เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 256
ตอนที่ 256 สักการะไผ่
มีคนมาเปิดประตูโรงงาน กลุ่มของหยางโปถึงได้เดินเข้าไป แสงไฟภายในห้องสว่างจ้า แต่อุณหภูมิกลับต่ำมาก ทั้งภายในของโรงงานนั้นมีคนมายืนรออยู่ที่นี่ไม่น้อยแล้ว
เดินเข้าไป หยางโปก็ชะงัก เพราะว่าในนี้ถึงกับมีคนคุ้นเคยอยู่ที่นี่ด้วย
” เถ้าแก่หลู ! หลี่เอ้อ ! พวกคุณก็อยู่ที่นี่เหรอ ! ” ลัวย่าวหัวเอ่ยอย่างประหลาดใจ
สองคนนั้นก็คือหลูตงซิงกับหลี่เอ้อ หลูตงซิงก็ประหลาดใจ ” พวกเธอมาแล้วเหรอ ตอนแรกฉันยังคิดจะกลับไปแชร์กับพวกเธอเลย ! “
หยางโปยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง อย่างลายแทงสมบัติแบบนี้หลังจากที่ได้ไปแล้ว จะยังให้คนอื่นร่วมแชร์ด้วยเหรอ ? หลูตงซิงแค่พูดเป็นพิธีไปอย่างนั้น
ลัวย่าวหัวหัวเราะ ” ถ้างั้นก็ดีเลย พวกเราต่างก็จะให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ ! “
หยางโปหันหลังอย่างไม่ใส่ใจ แต่กลับชะงักนิ่งไป เพราะว่าเขามองเห็นฉินโถวกับหลงเสียวอู่ยืนอยู่ไม่ไกล ! พวกเขาถึงกับปรากฏตัวที่นี่ อย่าบอกนะว่าพวกเขาไม่ได้หลบหนี ?
หยางโปตกใจมาก ส่วนที่เหลือของสุสานหงซิ่วเฉวียนที่จินหลิงยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย โดยเฉพาะในการขายก้อนเงินแท่งทองจำนวนมากขนาดนั้น ตอนนี้ฉินโถวกับหลงเสียวอู่ถึงกับไม่ได้หลบหนี แต่กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างเป็นธรรมชาติมาก ไม่แน่ว่าจะทำให้เขากังวลใจขึ้นมา
หยางโปอดที่จะหันหน้าไปมองหลูตงซิงไม่ได้ ทั้งสำรวจไปทางของพวกฉินโถวทั้งสองคนด้วยสายตา หลูตงซิงส่ายหน้า
ในเวลานี้ลัวย่าวหัวก็สังเกตเห็นพวกของฉินโถว สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปแต่ก็ควบคุมได้อย่างรวดเร็ว
หยางโปหันไปยิ้มแล้วเอ่ยถามหลูตงซิงว่า ” ได้ยินว่าครั้งนี้มีลายแทงสมบัติ ไม่รู้ว่าเป็นลายแทงสมบัติที่ไหนนะ ? “
” ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดเผย ” หลูตงซิงเอ่ยตอบเสียงเบา
หยางโปพยักหน้า ลัวย่าวหัวก็ถอนหายใจ ถึงแม้หยางโปจะถามถึงลายแทงสมบัติ แต่กลับชี้ไปถึงสุสานไว้อาลัยขององค์รัชทายาทหลี่ผู่ หลูตงซิงตอบกลับมาว่ายังไม่เปิดเผย นั่นย่อมบอกถึงว่าเรื่องสุสานของหลี่ผู่ที่ถูกขโมยยังไม่ถูกเปิดเผย เมื่อเป็นแบบนี้ทุกคนก็จะปลอดภัยมาก บางทีรอถึงตอนที่ค้นพบรูที่ขุดเอาไว้ก็เป็นเรื่องห้าปีสิบปีให้หลังแล้ว ถึงเวลานั้นเบาะแสอะไรก็สืบไม่เจอแล้ว
รออยู่ครู่หนึ่ง บริเวณโดยรอบก็เซ็งแซ่ขึ้นมา หยางโปหันหน้าไปมองก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดหนังสีเข้มสามคนเดินเข้ามา พวกเขาใส่เสื้อคลุมหนังแพะ เสื้อลินินหยาบไหม้ ดูแล้วเหมือนชายหนุ่มที่เดินออกมาจากในชนเผ่าล้าหลัง แต่ก็เป็นการแต่งกายแบบนี้แหล่ะที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนเอาไว้ !
