เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 291
ตอนที่ 291 ชิ่งหยกจักรพรรดิไท่เจิน
นี่ก็คือเรื่องที่หยางโปโทรศัพท์ไปหาตาอ้วนหลิวเมื่อคืนวาน ขอให้เขาไปรับมาจากบ้านเซวีย !
หยางโปไม่ได้สนใจว่าหยกเขียวชิ้นนี้ต้องจ่ายเงินไปเท่าไหร่ แต่เขาจ้องหยกเขียวชิ้นนี้เขม็งอยู่พักหนึ่งแล้วถึงค่อยถอนหายใจออกมา เขาไม่ได้มองผิดไปจริงๆ !
หลิ่วมีดเดียวก็เดินเข้ามาอย่างประหลาดใจมาก เขาหยิบหยกเขียวขึ้นมาจากโต๊ะแล้วก็มองสำรวจอย่างประหลาดใจ
สักพักหลิ่วมีดเดียวจึงหันไปมองหยางโป ” หยกสลักนี้ฝีมือประณีต ทักษะล้ำเลิศ เป็นงานระดับสมัยราชวงศ์ถัง ! “
หยางโปหัวเราะขึ้นมา เขาหยิบเชือกเส้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วร้อยเข้าไปในรูว่างด้านบนของหยกสลัก ยกขึ้นมาแล้วเขาก็หยิบจี้หยกเรียวบางชิ้นหนึ่งออกมา เขาเคาะจี้หยกไปที่ชิ่งหยก
” ติ๊ง ! ” เสียงใสกระจ่างเสียงหนึ่งดังขึ้นนานมาก ราวผลึกแก้ว ดั่งลำธาร กังวาลไม่รู้จบ
หยางโปก็รู้สึกถึงเสียง ” เปรี๊ยะ ” ข้างใบหู ราวกับเจาะรูที่หูยังไงอย่างนั้น ข้างหูก็แว่วเสียงนี้ซ้ำไปมา เสียงนี้ราวกับสลักประทับเอาไว้กลางสมอง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งสามถึงค่อยได้สติกลับมา ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน พวกเขาตกตะลึงมาก
” นี่ นี่คืออะไร ? ” ตาอ้วนหลิวได้รับคำสั่งจากหยางโปให้ไปซื้อของ แต่เขาเพียงแค่เดาได้ว่าของชิ้นนี้เป็นสมบัติ แต่กลับไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องมหัศจรรย์แบบนี้
หลิ่วมีดเดียวมีสีหน้าตื่นเต้นมาก ” นี่คือชิ่งหยกใช่ไหม ? ทำไมชิ่งหยกถึงเป็นทรงกลมล่ะ ? ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ถังให้ฉันคิดเดี๋ยวนะว่าเป็นสมบัติชิ้นไหนกันแน่ ! “
หยางโปหยิบชิ่งหยกขึ้น ในใจตื่นเต้นมาก เมื่อคืนวานเขาสัมผัสความงามได้ลางๆ และสังเกตเห็นบางอย่างในนั้น ในขณะนี้เขาก็แทบไม่อยากเชื่อ เสียงนี้ถึงกับใสกระจ่างกังวานแบบนี้ ทำให้คนต้องถอนหายใจ !
หยางโปกวักมือไปทางทั้งสองคน ” มาดูทางนี้ ! “
กล่าวจบ เขาก็เดินไปที่หน้าประตู ยกชิ่งหยกไปทางแสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์ส่องผ่านหยก มันเปล่งประกายสีเชียวระยิบระยับ และในมุมหนึ่งของชิงหยกก็มีรอยประทับสีขาวอันหนึ่งปรากฏอยู่ นั่นก็คือ ” ไท่เจิน ” สองคำ !
” ไท่เจิน ? นี่หมายความว่าอะไร ? ” ตาอ้วนหลิวเอ่ยอย่างประหลาดใจ
” หยางอวี้หวนชื่อว่าไท่เจิน ชื่อทางธรรมก็คือไท่เจิน ! ” หยางโปเอ่ยใบ้
หลิ่วมีดเดียวพลันตระหนักได้ ” อย่าบอกนะว่านี่คือ “ชิ่งหยกจักรพรรดิไท่เจิน ” ในตำนาน ! “
” เป็นชิ่งหยกจักรพรรดิไท่เจิน ! ” หยางโปพยักหน้า
ตาอ้วนหลิวเองก็คิดออก เขามองไปที่ชิ่งหยกเขียวอีกครั้งหนึ่ง ” ว่ากันว่าหยางกุ้ยเฟยเชี่ยวชาญศาสตร์ศิลป์มากมาย ชำนาญการตีชิ่งมากที่สุด กระทั่งนักแสดงในวังหลวงก็สู้เขาไม่ได้ ถังเซวียนจงส่งคนไปหาหยกจักรพรรดิหลานเถียนทำเป็นชิ่ง หรือว่าจะเป็นชิ้นตรงหน้านี้ ! “
หยางโปเคาะชิ่งหยก สุ้มเสียงเลื่อนลอยราวความฝัน เสียงดนตรีดังยาวนาน สามวันก็ไม่เบาลง !
