เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 261
ตอนที่ 261 โชคร้ายอย่างต่อเนื่อง
ตาอ้วนหลิวตื่นแต่เช้าตรู่ รู้สึกปวดหลังไร้เรี่ยวแรง ถึงแม้อายุของเขาจะไม่นับว่ามาก แต่ด้วยช่วงสองปีมานี้อายุเพิ่มขึ้น ร่างกายก็ค่อยๆ สู้หลายปีก่อนหน้าไม่ได้จริงๆ เรื่องปวดหลังนี้นับว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว
แสงแดดสดใสยามเช้า ตาอ้วนหลิววิ่งรอบสวนสาธารณะ เรื่องเมื่อคืนวานทำให้เขาตกใจมากจริงๆ
เขาเกี่ยวข้องกับเรื่องของโบราณมานานหลายปีขนาดนี้ เขาทำตัวเป็นนายหน้ามาตลอด และตอนที่ทำการค้ากันนั้นรวมกันแล้วก็มีประสบการณ์อยู่ ทั้งเคยได้ยินเหล่าผู้เฒ่าเล่าว่าของบางอย่างจะไปสัมผัสไม่ได้ แต่เขาก็ไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อนเลย
หญ้ารกเปียกชุ่มเล็กน้อย ตาอ้วนหลิวก้าวขึ้นไปวิ่งบนถนนเส้นเล็ก เขาวิ่งบนถนนเส้นเล็กนี้มาหลายครั้ง คุ้นเคยมากแล้ว แม้เขาจะหลับตาก็ยังวิ่งได้รอบหนึ่ง
เสียงนกร้องดังแว่วข้างหูทำให้ตาอ้วนหลิวรู้สึกรื่นรมย์
เสียง ” จิ๊ก ” ดังขึ้น ตาอ้วนหลิวยิ้ม เงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นนกกระจอกตัวหนึ่งบินไปจากเหนือหัวของเขา ตามด้วยเสียงของชิ้นหนึ่งตกลงมา ยังไม่ทันได้หลบของสีขาวดำก้อนนั้นก็ตกลงมาบนหน้าของเขา
ตาอ้วนหลิวกระพริบตา รู้สึกว่าวันนี้โชคไม่ดีจริงๆ ถึงกับถูกนกกระจอกขี้ใส่หน้า เขารีบปาดเอาขี้นกออก อดที่จะโอดครวญไม่ได้
ปัดขี้นกไปแล้ว ตาอ้วนหลิวก็ไม่ได้ชะงักเท้า เขาวิ่งหน้าไปวนรอบสวนสาธารณะ ไม่นานก็มาถึงทางเลี้ยว เขามองเห็นด้านหน้ามีคุณป้าวัยหกสิบกว่าปีกำลังพาหมาเดินเล่นอยู่ เขายิ้มแล้วสองเท้าก็ก้าวออกไป แต่ใต้เท้ากลับลื่นไถล การทรงตัวไม่มั่นคงถึงกับลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้น
ก้นกระแทกไปกับพื้นจนทำให้ตาอ้วนหลิวรู้สึกปวดช่วงล่างมาก เขาชาหนึบไปครึ่งตัว เขาเงยหน้าขึ้นกะจะร้องให้คุณป้าตรงหน้าช่วยพยุงเขาแต่กลับเห็นคุณป้ากำลังดึงหมา หันหน้ามามองแวบหนึ่งแล้วก็ถึงกับหันหลังวิ่งจากไป
ตาอ้วนหลิวหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ก้มหน้ามองตนเองแต่กลับมองเห็นใต้ร่างของตนเองนั้น เต็มไปด้วยของสกปรกสีเหลือง ด้านบนยังอุ่นๆ อยู่เลย ชัดเจนว่านี่ก็คือผลงานชิ้นเอกของหมาตัวตรงหน้านั้น !