นี่คือการแต่งกายของชนกลุ่มน้อย ! ความคิดแวบแรกของหยางโปก็คือแบบนี้ แต่ว่าไม่นานเขาก็สงสัยขึ้นมา เพราะว่าชนกลุ่มน้อยมีเยอะมาก การแต่งกายทั้งตัวของพวกเขานี้ ยากที่จะตัดสินว่าพวกเขามาจากชนเผ่าไหนกันแน่จริงๆ
ทั้งสามคนถือห่อหนังสัตว์เดินมาข้างหน้า มือหนึ่งทาบไว้ด้านหน้าอกแล้วค้อมคำนับทุกคน ทุกคนต่างก็จ้องมองพวกเขาทั้งสาม
” ขอบพระคุณแขกทุกท่านที่มาเข้าร่วมการประมูลของพวกเรา รายละเอียดของการประมูลครั้งนี้ได้มอบให้กับทุกท่านแล้ว แม้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ต่อจากไปนี้ทุกท่านก็จะค่อยๆ เข้าใจข้อมูลต่อไปนี้ได้อย่างแน่นอน ” ชายหนุ่มผอมคนหนึ่งในนั้นเดินมาข้างหน้าแล้วกล่าวกับทุกคน
” การแต่งตัวแบบนี้ของพวกเขาน่าสนใจนะ ” ตาอ้วนหลิวเอ่ยเสียงเบา
หยางโปมองไปก็ได้ยินตาอ้วนหลิวเอ่ยอธิบายขึ้นมา ” เมื่อกี้ตอนที่พวกเราเจอ พวกเขายังสวมเสื้อนวมกางเกงยีนส์ สถานที่แบบนี้ แต่งตัวด้วยชุดของชนกลุ่มน้อยเขตร้อน ไม่ใช่เพื่อดึงดูดความสนใจและเรียกความเชื่อมั่นหรอกเหรอ ? “
หยางโปเงยหน้าขึ้นไปมอง แน่นอนว่ามองเห็นด้านหลังของชายที่ค่อนข้างผอมบางสั่นด้วยความหนาว
” พวกเขามาจากชนเผ่าไหนกันแน่ ? ” หยางโปเอ่ยถามเสียงเบา
“ฉันไม่รู้ ” ตาอ้วนหลิวส่ายหน้า
แต่ว่าไม่รอให้พวกเขาคิดมาก ผู้นำคนนั้นก็เอ่ยปากแนะนำ ” พวกเราเป็นคนเผ่าอี๋มาจากแถบชนบทเค่อเล่อ อำเภอเฮ่อจาง เฉียวโจว “
พลันที่กล่าวประโยคนี้ออกมา โดยรอบก็เกิดเสียงเซ็งแซ่ เพราะว่าประโยคนี้ของเขาสำคัญมาก ถึงขนาดเปิดเผยคำถามที่ทุกคนต่างกังวลใจ ” ลายแทงสมบัติ ” ที่ว่านี้ที่แท้ก็มาจากที่นั่น !
ลัวย่าวหัวเห็นท่าทีของทุกคนแล้วก็ไม่เข้าใจ เขาหันหน้ามามองหยางโป ” หมายความว่าอะไร ? หรือว่าเผ่าอี๋ยังมีขุมสมบัติอะไรอีกเหรอ ? “
หยางโปส่ายหน้า เอ่ยอธิบายเสียงเบาว่า ” เมื่อสี่ปีก่อน ที่เฉียวโจวมีการขุดค้นทางโบราณคดีที่สำคัญมากแห่งหนึ่ง ขุดค้นเจอสุสานของแคว้นเย่หลางโบราณอยู่ที่แถบชนบทเค่อเล่อ อำเภอเฮ่อจาง สุสานแถบชนบทเค่อเล่อน่าจะอยู่มากว่าหมื่นปีแล้ว “
ลัวย่าวหัวรู้สึกตื่นตะลึง หันหน้ามามองหยางโป ” นานขนาดนั้น ? แคว้นเย่หลางไม่ใช่แคว้นเย่หลางที่เขาว่ากันว่าหยิ่งจนน่าข้นแคว้นนั้นเหรอ ? ไม่ใช่ว่ามันเล็กมากเลยเหรอ ? “
” ไม่เล็กเลยสักนิด ตอนนั้นเย่หลางเป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดในซีหนาน อ้างว่าที่นั้นครอบครองกองทหารนับแสน นี่ไม่ใช่ระดับแคว้นเล็กๆ แล้วนะ ” หยางโปเอ่ย
ขณะที่กล่าวคนอยู่ตรงหน้าก็เริ่มการประมูลขึ้นแล้ว
