เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 259
ตอนที่ 259 กลัวเงาตัวเอง
” ถ้างั้นก็ดี พวกเราโอนเงินกันเถอะ ! ” หยางโปกล่าวกับเด็กหนุ่มเผ่าอี๋
เด็กหนุ่มเผ่าอี๋ดีใจมาก ” ดีเลย ! “
ไม่นานหยางโปก็โอนเงินห้าล้านหยวนไป ทั้งสองฝ่ายต่างก็ถือข้าวของแยกย้ายกันออกไป ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว ถึงแม้ว่าถ้าถูกจับแล้วจะออกมาได้ แต่มักจะยังมีปัญหาอยู่
เมื่อออกจากประตูแล้ว เด็กหนุ่มเผ่าอี๋ทั้งสามก็ขึ้นรถตู้คันหนึ่ง และพวกเขาทั้งกลุ่มก็ขึ้นรถของหลูตงซิง
ขึ้นรถแล้ว ลัวย่าวหัวก็อดเอ่ยถามไม่ได้ ” ซูหนีหมายความว่าอะไรเหรอ ? “
” ก็คือคนทรงของเผ่าอี๋ ” หยางโปกล่าว
ภายในรถเงียบสงัด การเคลื่อนไหวของตาอ้วนหลิวกับหลูตงซิงเบาลงไม่น้อย พวกเขาถึงค่อยคิดถึงความหมายของคำพูดพวกนั้นก่อนที่จะจากไปของฉินโถวได้
” พ่อมด ? ” ลัวย่าวหัวประหลาดใจเล็กน้อย ” ไม่ใช่แค่หมอผีหรอกเหรอ ? มีอะไรน่ากลัวกัน ? เดิมทีก็แค่หลอกเด็กแค่นั้นแหล่ะ “
” ย่าวหัว คำพูดพวกนี้อย่าไปพูดข้างนอกนะ ” หลูตงซิงพลันเอ่ยขึ้น เขามองไปนอกหน้าต่าง ” ตอนฉันยังหนุ่มก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่พอฉันสร้างตัวมาหลายปีนี้มันก็ทำให้ฉันจำเป็นต้องเชื่อ “
ลัวย่าวหัวมองหลูตงซิง ประวัติของหลูตงซิงลึกลับ เขากับหยางโปก็เดาความเป็นมาของการก่อร่างสร้างตัวของคนผู้นี้เอาไว้ว่าน่าจะเคยเป็นนายร้อยคลำทอง หลายปีมานี้ถึงค่อยวางมือ ดังนั้นเรื่องที่หลูตงซิงเอ่ยเตือนนั้น ลัวย่าวหัวจึงไม่กล้าไม่เชื่อถือ
รถยนต์ค่อยๆ เพิ่มความเร็วในการออกเดินทาง แต่จู่ๆ ก็พลันเพิ่มความเร็วพุ่งขึ้นมา ทุกคนมองไปทางคนขับรถที่เบาะหน้า หลูตงซิงกำลังเอ่ยถามปากสอบถามคนขับรถ ทุกคนก็ได้ยินเสียงดัง ” โครม ” ขึ้นจากด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงกระจกแตกเพล้ง และเสียง ” เคร้ง ” ของเบรถรถและเสียงพุ่งชนดังเสียดแก้วหูตามมาติดๆ
ทุกคนตกตะลึงมาก ค่อยๆ หันหลังหลับไปมองแล้วก็เห็นบริเวณที่คนขับรถคันนี้เพิ่งจะเร่งความเร็วขึ้นนั้น รถขนดินสีแดงที่บรรทุกดินมาเต็มคันรถชนรถตู้ไปอัดกับแผงกั้นจราจร รถตู้ที่อยู่ด้านหน้าถูกอัดจนแบนราบ
คนขับรถเร่งความเร็วขับออกไปอย่างมั่นคง ทุกคนมองหน้ากันและกันต่างก็หวาดกลัวมาก คนที่นั่งอยู่บนรถตู้ก็คือเด็กหนุ่มเผ่าอี๋ทั้งสามคนนั่น !
และถ้าหากรถยนต์ของพวกเขาไม่เพิ่มความเร็วก็เป็นไปได้อย่างมากว่าจะถูกอัดอยู่ข้างใน !