เดินไปเจอแต่แจ็คพอต ตาอ้วนหลิวรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องอยู่บ้าง เขาจึงไม่กล้าวิ่งต่อ และกลัวว่าต่อไปเขาจะล้มกองอยู่กับพื้น ล้มไปแล้วแขนขาหัก ถ้างั้นก็ได้ไม่คุ้มเสียแล้ว เขาจำต้องหันหลังมุ่งหน้ากลับบ้าน
ขณะที่เดินอยู่ ตาอ้วนหลิวก็เจอกับขอทานขาเดียวคนหนึ่ง ออกมาแต่เช้าตรู่ เขาก็ไม่ได้พกเงินมาด้วย แต่ตอนที่ออกมาเช้านี้ เขาเอาเงินมาหนึ่งร้อยหยวน คิดจะซื้ออาหารเช้าระหว่างทาง ตอนนี้ดูท่าแล้วอาหารเช้าคงไม่ได้กินแล้ว ดังนั้นเขาถึงเอาเงินหนึ่งร้อยหยวนวางใส่ในขันของขอทาน
ขอทานคนนั้นเอ่ยกับตาอ้วนหลิวซ้ำๆ ” ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริงๆ “
ตาอ้วนหลิวพยักหน้า ในใจก็คิดถ้าหากทำความดีได้ทุกวัน จะสามารถลบล้างโชคร้ายได้ไหมนะ ?
คิดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะเดินไปสองก้าว ก็ได้ยินเสียงกระซิบของขอทานคนนั้น ” เหยียบกองขี้หมามาเหรอ โง่จริงๆ เลยนะ ! “
ตาอ้วนหลิวเดิมก็อารมณ์ไม่ดี พอได้ยินประโยคนี้ก็ยิ่งโมโห เขาหันหลังกลับมาแล้วตะโกนใส่ขอทานว่า
” ฉันให้เงินแกไป อย่าบอกนะว่าแกยังจะหัวเราะเยาะฉันอีก ? ไม่คิดจะขอบคุณก็ช่างเถอะ ถึงกับยังหัวเราะเยาะฉันอีกเนี่ยนะ ! “
ขอทานคนนั้นยืนขึ้น ” ฟึบ ” ขึ้นมา ” ถ้างั้นแกก็เอาเงินไปเลย ใครเค้าเห็นค่าเงินแค่นี้ของแกกัน ? “
กล่าวจบ ขอทานคนนั้นก็โยนเงินกลับมา ตาอ้วนหลิวเห็นทั้งสองขาของขอทานเดินจากไปด้วยตาของตัวเอง เงินหนึ่งร้อยหยวนก็ลอยล่องตกลงบนพื้น และตัวเขาเองถึงกับถูกขอทานเยาะเย้ย !
….
ลัวย่าวหัวตื่นขึ้นมา แม่ของเขาก็เตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้แล้ว และยังบ่นเรื่องข้อเสียของการไม่ทานอาหารเช้าไม่หยุด ลัวย่าวหัวส่ายหน้าหัวเราะขมขื่น เขาหันหน้าไปมองแมวน้อย
หัวเราะเสียงเบาไปทางแมวน้อย ” เมี๊ยวเมี๊ยว เมี๊ยวเมี๊ยว ! “
แมวน้อยมองมาทางเขา และไม่ตอบรับเขาเลย ถึงกับเดินหนีออกไปด้านข้าง
แม่ลัวอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ ” ลูกดูสิ ตอนนี้ถึงขนาดแมวตัวหนึ่งก็ยังเย็นชาใส่ลูกเลย ! “
ลัวย่าวหัวพลันฉุกคิด มองเห็นแม่อุ้มแมวของเขาก็พลันเอ่ยถาม ” แม่ แม่เอาแมวมาให้ผมอุ้มหน่อย ! “
” ไปกินข้าวก่อน กินข้าวเย็นแล้วค่อยว่ากัน ! ” แม่ลัวกล่าว
ลัวย่าวหัวหัวเราะ ” แม่ ผมขออุ้มหน่อยน่า อุ้มแล้วผมก็จะไปล้างมือกินข้าว “
แม่ลัวจนปัญหา สองมือจำต้องส่งแมวน้อยให้
ลัวย่าวหัวยินดีมาก เขารีบยื่นสองมือออกไป คิดจะรับเจ้าแมวน้อยมา คิดไม่ถึงว่าสี่ขาเจ้าแมวน้อยจะกดลงแล้วถึงกับวิ่งหนีออกจากอ้อมแขนของแม่ลัว
ลัวย่าวหัวตะลึงงัน ” อย่าบอกนะว่าแม้แต่แมวก็เย็นชากับฉัน ? “