ทั้งสามคนจมอยู่ในความตื่นตะลึง เนิ่นนานก็ไม่อาจฝืนตัวออกมาได้ !
หลิ่วมีดเดียวสำรวจรูปแบบตกแต่งของหยกเขียวอย่างละเอียด ตาอ้วนหลิวก็มองไปทางหยางโป ” ไม่แปลกใจเลยที่นายเร่งให้ฉันรีบไปซื้อมา ชิ่งหยกจักรพรรดินี้น่าจะเป็นชุดหนึ่งใช่ไหม ตอนนี้กลับเหลืออยู่แค่ชิ้นเดียวแล้ว “
หยางโปหัวเราะ ” เมื่อคืนวานฉันบังเอิญเห็นสองคำนี้ในชิ่งหยก ตอนนั้นก็พอเดาได้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นของจริง ! “
หยางโปมีความสุขกับเรื่องนี้มาก เอ่ยถามตาอ้วนหลิวว่า ” นายซื้อมาได้ยังไง ? “
” เหอะ พอฉันไปถึง พวกเขาเห็นฉันเคาะประตูก็ประหลาดใจมาก ฉันอ้างเหตุผลขึ้นมามั่วๆ ตอนแรกพวกเขาก็ยังไม่อยากขาย ต่อมาฉันก็บอกว่าลูกชายบ้านเขาโตแล้ว ควรจะซื้อเรือนหอแต่งลูกสะใภ้ได้แล้ว พวกเขาถึงค่อยขายชิ่งหยกนี้ให้ฉัน ” ตาอ้วนหลิวหัวเราะ
หยางโปพอจะจินตนาการออก ตาอ้วนหลิวลื่นไหลกว่าเขามากนัก เขาจัดการเรื่องราวได้สะดวกกว่ามาก
ตาอ้วนหลิวก็จ่ายเงินซื้อมา 600,000 หยวน หยางโปก็ให้เขาไป 800,000 หยวน สิ่งนี้ทำให้ตาอ้วนหลิวบ่ายเบี่ยงอยู่พักหนึ่งถึงค่อยรับไป
เรื่องราวดำเนินไปอย่างราบลื่น หยางโปก็ได้ชิ่งหยกจักรพรรดิไท่เจินมา หลิ่วมีดเดียวก็จัดการเขาไม่ได้อยู่แล้ว เขาลูบคลำชิ่งหยกจักรพรรดิตรงหน้าอยู่รอบหนึ่งแล้วก็รีบออกไปซื้อหยก คิดจะสลักเลียนแบบชิ่งหยกสักชิ้น
คืนก่อนตรุษจีน หยางโปปฏิเสธคำเชิญของชุยซื่อหยวนแล้วก็ปฏิเสธของลัวย่าวหัว ผ่านวันตรุษจีนไปเพียงลำพัง
วันที่สองถึงวันที่ห้า หยางโปก็เตร็ดเตร่อยู่ในตลาดของพานเจียหยวนอยู่ตลอด เหตุเพราะว่าที่นี่พอผ่านเทศกาลไป ของโบราณในตลาดก็เพิ่มขึ้นมาก ในช่วงสี่วันนี้ หยางโปก็ซื้อของต่างๆ มามากถึงสามสิบกว่าชิ้น จากจำนวนที่มากกว่า ชิ้น รวมแล้วหยาโปจ่ายเงินไปทั้งหมด 530,000 หยวน แต่ราคาของแท้พวกนี้ก็จะเพิ่มขึ้นมาถึงสี่ล้านห้าล้านหยวนเต็มๆ !
