เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 310
ตอนที่ 310 ไม้หนานมู่
ด้านนอกของโลงศพถูกทาสีด้วยน้ำตาลแดง เพียงแต่สีนั้นอ่อนลงมากแล้ว หยางโปจำได้ว่าเมื่อตอนเด็กๆในตอนที่คนแก่ชรากำลังจะล้มหายตายจากไปนั้น จะมีการทาสีใหม่ในทุกๆปี เพียงแต่พ่อของเขานั้นทำเกินไป ในตอนที่คนแก่ชรากำลังจะตายจากไปนั้น เขาดันเอาโลงศพปล่อยทิ้งเอาไว้ให้ว่างเปล่า
หยางโปจึงเดินเข้าไปดูอย่างละเอียดอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะถามขึ้นว่า ” นี่มันไม้อะไรครับ ? “
” ไม้ต้นพุทราจีน เกรดต่ำมาก “แม่หยางพูดขึ้น
หยางโปใช้เล็บกรีดลงไปสองสามครั้ง แต่กลับรู้สึกว่าไม้โลงศพนี้ไม่เหมือนกับไม้ต้นพุทราจีนเลย เขาหยิบกุญแจออกมา แล้วข่วนลงไปบนไม้แผ่นหนึ่ง จากนั้นก็ยกขึ้นมาดม ” นี่มันไม้หนานมู่นี่นา ไม่ใช่ไม้ต้นพุทราจีน เพราะไม้มีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย “
แม่หยางกลับหมุนตัวมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดขัดขึ้นว่า ” ไม้หนานมู่มีราคามากกว่าไม้พุทราจีนไหม ? “
หยางโปนึกไม่ถึงว่าปฏิกิริยาตอบสนองของแม่หยางจะดูตื่นเต้นขนาดนี้ เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า ” มีราคาสูงกว่าครับ “
” แล้วโลงศพนี้จะขายได้ราคาเท่าไหร่ ? ” แม่หยางเอ่ยปากขึ้น
หยางโปเกิดความสงสัยเล็กน้อย ” ขายได้ราคาไม่เท่าไหร่หรอกครับ น่าจะประมาณไม่กี่หมื่นหยวน “
” ไม่กี่หมื่นหยวนมันเท่าไหร่ มากกว่าหมื่นหรือน้อยกว่านั้น ? ” แม่หยางถามขึ้น
หยางโปส่ายหน้า ” น่าจะประมาณ 5-6 หมื่นหยวนครับ ราคาแบบเป็นรูปธรรม ผมเองก็ไม่แน่ใจ ต้องไปสอบถามราคาร้านขายโลงศพดู “
แม่หยางพยักหน้าแล้วมองมา ” งั้นลูกช่วยนำโลงศพนี้ไปขายทิ้งให้แม่หน่อย แม่ไม่อยากเก็บมันเอาไว้ที่นี่แล้ว “
หยางโปที่อยู่ในอาการเหม่อลอย เมื่อตระหนักได้ก็รีบพยักหน้า ” ได้ครับแม่ “
เมื่อตอบตกลงแล้ว หยางโปก็ครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาหูชิงชิงพ่อของเธอเป็นร้านขายไม้ น่าจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดี เพียงแต่เมื่อหยางโปโทรไปหานั้น อีกฝ่ายกลับปิดเครื่อง หยางโปครุ่นคิดอีกสักพัก แล้วก็เข้าใจในทันทีว่า หูชิงชิงน่าจะอยู่บนเครื่องบิน
หยางโปทำได้เพียงแค่พูดกับแม่ว่า ” ตอนนี้ผมต้องกลับเข้าเมืองก่อน พรุ่งนี้จะมาให้คำตอบแม่นะ “
” ได้ เดินทางระวังๆนะ “แม่หยางพูดขึ้น