แม่ลัวกล่าว ” ใช่แล้ว ดีจริงๆ ในที่สุดแกก็เข้าใจจุดนี้แล้ว “
แม่ลัวไม่รู้ความคิดตอนนี้ของลัวย่าวหัวเลยแม้แต่น้อย เห็นเขาสองตาเหม่อค้างกำลังเหม่อลอยก็อดเอ่ยไม่ได้ ” รีบไปกินข้าวเช้าได้แล้ว ! “
ลัวย่าวหัวคีบข้าวเช้า ในใจกลับยิ้มขมขื่น เพราะว่าเขาตระหนักได้ว่าตัวเองเหมือนจะเกิดปัญหาแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ถูกแมวตัวหนึ่งเย็นชาใส่แบบนี้แน่
ลัวย่าวหัวกินข้าวเช้าแล้วก็รีบขับรถไปที่บ้านของหยางโปอย่างอดรนทนไม่ไหว เขาอยากรีบไปเจอกับหยางโปให้เร็วที่สุด ให้เรื่องนี้กระจ่างชัด ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องไม่ดีแน่
เขาสตาร์ทรถจากในโรงรถ ไฟรถติด เครื่องยนต์ดังครู่หนึ่งไม่นานก็ดับลงไป
คิดถึงสภาพอากาศที่หนาวเยือกในช่วงนี้ เครื่องยนต์อาจจะเป็นน้ำแข็งไป ลัวย่าวหัวก็ไม่ได้ร้อนใจ แต่ยังสตาร์ทเครื่องต่อไป
ทำอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเครื่องยนต์ก็ติด ลัวย่าวหัวถอดใจโล่งอก
แต่ว่าลัวย่าวหัวเพิ่งจะออกไปนอกหมู่บ้าน ไฟรถยนต์ก็พลันดับวูบ เขาสตาร์ทใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าครั้งนี้ทำยังไงก็สตาร์ทไม่ติด
ลัวย่าวหัวจำต้องโทรศัพท์เรียกรถยก ให้รถยกยกเอารถยนต์ของเขาไปซ่อม เขาโบกมือเรียกแท็กซี่ที่อยู่ข้างทางแล้วมุ่งหน้าเดินทางไปหาหยางโป
ตลอดทางครั้งนี้ก็ไม่ราบรื่นนัก ในทุกครั้งที่เจอกับสี่แยก ก็จะเป็นไฟแดงทั้งหมด แท็กซี่ก็จำเป็นต้องหยุดรอ ตอนที่เดินทางมาถึงวงแหวนที่สาม รถยนต์จากถนนเส้นเล็กก็ผ่านเข้ามา ถึงกับพบว่าถนนเส้นนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง รถคันที่อยู่ด้านหลังตามเข้ามาแล้ว คนขับรถแท็กซี่จำเป็นต้องถอยหลังออกไปอย่างช้าๆ
ตอนที่มาถึงอย่างยากลำบากนั้น ล้อรถก็เหยียบไปบ่นฝาท่อ ถึงกับเกิดฝาท่อหล่นลงไป รถแท็กซี่เกิดชนเข้า
จนจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยไม่ง่ายดายเลยจริงๆ ลัวย่าวหัวเองก็ไม่อยากขึ้นรถเมล์ จึงเดินมาที่ทางบ้านของหยางโป
โชคดีที่การเดินทางครั้งนี้ราบเรียบ รอจนเขากำลังจะถึงหน้าประตู ก็พบคนหนุ่มในกางเกงขาสั้นพอดี คนผู้นั้นผิวเข้มคล้ำ ยิ้มให้ลัวย่าวหัว มือหนึ่งกลับปิดเสื้อผ้า ในมือถือโทรศัพท์มือถือ เขาพูดเสียงติดตลกกับลัวย่าวหัวว่า ” เอามั้ย ?เอามั้ย ? “
” ไม่เอา ” ลัวย่าวหัวหดหู่มาก เขากล่าวปฏิเสธไปทันที เขารู้ว่าอีกฝ่ายขโมยโทรศัพท์มือถือ
ชายคนนั้นไม่ได้พูดมาก หันหลังแล้วก็จากไปทันที
ลัวย่าวหัวกดกริ่งหน้าบ้านหยางโป พลางคิดว่าจำเป็นต้องหาที่เปิดโปงความคิด วันนี้โชคไม่ดีตั้งแต่อยู่บ้านเลย แต่ว่าเขามีนิสัยชอบคลำกระเป๋าเงิน ไม่นานสีหน้าก็พลันตกใจมาก ” กระเป๋าตังของฉันหาย ! “