วันที่หกหลังวันตรุษจีน หยางโปนัดกับจิ่งซ่าวหัวเอาไว้ เขาก็ไปเยี่ยมชมที่บริษัทเว็บเถาฮว่ารอบนึง
เว็บเถาฮว่าก่อตั้งมาไม่นาน พนักงานก็ไม่มาก ตอนที่หยางโปมาถึง พนักงานยังไม่เริ่มงาน ภายในบริษัทก็ไม่มีคนอื่นอีก หยางโปมองเห็นระบบการทำงานหลังบ้าน เห็นแผนการพัฒนาหลังจากปีใหม่ของเว็บเถา
ฮว่าของจิ่งซ่าวหัว
เยี่ยมชมไปรอบนึงแล้วหยางโปก็ไม่ได้พอใจมากนัก เพราะว่าเขารู้สึกว่าแผนการของอีกฝ่ายหละหลวมจนเกินไป มีเป้าหมายแล้วก็มีจำนวนที่เจาะจง แต่ไม่รู้ว่าเว็บเถาฮว่าจะมีกำลังทำได้รึเปล่า
” ผู้จัดการจิ่ง เอาแบบนี้แล้วกัน พวกเรามาเซ็นสัญญาความร่วมมือกัน ! ” หยางโปกล่าว
” สัญญาความร่วมมือ ? ” จิ่งซ่าวหัวประหลาดใจ เดิมทีเขาเห็นว่าหยางโปยังเด็ก คิดว่าจะหลอกได้ง่ายสักหน่อย ไม่ได้คิดเลยว่าตอนที่เขาคิดจะต่อรองเรื่องหุ้นส่วนนั้น หยางโปจะพูดถึงเรื่องสัญญาความร่วมมือ !
หยางโปพยักหน้า ” เป็นสัญญาความร่วมมือ ผมมองว่าธุรกิจนี้เติบโตได้ดีมาก แต่ผมไม่แน่ใจว่าเว็บเถาฮว่าจะมีกำลังทำได้เพียงพอรึเปล่า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจับตาดูสักพัก แต่ก่อนหน้านั้น ผมสามารถให้เงินทุนส่วนหนึ่งก่อนได้ “
” ถ้าได้ถึงเวลาแล้วยังไม่ถึงความต้องการของคุณ พวกเราจะต้องคืนเงินทุนให้คุณใช่ไหม ? ” จิ่งซ่าวหัวมองมา
หยางโปพยักหน้า ” ถูกต้อง ! “
จิ่งซ่าวหัวลังเลเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองหยางโป ” คุณลงทุนได้เท่าไหร่ ? “
” หนึ่งล้านหยวน ” หยางโปกล่าว
จิ่งซ่าวหัวลังเลขึ้นมา จากที่เขาคาดหวังเอาไว้ ครั้งนี้อย่างน้อยก็ต้องเพิ่มทุนสักสองล้านหยวน นี่จะขยายการจัดการของบริษัทไประดับขั้นต่อไปได้ เงินทุนหนึ่งล้านหยวนนั้นน้อยไปสักหน่อย
หยางโปมองเวลา ” คุณคิดดูก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาตอบผมทีหลัง “
” ครับ วันนี้รบกวนคุณหยางแล้วจริงๆ ” จิ่งซ่าวหัวกล่าว
หยางโปไม่ได้พูดอะไรมากแล้วก็ลุกขึ้นยืนเดินจากไป เพราะว่าเขาเข้าใจดี จิ่งซ่าวหัวก็ต้องการเวลาใคร่ครวญ ต้องการเวลาไปหาแหล่งทุนอื่นแล้วเปรียบเทียบกัน การลงทุนก็เป็นแบบนี้
เขาเร่งรีบกลับไป เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู หยางโปก็มองเห็นชุยอี้ผิงกับชุยอี้ฝานสองพี่น้องมายืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว
หยางโปรีบกล่าวว่า ” ต้องขอโทษจริงๆ นะ ไปเจรจาธุระมานิดหน่อย ทำให้พวกนายต้องรอนานแล้ว ! “
” พี่น้องกัน เกรงใจอะไรขนาดนี้ ! ” ชุยอี้ผิงหัวเราะ
หยางโปเปิดประตู ชุยอี้ผิงถือวิสาสะเดินตามเข้าไปด้านใน พุ่งตรงไปต้มน้ำร้อนชงชาด้วยตัวเอง
หยางโปไม่ได้ห้าม เขาจำต้องนั่งคุยกับชุยอี้ฟาน
คุยเรื่องสถานการณ์ของตำบลเค่อเล่อแล้ว ชุยอี้ฟานก็โมโหมาก ” พื้นที่เขตตะวันตกเฉียงใต้เศรษฐกิจล้าหลังมาก ทั้งเมืองแทบจะไม่มีกิจการอะไร พอจะนับอุตสาหกรรมได้แค่โรงสีข้าวที่หนึ่ง โรงงานกลั่นเมล็ดน้ำมันที่หนึ่ง โรงงานพวกนี้มีอยู่ทุกที่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป หน่วยงานรัฐระดับย่อยก็จะไม่มีแหล่งภาษีเลย ! “