป็นการขอบคุณและร่ำลา “ถึงเวลาบอกลาแล้ว ขอบคุณทุกคนมากนะ”
หลูตงซิ่งยิ้ม “ที่จริงผมกะว่าจะซื้อของสักสองสามชิ้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่สะดวกซะแล้ว เดินทางปลอดภัยนะครับ”
“ขอบใจมาก!” ฉินโถวพูด
“หลังจากนี้ชื่อเสียงของอาจารย์ฉินคงจะถูกพูดถึงแน่ๆเลยครับ” หยางโปพูด
อาจารย์ฉินพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม “ตอนนี้ฉันก็ยังคิดอยู่ว่าผ้าไหมที่นายเอาไปผืนนั้นคืออะไรกันแน่?”
“ผ้าไหมเฉิงสุ่ยโป๋ครับ”
ฉินโถวเบิกตากว้างเพราะเขาเองก็เคยได้ยินชื่อของชิ้นนี้เขาหันมามองหยางโป “นายแน่ใจเหรอ?”
“กลับไปทดสอบก็น่าจะรู้แล้วครับว่าใช่รึเปล่า”
ฉินโถวพยักหน้า “ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆฉันต้องขอบคุณคุณหยางมากๆนะ ความสามารถของนายหลังจากนี้ก็คงจะเป็นชื่อเสียงและที่พูดถึงแน่ๆ! ถึงฉันจะทำเรื่องนี้ฉันก็ยังอยากจะบอกนายว่าพยายามถนอมปีกของนายไว้และทำเรื่องพวกนี้ให้น้อยที่สุดนะ”
หยางโปพยักหน้าพร้อมกับพูดด้วยความจริงใจ “ขอบคุณครับ!”