ทุกคนตกใจกลัวจนนิ่งงัน ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไร หยางโปรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่ถึงขนาดได้ยินเสียงเต้นดังอยู่ภายในอก
ชั่วครู่หนึ่งก็ออกมาจากจุดเกิดเหตุได้ประมาณร้อยกว่าเมตรแล้ว ทุกคนถึงได้เรียกสติกลับมา
” โทรศัพท์แจ้งตำรวจเถอะ หวังว่าจะช่วยชีวิตพวกเขาได้ ” หลูตงซิงเอ่ยแนะขึ้น
หยางโปมองกล่องไม้ที่อยู่ในมือ ก็รู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง
ลัวย่าวหัวเอ่ยเสียงเบา ” น่าจะไม่ใช่พลังของคนทรงจริงๆ ใช่ไหม ? “
” พูดจาเหลวไหลอะไร ? ” หลูตงซิงที่หยิบมือถือขึ้นมาโทรแจ้งตำรวจพลางด่าลัวย่าวหัวไปทีหนึ่ง
ลัวย่าวหัวอ้าปาก ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เรื่องเมื่อครู่นี้ทำให้ทุกคนตกใจกลัวมากเกินไป ดังนั้นความคิดของทุกคนจึงไม่ได้อยู่ที่ลายแทงสมบัติแล้ว และไม่มีใครพูดอะไร
บรรยากาศหนักอึ้งเล็กน้อย ทุกคนไม่ได้เอ่ยปากต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน หยางโปก็กลับไปที่เรือนสี่ประสาน ช่วงก่อนหน้านี้เขาทำความสะอาดเรือนสี่ประสานไปแล้วรอบหนึ่ง จึงเข้าไปอยู่ได้แล้ว เขาก็เลยไม่ได้ไปที่โรงแรม
กลับไปถึงเรือนสี่ประสานแล้ว หยางโปก็เอาลายแทงสมบัติใส่ไว้ในตู้เซฟ ความรู้สึกหวาดกลัวทำให้เขานั่งไม่เป็นสุข เขารู้สึกได้ลางๆ ว่าตัวเองเหมือนกับจะเจอกับของไม่เป็นมงคล
หยางโปวางกระจกแสงจันทร์เอาไว้ที่หัวนอน แสงจันทร์สาดส่องอยู่บนกระจกแสงจันทร์ กระจกแสงจันทร์ก็เปล่งประกายสะท้อนร่างของหยางโป เขาถึงค่อยรู้สึกเบาสบายขึ้นเล็กน้อย
ในใจเกิดร้อนใจอยากจะที่โยนลายแทงสมบัติทิ้งไป แต่ว่าด้วยหลักเหตุผลก็เรียกสติของเขาให้แจ่มชัด หลังจากโยนทิ้งไปแล้วก็ไม่แน่ว่าจะมีประโยชน์อะไร เหมือนกับเด็กหนุ่มเผ่าอี๋ทั้งสามคนนั้น พวกเขาขายลายแทงสมบัติออกไปแล้วแต่ยังคงหลบเลี่ยงโศกนาฏกรรมไปไม่ได้
หยางโปคิดถึงเบอร์โทรศัพท์ที่ฉินโถวทิ้งเอาไว้ให้ เขาถือเอาไว้ในมือ สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงออกมาก ในใจของเขายังคิดว่าบางทีความรู้สึกแบบนี้อาจจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เพื่อหลบเลี่ยงความรู้สึกแบบนี้ หยางโปจำต้องนั่งอยู่ในห้องหนังสือ ตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับการศึกษา ” เงินเหรียญเจี้ยนกั๋ว ” เขาวางเงินโบราณเหรียญนี้เอาไว้ที่นี่มาตลอด เขาคิดถึงตอนที่ตัวเองได้ซื้อเรือนสี่ประสานมาอย่างไม่ยากเย็นนั้น ในใจหยางโปก็ค่อยๆ มีความสุขขึ้นมา
เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น หยางโปเหลือบมองเห็นเป็นสายของลัวย่าวหัว มือหนึ่งของเขาพลิกเหรียญโบราณเล่นพลางรับสาย
” หยางโป นายยังไม่นอนใช่ไหม ? แม่ของฉันเลี้ยงแมวตัวหนึ่งมาตลอด แมวตัวนั้นปกติแล้วก็สนิทกับฉันไม่เลว ตอนกลางคืนที่ฉันกลับไปมันก็ยังวิ่งมาดูโทรทัศน์บนตักของฉัน แต่วันนี้หลังจากฉันกลับไปมันก็จ้องฉันอยู่ตลอด ! “
