เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 243
ตอนที่ 243 การแลกเปลี่ยนของสะสมของพวกมือสมัครเล่น
ชุยซื่อหยวนเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับกดรับสาย “อี้ผิงมีธุระอะไรเหรอ?”
“คุณลุง ตอนนี้ผมติดต่อหยางโปได้แล้วนะครับ” ชุยอี้ผิงพูด
ชุยซื่อหยวนเกิดอาการดีใจขึ้นมา “จริงเหรอ? แล้วเขาจะมาปักกิ่งเมื่อไหร่ล่ะ?”
“ตอนนี้เขาอยู่ฉางอานครับ อาจจะอีกสองวันถึงจะมาที่นี่ ผมแค่จะโทรมาบอกคุณลุงเอาไว้ก่อนน่ะครับ” ชุยอี้ผิงพูด
ชุยซื่อหยวนขมวดคิ้ว “เขามาตอนนี้ไม่ได้เหรอ?”
“คุณลุงครับเรื่องนี้ผมยังไม่ได้บอกเขาให้เขาเข้าใจทุกอย่างเพราะผมไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไง เอ่อ…” ชุยอี้ผิงรู้สึกลำบากใจที่จะพูด
“ได้ ฉันเข้าใจ” ชุยซื่อหยวนพูด ช่วงนี้เขาสืบหาประวัติของหยางโปมาบ้างแล้วเหมือนกันและเขาเองก็เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ของหยางโป แต่เขาเองก็ยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างหยางโปและครอบครัวที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็ก และเขาเองก็เข้าใจว่าตอนนี้ชีวิตของหยางโปและพ่อแม่ของพวกเขาคงจะยังดีมากจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปวุ่นวายให้ครอบครัวของเขาเกิดความยุ่งเหยิง
“ช่วงนี้ต้องรบกวนนายหน่อยนะ” ชุยซื่อหยวนพูด
ชุยอี้ผิงยิ้ม “ครับคุณลุง รอให้เขามาถึงที่นี่ผมจะโทรมาหาคุณลุงอีกรอบนะครับ ถึงเวลานั้นพวกเราจะพาเขาไปหาอะไรกินแล้วให้เขาได้มีเวลาเตรียมใจด้วย”
“ได้!” ชุยซือหยวนพูด
หลังจากวางสายไปแล้วเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางตื่นเต้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังไปได้สวยแต่เขากลับรู้สึกลังเลขึ้นมา เพราะตอนนี้ทุกอย่างกำลังอยู่ในสภาพที่สงบมากแต่เขาไม่รู้เลยว่าถ้าหากคนที่นั่งอยู่ด้านนอกรู้เรื่องนี้จะเป็นยังไงและเขาควรจะทำยังไงต่อไปดี?
และที่สำคัญที่สุดคือพ่อของเขาจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้รึเปล่า?
หยางโปยังคงกดเลื่อนดูบันทึกโทรเข้าอยู่และเขาก็พบว่าเสี่ยวซวนเองก็โทรมาหาด้วยเช่นเดียวกัน
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งหยางโปก็เลือกที่จะไม่กดโทรกลับไป
วันรุ่งขึ้นเป็นเพราะไม่ได้มีเรื่องรีบร้อนอะไรมาก หยางโปและอีกสองคนที่เหลือจึงไม่ได้ตื่นเช้าเท่าไหร่นัก หลังจากถึงเวลาทานอาหารทุกคนก็ลงมารวมตัวกันซึ่งเป็นเวลาเที่ยงพอดี
หลังจากทานอาหารแล้วทั้งสามคนก็หาร้านน้ำชาแถวข้างๆโรงแรมเพื่อนั่งพูดคุยกัน ลัวย่าวหัวเองก็เตรียมตัวมาอย่างดีเพราะเขานำไพ่มาด้วย
หลังจากที่ทุกคนวางกฎในการเล่นแล้ว เกมก็เริ่มต้นขึ้น
หยางโปเล่นไพ่พวกนี้น้อยมากจึงทำให้เขาไม่สามารถสู้สองคนที่เหลือได้ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะมองไม่เห็นไพ่คนอื่นๆ บางครั้งเขาเองก็แอบมองไปที่ไพ่ของอีกฝ่ายซึ่งเป็นไพ่ใบสุดท้าย สุดท้ายเขาก็สามารถพลิกเกมจนกลายเป็นผู้ชนะได้
หลังจากเล่นไปสามสี่รอบ หยางโปก็มาเป็นคนสับไพ่เอง เพราะไพ่ในมือของเขาแย่มากและมันอาจจะทำให้เขาแพ้ได้
ในเวลาอันรวดเร็วลัวย่าวหัวก็โยนไพ่ลงบนโต๊ะ “หยางโป อะไรเนี่ย ทำไมไพ่ของนายถึงมีแต่ดีๆทั้งนั้นเลยล่ะ?”