เมื่อหยางโปขึ้นรถไป เขาก็โทรศัพท์หาหลี่เอ้อ ถึงจะไม่ได้ติดต่อกับหลี่เอ้อมาเป็นเวลานาน เมื่อหลี่เอ้อเผชิญหน้ากับลูกค้าคนนี้อย่างหยางโป ก็ยังคงแสดงความคุ้นเคยมากทีเดียว
หลี่เอ้อมีลู่ทางที่กว้างขวางมาก ไม่นานก็ตอบรับกลับมา ว่าจะช่วยเขาหาร้านขายไม้ให้
หยางโปขับรถกลับเขาไปในเมือง จากนั้นก็ตรงไปยังตลาดขายวัตถุโบราณทันที เขาจำเป็นต้องหากระถางธูปซวนเต๋อใบหนึ่งเพื่อเอาไปเปลี่ยนกับกระถางธูปซวนเต๋อใบนั้นให้ได้
ในรัชสมัยราชวงศ์ที่จักรพรรดิเซวียนเต๋อยังทรงอยู่ พระองศ์ชอบเยี่ยมชมกระถางธูปเพื่อความพึงพอใจเป็นงานอดิเรก จากนั้นพระองค์ก็สั่งทองแดงมาจากสยาม เพื่อมารักษาคุณภาพของกระถางธูป พระราชสำนักได้รายงานตรงต่อจักรพรรดิด้วยความเกรงกลัวว่าหากต้องการจะหล่อหลอมทองแดงขึ้นมาเป็นกระถางธูป จำเป็นต้องหล่อหลอมถึง 6 รอบด้วยกัน ซึ่งพอหลังจากครบ 6 รอบแล้ว วัสดุจะเหลือคุณภาพเพียงแค่เครึ่งเดียวเท่านั้น
จักรพรรดิเซวียนเต๋อร่ำรวยเงินทองแต่นิสัยหยาบกระด้าง พระองค์ทรงตรัสสั่งให้หล่อหลอมเพิ่มเป็นเท่าตัว พระองค์ต้องการหล่อมทั้งหมด 12 รอบ และทำการเพิ่มโลหะจำพวกเงินและทองเข้าไปด้วย ดังนั้นนักฝีมือจึงได้ทำการคัดเลือกทอง เงินที่มีค่าหลายประเภท และทองแดงที่ผ่านการหล่อหลอมอย่างประณีตมามากกว่า 10 ครั้ง ด้วยความพยายามอย่างมหาศาล ผ่านช่วงรัชสมัยจักรพรรดิเซวียนเต๋อ 3 ปี กระถางธูปทองแดงอย่างดีก็ถูกสร้างขึ้นมาได้ในที่สุด
นี่เป็นที่มาของกระถางธูปเซวียนเต๋อ กระถางธูปชิ้นนี้เป็นผลงานอันล่ำค่า ตั้งแต่รัชสมัยเซวียนเต๋อมาจนถึงสาธารณรัฐ ร้านขายของโบราณก็ต่างสร้างกระถางธูปเซวียนเต๋อลอกเลียบแบบขึ้นมาโดยตลอด จนกระทั่งสวยสดงดงามเทียบเท่ากับผลงานจริงกันเลยทีเดียว ที่หยางโปตรงไปยังตลาดขายวัตถุโบราณนั้นไม่ใช่เพราะต้องการจะไปหาของจริง แต่เขาต้องการไปหาของลอกเลียนแบบที่ดูสมจริงมากที่สุดต่างหาก
ด้วยความที่ยังไม่ถึงเทศกาลหยวนเสี่ยว ในสายตาของทุกคนจึงไม่ถือว่าเป็นงานเฉลิมฉลองที่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก ในตลาดขายวัตถุโบราณจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ไปมา หยางโปเริ่มทำการมองหาอย่างละเอียด
การหากระถางธูปนั้นง่ายมาก แต่การหากระถางธูปที่คล้ายคลึงกับกระถางธูปเซวียนเต๋อมีหูจับนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด หยางโปเปลี่ยนไปหาตลาดขายวัตถุโบราณเทียนกงทั้งตลาดแล้วก็ยังหาไม่เจอ เขาครุ่คิดอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็เข้าไปในจี๋หย่าถาง
หลิวเหลียงอวี่ตื่นตกใจอย่างมาก ” นายกำลังหากระถางธูปเซียนเต๋อมีหูจับใช่ไหม ? “