ลัวย่าวหัวหลังจากต่อสายแล้ว ถึงขนาดไม่รอให้หยางโปเอ่ยปากก็พูดไม่หยุดแล้ว
หยางโปชะงักไปเล็กน้อย ” วันนี้มันอาจจะอารมณ์ไม่ดี อาจจะติดสัดก็ได้นะ “
” อาจจะนะ แต่ว่าฉันเห็นท่าทีของมันเหมือนกับกลัวอยู่ ฉันว่า… “
” พูดเหลวไหลอะไร ? จะเป็นไปได้ยังไง ? ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวพูดไม่ออก ” ช่างเถอะ หวังว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ เอ้อ ฉันเหมือนจะคิดอะไรออก แมวตัวนี้ผ่าตัดแล้วนี่ จะติดสัดได้ยังไง ? “
” อาจจะนะ ” หยางโปหลอกให้เขาพูดไร้สาระ ” ทีหลังก็ลองใช้กลวิธีคอตตอนบัดดู “
” กลวิธีคอตตอนบัดนี่คือการทำอะไรล่ะ ? ” ลัวย่าวหัวประหลาดใจมาก
” ไปคิดเอาเองสิ ! ” หยางโปตอบกลับไปประโยคหนึ่งแล้วก็ตัดสาย ลัวย่าวหัวถึงขนาดไม่ได้สัมผัสลายแทงสมบัติเลย จะได้รับผลกระทบไปด้วยได้ยังไง ?
เมื่อคิดแบบนี้แล้วหยางโปก็เบาใจลง เขากวาดสายตาไปบนโต๊ะ คิดไม่ถึงว่าจะไม่เห็น ” เงินเหรียญเจี้ยนกั๋ว ” แล้ว
หยางโปตกใจมาก เงินเหรียญโบราณนี้ราคาสิบสองล้านหยวน จะหายไปแบบนี้ไม่ได้ เขารีบมองไปรอบๆด้าน นอนราบดูใต้โต๊ะก็แล้ว หาอยู่พักหนึ่ง หาไปแทบจะทั่วทั้งห้องแล้ว หยางโปก็ยังไม่รู้ว่าเหรียญโบราณไปอยู่ที่ไหนกันแน่
หยางโปร้อนใจ คิดถึงเนื้อหาที่โทรคุยกับลัวย่าวหัว ในใจก็คาดเดา ไม่น่าจะมีคำสาปอะไรอยู่จริงๆ ใช่ไหม ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้หยางโปก็ทนไม่ไหว เขาหยิบของในมือวางลงบนโต๊ะแล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา…
เมื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา… ของที่วางอยู่ตรงหน้า เขาหันหน้าไปมองก็เห็นว่าของที่เขาวางเอาไว้บนโต๊ะตรงหน้าก็คือ เงินโบราณ ” เงินเหรียญเจี้ยนกั๋ว “
หยางโปลูบอก ในใจคิดว่าตัวเองนี่กลัวเงาตัวเองไปได้ยังไง ถึงกับทำเรื่องโง่เง่าแบบนี้ไปได้
หยางโปไม่ได้คิดมากอีก เขาจึงเดินไปอาบน้ำแล้วก็นอนแต่หัววัน
เช้าวันต่อมา หยางโปก็ได้รับโทรศัพท์จากชุยอี้ผิง
” อรุณสวัสดิ์ ฉันจะเลี้ยงชายามเช้านาย นายคิดว่าเป็นยังไง ? ” ชุยอี้ผิงกล่าว
หยางโปขมวดคิ้ว ชุยอี้ผิงพี่ชายฝ่ายพ่อคนนี้เขาไม่ได้ประทับใจเท่าไหร่นัก แค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่เลวเท่านั้น
” ฉันอยู่ข้างนอก “
” ไม่เป็นไร นายบอกมาว่านายอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหานายเอง ” ชุยอี้ผิงกล่าว
หยางโปจนปัญญา จำต้องบอกที่อยู่ให้กับอีกฝ่ายไป
ที่หยางโปอยู่นี่เป็นวงรอบที่สาม อยู่ไม่ไกลจากชุยอี้ผิง ไม่นานเขาก็เร่งรถมาถึง เห็นหยางโปอยู่ในเรือนสี่ประสานก็อดเอ่ยถามไม่ได้ ” อยู่ในเรือนสี่ประสานไม่ถูกเลยนะ วันหนึ่งเกือบจะหลายพันหยวน แพงกว่าโรงแรมไม่น้อยเลย “