ชายหนุ่มทั้งสามคนนั้นก็ไม่รู้ว่าไปยกโต๊ะพังๆ ตัวหนึ่งมาจากไหนมาวางเอาไว้ตรงกลางแล้วเอาห่อของมาวางไว้ตรงนั้น ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำหยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากในห่อแล้ววางไว้บนโต๊ะ นี่ก็นับว่าเริ่มการประมูลแล้ว
ของชิ้นแรกที่หยิบออกมาคือปิ่นหยกด้ามหนึ่ง ปิ่นหยกแค่แกะสลักเป็นทรงกลมเรียบๆ ปลายด้านหนึ่งด้านหนึ่งละเอียด หยิบปิ่นหยกแบบนี้ออกมา ทุกคนก็อดที่จะส่ายหน้าไม่ได้
แต่ว่าถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ทุกคนก็แทบจะตั้งแถวเดินหน้าขึ้นไปประเมินดู เพราะว่าทุกคนต่างอยากพิสูจน์ลายแทงในมือของอีกฝ่าย อยากจะตัดสินว่าเป็นลายแทงของจริงหรือไม่นั้น ก็ต้องดูผ่านการตัดสินของชิ้นเล็กชิ้นนี้ ถ้าหากพวกนี้เป็นของปลอม ถ้างั้นลายแทงสมบัติชิ้นสุดท้ายนั้นก็ไม่ต้องไปดูแล้ว
หยางโปก็เดินตามเข้าไปด้วย ต่อแถวอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยวนมาถึงตาของเขา หยิบปิ่นหยกขึ้นมาดูอย่างละเอียดสองรอบ ปลายด้านที่สลักหยาบๆ ของปิ่นหยกนั้นเป็นใบไผ่เรียบๆ ใบไม้หยาบมาก ปิ่นหยกก็หยาบกร้านไปทั้งด้าม แต่ลำแสงที่ล้อมอยู่โดยรอบกลับหนามากพอไปถึงสมัยชุนชิว
ประวัติศาสตร์ของแคว้นเย่หลางได้มีแคว้นที่มีอำนาจในที่ราบจดบันทึกเอาไว้ว่าเริ่มเรืองอำนาจขึ้นสมัย
จ้านกว๋อ จนถึงรัชสมัยอันสงบสุขของจักรพรรดิฮั่นตะวันตก ความนิยมของกษัตริย์เย่หลางก็สอดคล้องไปกับกำลังต่อต้านราชวงศ์ฮั่นของแคว้นเพื่อนบ้านใกล้เคียง ราชวงศ์ส่งคนมาเข่นฆ่า เย่หลางจึงสิ้นเผ่าพันธุ์ไปอยู่ได้ประมาณ 300 ปี
ปิ่นด้ามนี้ถึงกับมาก่อนช่วงเวลานี้ การค้นพบแบบนี้ทำให้หยางโปตกตะลึงมาก แต่ว่าเขาก็รู้จักบันทึกประวัติศาสตร์ของชนเผ่าอี๋ที่เย่หลางเริ่มมีอำนาจในช่วงราชวงศ์เซี่ย เปลี่ยนผ่านราชวงศ์อู่มี่เย่หลาง ลั่วจิ่วเย่หลาง ซาม่าเย่หลาง จินจู๋เย่หลางมา 4 ราชวงศ์ แล้วมาสิ้นสุดราชวงศ์ในสมัยราชวงศ์ฮั่น คงอยู่ประมาณสองพันปี
เมื่อเป็นแบบนี้ หยางโปก็พลันเกิดสนใจมากขึ้น
ตอนที่เพิ่งกลับมาถึงตำแหน่งยืน คนคุ้นเคยหลายคนของหยางโปก็หันหน้ามามอง ลัวย่าวหัวก็เอ่ยถามอย่างร้อนใจว่า ” เป็นยังไง ? เป็นแคว้นเย่หลางไหม ? “
หยางโปพยักหน้า ” ของจริง “
กล่าวจบ หยางโปก็หันไปมองหลูตงซิงที่เงยหน้ามองตนอยู่เช่นกัน ” เถ้าแก่หลูมีความเห็นว่ายังไงครับ ? “
หลูตงซิงส่ายหน้า ” ฉันมองออกแค่ยุคสมัยยาวนานมาก ส่วนที่มาใช่แคว้นเย่หลางไหมนั้นดูไม่ออก “
” เถ้าแก่หลู คุณสังเกตเห็นรอยสลักรูปใบไผ่เล็กๆ บนปิ่นไหม ? ” หยางโปเอ่ยถาม
หลูตงซิงคิดแล้วก็พยักหน้า
” แคว้นเย่หลางมีการสักการะไผ่ ” หยางโปเอ่ยอธิบาย