เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 247
ตอนที่ 247 รีบกลับไป
เพื่อนของคุณอู๋ที่เดินเข้ามาดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่มีอายุมากที่สุดและดูเหมือนจะมีอายุหกสิบเจ็ดสิบปีแล้วด้วย
คุณหมาวเดินเข้ามาพร้อมกับแว่นหนาๆของเขาเวลาจ้องมองผู้คนก็ต้องหรี่ตาเพื่อมองให้ชัดเจน ตอนที่เขาจ้องปิ่นปักผมเขาก็หยิบแว่นขยายออกมาดูเพื่อให้ขยายให้ใหญ่ขึ้น หลังจากจ้องดูอยู่นานเขาก็เงยหน้าขึ้นมา
“ของชิ้นนี้น่าจะเป็นปิ่นปักผมทองในยุคราชวงศ์ถัง” คุณหมาวพูด
หยางโปชะงักไป โดยปกติแล้วคำว่า “น่าจะเป็น” จะไม่ใช้ในการสรุปการประเมินวัตถุโบราณเพราะถ้าหากประเมินแบบนี้มีโอกาสที่จะไม่แม่นยำด้วยเช่นเดียวกัน
คุณอู๋ในเวลานี้รู้สึกได้เกิดปัญหาขึ้นแล้วเขาจึงหันไปมองคุณหมาวพร้อมกับถามอีกครั้ง “คุณหมาว?”
“ลักษณะของปิ่นปักผมสีทองนี้เป็นรูปแบบของราชวงศ์ถัง อืม…ใช่แล้ว…อยู่ในราชวงศ์ถัง” คุณหมาวตอบ
หยางโปหันไปมองคุณหมาวก่อนที่จะยิ้มออกมา ชายผู้นี้ถือว่าเป็นคนจริงใจมากคนนึงเลย ถ้าหากมีประสบการณ์เล็กน้อยเขาคงจะต้องตอบกลับมาด้วยความมั่นใจอยู่แล้ว จะมีใครพูดคำที่ไม่ชัดเจนแบบก่อนหน้านี้กัน?
คุณอู๋ที่ดูเหมือนว่าจะคุ้นชินกับความสามารถของคุณหมาวได้ยินแบบนั้นก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเงยหน้ามอง
หยางโป “เอาล่ะฝั่งผมตัดสินใจได้แล้ว แล้วของคุณล่ะตกลงไหม?”
“ปิ่นปักผมทองนี้มีราคาหลักล้านแต่แจกันลายดอกไม้และนกแมนดารินต้าเต๋อถางของคุณมีราคาหลักหมื่น คุณอู๋ต้องจ่ายส่วนต่างให้ผมด้วยนะครับ”
คุณอู๋พยักหน้า “ได้ แน่นอนอยู่แล้ว”
หยางโปเห็นอีกฝ่ายตอบแบบนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ
คุณอู๋เริ่มทำการคิดคำนวณขึ้นมา “ของชิ้นนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นของในยุคราชวงศ์ถัง แต่คุณสมบัติของรูปร่างก็ไม่ได้มีอะไรมากนักแถมยังไม่ได้ประณีตขนาดนั้น ดังนั้นฉันจะออกเงินเพิ่มให้อีกหกแสน แจกันต้าเต๋อถางของฉันมีความประณีตในเรื่องของลายเส้น สีเคลือบก็มีความมันวาวสดใหม่ แถมยังมีการเก็บรักษาอย่างดีราคาที่สามารถตั้งได้อยู่ที่หนึ่งแสนหยวน”
หยางโปแอบยิ้มขึ้นมาในใจแต่ปากก็ยังพูดต่อว่า “คุณอู๋พูดแบบนั้นดูเหมือนจะให้ค่าปิ่นปักผมของผมน้อยไปหน่อยนะครับ เครื่องทองในราชวงศ์ถังไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเก็บมาจนถึงตอนนี้ ความหายากของมันนี้ทำให้ราคาอยู่ที่แปดแสนครับ”
คุณอู๋ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า “ราคานี้สูงเกินไปแล้ว”
“ฉันว่าพวกคุณลองถอยออกมาคนละก้าวดีไหม” คุณกาวพูดแทรกขึ้น
หยางโปได้ยินแบบนั้นก็แอบชมอีกฝ่ายที่พูดประโยคนั้นขึ้นมาแต่สีหน้าของเขาก็ยังมีความลังเลแสดงให้เห็น
“นายว่ายังไงล่ะ?” คุณอู๋ถามหยางโป
“งั้นก็ตามนี้ก็แล้วกันครับ” หยางโปตอบ
ทั้งสองคนรีบทำการแลกเปลี่ยนของในมืออย่างรวดเร็วโดยที่คุณอู๋โอนเงินเพิ่มให้กับหยางโปอีกหกแสนหยวน!