หยางโปยิ้ม “นี่นายจะโทษฉันเหรอ?”
ลัวย่าวหัวชะงักไปก่อนที่จะตอบ “แต่จะโทษพวกฉันก็ไม่ได้รึเปล่า?”
เจ้าอ้วนหลิวหัวเราะหึหึ “เอาหน่าใจเย็นๆ กิจกรรมของพวกเรากว่าจะถึงก็ตอนค่ำนู้น”
หยางโป “เจ้าอ้วนหลิวเส้นสายของนายนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ ยังไม่ไปถึงที่นั่นก็สามารถติดต่อคนแถวนั้นได้แล้ว หลังจากนี้ถ้าพวกเราอยู่กับนายคงจะไปไหนมาไหนสบายเลย”
เจ้าอ้วนหลิว “เถ้าแก่หยาง ฉันเป็นคนกลางนะยังไงก็ต้องมีคอนเนคชั่นพวกนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นแบบเถ้าแก่ที่มีความสามารถขนาดนี้ จะเดินไปที่ไหนก็มีแต่คนต้อนรับทั้งนั้นแหละ”
หยางโปยิ้ม “ไม่ขนาดนั้นหรอก การที่นายช่วยให้เกิดธุรกิจแบบนี้ก็ทำให้ฉันทำกำไรได้ด้วยไง”
หลังจากนั้นทุกคนก็เปลี่ยนจากการเล่นไพ่มาเป็นจิบชาและนั่งพูดคุยแทน
ทันทีที่ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว โทรศัพท์ของเจ้าอ้วนหลิวก็ดังขึ้น
“โอเค ไปกันเถอะ” เจ้าอ้วนหลิวพูด
หยางโปหันไปมองด้านนอก “รอบนี้พวกเราจะไปไหนกัน?”
เจ้าอ้วนหลิวหัวเราะ “ไม่ต้องห่วงไปกับฉันรับรองสนุกแน่นอน ไม่ทำให้นายเสียเปรียบแน่”
หยางโปรู้สึกสงสัยขึ้นมาเพราะเขามั่นใจว่าถ้าหากเขาไม่ถามให้ชัดเจนก่อนเขาต้องเจอเรื่องไม่คาดคิดและเสียเปรียบแน่ ซึ่งเหมือนกับเมื่อหลายวันก่อนที่เขาเข้าใจว่ามันเป็นเพียงแค่สุสานเล็กๆแต่มันกลับกลายเป็นสุสานของเจ้าชายแทน
“อยู่ที่ถนนจูเชว้หมายเลขสามสิบน่ะ ที่นั่นมีกลุ่มคนรวมตัวกันตอนกลางคืนของทุกๆวันก็จะมีตลาด แต่มีถึงแค่ตอนสี่ทุ่ม” เจ้าอ้วนหลิวพูด
หยางโปยังสงสัย “เวลาที่เปิดปิดนี่ไม่มีใครพูดถึงเลยเหรอ? ถึงมันจะไม่ได้เหมือนกับตลาดผีแต่มันก็ไม่ใช่ตลาดธรรมดาๆนิ”
“เพราะว่าที่นี่มันเป็นกลุ่มของพวกนักสะสมมือสมัครเล่นน่ะ คนพวกนี้จะใช้ประโยชน์จากทุกวันพุธเพื่อทำการแลกเปลี่ยนค้าขายวัตถุโบราณ”
“มือสมัครเล่น?” หยางโปจับประเด็นหลักขึ้นมาย้อนถาม
เจ้าอ้วนหลิวยิ้ม “อย่าดูถูกคนพวกนั้นเชียวนะ ถึงจะพูดว่ามือสมัครเล่นแต่ของที่อยู่ในมือของพวกเขาก็มีไม่น้อยเลยนะที่เป็นของดีๆน่ะ ปกติแล้วคนพวกนี้จะไม่ทำการแลกเปลี่ยนกับคนนอก แต่ฉันให้เพื่อนของฉันช่วยน่ะ เพื่อนของฉันคนนี้ก็อยู่ในแวดวงพวกนี้เหมือนกัน เขาก็เลยสามารถพาพวกเราเข้าไปได้”
หยางโปยังแปลกใจ “มือสมัครเล่นแต่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้มันไม่ธรรมดาเลยนะ สงสัยพวกเราต้องไปดูหน่อยแล้ว”
ลัวย่าวหัวหยิบของบนโต๊ะก่อนที่จะหันไปพูด “ไปซิ! จะรออะไรอยู่อีกล่ะ”