ทันทีที่หยางโปได้ของมาเขาก็แอบเกิดอาการดีใจขึ้นมา แต่หลังจากที่หันไปด้านข้างแล้วก็พบว่ามีคนได้ไม้กฎษณาแกะสลักไปเขาก็เกิดอาการอยากจะซื้อมาเป็นของตัวเองอีกชิ้น
ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หยางโปวางของในมือลงก่อนที่จะกดรับ
“ฮัลโหล สวัสดีครับนี่ใช่คุณหยางโปรึเปล่า?”
หยางโปชะงักไป “สวัสดีครับผมหยางโป คุณคือ?”
“ผมโทรมาจากสถานีตำรวจเมืองจินหลิงอำเภอเสวียนอู่ถนนเฟิงอู่ครับ” อีกฝ่ายตอบ
หยางโปได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปเพราะเขาจำได้ว่านั่นเป็นเขตแถวบ้านของเขาเองและเขาก็ไม่เคยโทรหาหรือมีตำรวจติดต่อหาเขามาก่อน
“เอ่อครับ มีธุระอะไรรึเปล่าครับ?” หยางโปถาม
“คุณหยางครับ เมื่อคืนที่ผ่านมาพวกเราจับขโมยมาได้สองคนที่หมู่บ้านของคุณ พวกเขาใช้เชือกปีนเข้าไปในที่พักอาศัยชั้นเดียวกันกับที่พักของคุณครับ แต่สองคนนี้บอกว่าพวกเขาเป็นพ่อและพี่ชายของคุณและตั้งใจจะเข้าไปขโมยของในบ้านคุณแต่เกิดความเข้าใจผิดปีนเข้าไปผิดห้องครับ”
หยางโปชะงักอีกครั้งเขาทั้งโกรธและรู้สึกขำไปในเวลาเดียวกัน เพราะเขาคิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะสุดยอดจนถึงขั้นปีนมาขโมยของของเขา
“พี่ของผมชื่อหยางหลาง” หยางโปพูด
“ใช่ครับ ถ้าหากคุณมีเวลารบกวนมาที่นี่เพื่อเคลียร์เรื่องด้วยนะครับ ดูเหมือนว่าด้านนอกจะมีอีกคนรออยู่คิดว่าน่าจะเป็นแม่ของคุณครับ”
หยางโปพยักหน้า “ตอนนี้ผมอยู่ฉางอานเดี๋ยวคืนนี้จะรีบกลับไป แต่คิดว่ากว่าจะถึงจินหลิงก็อาจจะเป็นพรุ่งนี้เช้าครับ”
“ได้ครับ” อีกฝ่ายตอบ “ตอนนี้พวกเขาถูกจับข้อหาพยายามลักทรัพย์ ถ้าหากคู่กรณีไม่เอาเรื่องก็ยังมีโอกาสที่จะผ่อนปรนกันได้”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” หยางโปตอบ
หลังจากวางสายหยางโปก็หันไปหาลัวย่าวหัว “เดี๋ยวคืนนี้ฉันต้องกลับจินหลิงแล้ว พ่อกับพี่ของฉันถูกจับ”
ลัวย่าวหัวตกตะลึง “ถูกจับได้ยังไง?”
“ขโมย” หยางโปกระซิบ “พวกเขาจะเข้าไปขโมยของที่ห้องฉันน่ะแต่ดันเข้าผิดห้องไปขโมยของของห้องด้านบนแทน”
ลัวย่าวหัวหัวเราะหึหึ “งั้นก็ควรจะกลับไปแหละ ฉันเองก็จะกลับด้วยเหมือนกัน น่าสงสารลุงอ้วนไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนแล้วสิเนี่ย”
เจ้าอ้วนหลิวได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องระหว่างหยางโปและครอบครัวของเขาแต่เขาก็ยังเข้าใจ “ไม่เป็นไร ถ้าพวกนายกลับเดี๋ยวฉันค่อยไปหาเพื่อนฉันก็ได้ “
หลังจากเสร็จเรื่องแล้วหยางโปและลัวย่าวหัวก็เรียกรถไปส่งที่สนามบินทันที ระหว่างทางหยางโปก็ทำการจองตั๋วเครื่องบินกลับจินหลิงผ่านโทรศัพท์มือถือในตอนนั้น
เพียงไม่นานในที่สุดหยางโปก็กลับมาถึงจินหลิงหลังจากลงจากเครื่องแล้วพวกเขาก็เรียกแท็กซี่ไปยังสถานีตำรวจทันที ตอนที่พวกเขาไปถึงเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานกันอยู่แต่ก็มีคนที่เดินเข้าออกไปมาเพื่อเปลี่ยนเวรด้วย
ตำรวจหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จได้ยินหยางโปพูดว่ามารายงานตัวเขาก็รีบเดินออกมา “คุณหยางสินะครับ เมื่อคืนผมเป็นคนโทรหาคุณเองครับ”
หยางโปยื่นมือออกไปจับมืออีกฝ่ายเพื่อทักทายและขอบคุณ “ขอบคุณมากเลยนะครับ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องวุ่นวาย”
อีกฝ่ายยิ้ม “พวกเขาปีนลงมาจากชั้นสิบแปด แล้วก็คิดว่าประตูชั้นที่ห้าจะเป็นชั้นสิบสาม สรุปว่าเขาดันเข้าไปผิดห้องซึ่งเป็นห้องที่อยู่ด้านบนห้องของคุณ เขาทำการขโมยของซึ่งเป็นขวดแจกันประดับบ้านของคู่กรณีใส่กระเป๋าแล้วก็มีจานใส่อาหารอีกหนึ่งใบครับ”
หยางโปได้ยินแบบนั้นก็เข้าใจทันทีว่าหยางหลางคงคิดว่าตัวเองได้ของดีกลับไปเลยหยิบแจกันที่เป็นเพียงแค่ของประดับบ้านแถมยังหยิบจานกินข้าวของคนอื่นใส่ไปในกระเป๋าอีก
“พวกเขาบอกว่าลืมหยิบกุญแจมาก็เลยใช้วิธีการปีนแทน”
หยางโปชะงักไปและในเวลานี้เองที่เขาไม่อยากจะพูดเรื่องแย่ๆหรือใส่ไฟให้กับทั้งสองคน “ครับ พวกเขาไม่ได้เอากุญแจไป”
ตำรวจยิ้ม “ตอนนี้พวกเรากำลังพักอยู่ เดี๋ยวกลับมาจะทำการลงบันทึกประจำวัน คุณไม่ต้องห่วงนะครับ”
หยางโปยิ้ม
“แต่คนที่อยู่ห้องชั้นบนห้องของคุณก็ดูแปลกๆนะครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ชายของคุณไปทำอะไรเอาไว้ อีกฝ่ายถึงได้ทำเหมือนอยากจะฆ่าสองพ่อลูกนี้ เขาพูดเรื่องที่เกิดขึ้นจนทำให้ดูร้ายแรงมาก หลังจากนี้ผมคิดว่าคุณคงจะต้องทำตามอีกฝ่ายว่าแล้วล่ะครับถ้าหากพวกเขาให้ความร่วมมือมันก็สามารถที่จะทำให้โทษเบาลงได้”
หยางโปพยักหน้า “ผมทำงานเกี่ยวกับธุรกิจวัตถุโบราณ พวกเขาคงจะเข้าไปหยิบวัตถุโบราณในบ้านของผมแต่ก็คงจะรู้เท่าไม่ถึงการเลยทำให้เข้าผิดชั้น”
อีกฝ่ายพยักหน้า “แบบนี้นี่เองสินะครับ”
ลัวย่าวหัวที่ยืนอยู่ข้างๆ จู่ๆก็ทำท่าจะเดินเข้าไปด้านใน ตำรวจคนนั้นเห็นเข้าก็รีบรั้งแขนอีกฝ่ายไว้ “คุณจะไปไหนครับ?”
ลัวย่าวหัวไม่ได้สนใจแต่หันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า “พี่ข่ง!”
ชายคนนั้นที่กำลังจะเดินขึ้นไปด้านบนได้ยินเสียงเรียกก็รีบหันมา ทันทีที่เห็นลัวย่าวหัวเขาก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจปนดีใจว่า “ลัวย่าวหัว! เป็นนายจริงๆด้วย!”