พูดจบทั้งสามคนก็เดินไปที่ถนนจูเชว้ทันที ทั้งสามคนยืนรออยู่ด้านนอกหน้าประตูธนาคารอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามา
เจ้าอ้วนหลิวรีบเดินไปจับมือทักทายอีกฝ่าย “พี่กาว ขอบคุณมากนะครับที่เป็นธุระให้”
ชายที่เข้ามาสวมใส่เสื้อสูทแบบสบายๆพร้อมกับรองเท้าหนังสีน้ำตาล ท่าทางของเขาดูเหมือนกับพวกคนที่นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ หลังจากที่จับมือทักทายกับเจ้าอ้วนหลิวแล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไร ครั้งที่แล้วฉันเองก็ให้น้องหลิวช่วยเหมือนกัน ถ้าไม่ช่วยครั้งนี้ฉันคงจะเสียเปรียบเยอะเลย ฮ่าๆ”
เจ้าอ้วนหลิวยิ้ม “ถ้างั้นพวกผมก็ไม่เกรงใจแล้วนะครับ เอ่อ…ผมขอแนะนำหน่อยนะครับ คนนี้คือหยางโปครับถึงแม้ว่าจะดูอายุน้อยแต่เขาก็ประสบความสำเร็จในการประเมินวัตถุโบราณแล้วนะครับ ส่วนคนนี้คือลัวย่าวหัวคนนี้กำลังจะเปิดงานประมูลอยู่ อีกไม่นานก็จะเริ่มเปิดที่จินหลิงแล้วครับ ถึงเวลานั้นพี่กาวคงจะสะดวกมากขึ้นด้วย ฮ่าๆ”
คุณกาวยิ้มก่อนที่จะจับมือทักทายทั้งสองคน “ยินดีที่ได้เจอนะครับ”
หลังจากทุกสองฝ่ายกล่าวทักทายแล้ว คุณกาวก็เดินนำพวกเขาไปตามถนนก่อนที่จะเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ในเวลาอันรวดเร็วพวกเขาก็มาถึงหน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง
หลังจากที่คุณกาวเคาะประตูอยู่ครู่หนึ่งก็มีเด็กหนุ่มชะโงกหน้ามาดู “อ้าวคุณกาวมาแล้วเหรอครับ”
พูดจบเขาก็รีบเปิดประตู ในเวลานั้นคุณกาวก็ชี้มาที่หยางโปและคนอื่นๆ “ฉันพาเพื่อนมาสามคนเป็นคนที่ทำงานแวดวงนี้เหมือนกัน ฉันบอกกับคุณอู๋แล้วด้วย”
“ครับ ผมทราบแล้วเหมือนกันครับ” ชายหนุ่มยิ้มก่อนที่จะเปิดประตูเพื่อต้อนรับพวกเขาให้เข้าไปด้านใน
หลังจากที่พวกเขาเดินเข้าไปแล้วพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความคึกคักและคึกครื้นภายในนี้ ลานบ้านของที่นี่มีโต๊ะทรงกลมทั้งหมดสี่โต๊ะซึ่งมีคนอยู่ราวๆยี่สิบกว่าคน และแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆสามถึงห้าคน ตอนที่หยางโปและคนอื่นๆเดินเข้ามาทุกคนต่างก็หันมามองคนแปลกหน้าด้วยท่าทางชะงักไป และเสียงที่ดังก่อนหน้านี้ก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นความเงียบ
คุณกาวหันไปมองทุกคน “วันนี้ฉันพาเพื่อนมาที่นี่น่ะ ทุกคนไม่ต้องห่วงนะทั้งสามคนนี้เป็นคนที่อยู่ในแวดวงเดียวกัน”
“พวกเราเชื่อคุณกาวอยู่แล้ว” มีคนนึงพูดขึ้นมา
คุณกาวยิ้มพร้อมกับตอบกลับไป “ขอบใจมากนะ”
ทันใดนั้นบรรยากาศภายในนี้ก็เริ่มผ่อนคลายลงและทุกคนก็กลับมาพูดคุยและยิ้มแย้มกันอีกครั้ง