หยางโปพยักหน้า ” ใช่ครับ กำลังหาของปลอมสักใบหนึ่ง “
หลิวเหลียงอวี่แสดงอาการประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามให้มากความ เขาครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ฉันขอไปโทรศัพท์ไปถามหน่อยละกัน เพราะความต้องการของนายสูงมากทีเดียว ฉันไม่มั่นใจว่าจะหาเจอได้รึเปล่านะ “
หยางโปยิ้มเล็กน้อย ” ไม่เป็นไรครับ ถ้าหาไม่เจอ ขอให้เหมือนสักนิดก็เพียงพอแล้วครับ “
หลิวเหลียงอวี่พยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวไปโทรศัพท์ทันที
ไม่นาน หลิวเหลียงอวี่ก็เดินกลับมา ” หากระถางธูปเซวียนเต๋อมีหูจับได้แล้ว และสามารถมาส่งได้ในทันที เดี๋ยวนายก็ได้เห็นแล้ว “
หยางโบยกนิ้วโป้งไปทางหลิวเหลียงอวี่ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ผมรู้ว่าพี่หลิวมีเส้นสายกว้างขวาง เรื่องนี้ไม่เกินกำลังของเถ้าแก่หรอก ! “
หลิวเหลียงอวี่โบกมือไปมา ” อย่ามายกยอปอปั้นฉันนักเลย ผ่านไปสองปี นายเก่งมากกว่าฉันซะอีก ! “
หยางโปยิ้มน้อยๆออกมา ” นี่ไม่ใช่การยกยอปอปั้นนะครับ “
ไม่นาน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินเข้ามา หลิวเหลียงอวี่เดินออกมาต้อนรับเขา ” เถ้าแก่จาง ต้องขอบใจเถ้าแก่มากจริงๆ ! ต้องรบกวนวิ่งมาส่งถึงที่นี่เลย ! “
” ไม่เป็นไร เถ้าแก่หลิวต้องการอะไร มาหาฉันได้ทุกเมื่อ ฉันยินดีช่วยอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ! ” เถ้าแก่จางหัวเราะ ฮ่าฮ่า เสียงดังลั่น
เมื่อเถ้าแก่จางวางกระถางธูปเซวียนเต๋อลง หลิวเหลียงอวี่ก็หันไปถามหยางโปว่า ” ชิ้นนี้เป็นยังไง ? “
หยางโปเดินขึ้นไปข้างหน้า แล้วก็เห็นรูปร่างของกระถางธูปเซวียนเต๋อตรงหน้ามีส่วนคล้ายคลึงกับของวัดถู่ตี้ใบนั้นเป็นอย่างมาก เพียงแต่กระถางธูปเซวียนเต๋อใบนี้งดงามมากกว่า ไม่เหมือนกับใบที่ผ่านการโดนแดดต้องลมมาเป็นระยะเวลายาวนาน อีกทั้งหยางโปก็ยังต้องการให้มันถูกทาด้วยธูปหอมชั้นหนึ่งอีกด้วย
หยางโปเงยหน้าขึ้นไปมองเถ้าแก่จาง ก่อนจะพูดว่า ” สามารถทำให้มันเหมือนกับเป็นของเก่าภายใน 1 คืนได้ไหมครับ ? “
เถ้าแก่จางมองกลับมาด้วยความอยากรู้ก่อนจะถามขึ้นว่า ” 1 คืนนั้นทำได้ ว่าแต่นายอยากทำให้เก่าด้วยวิธีการไหนละ ? “
” ผมอยากให้มันเหมือนกับว่าถูกใช้มาเป็นระยะเวลานานหลายปีแล้วหนะครับ ให้ด้านนอกเต็มไปด้วยธูปหอมชั้นหนึ่งเป็นดีที่สุดครับ ” หยางโปพูด
” เรื่องนี้ง่ายมาก เพียงแต่ราคาก็ต้อง…… “
หยางโปโบกมือไปมา ” เพียงแค่ให้ได้อย่างที่ต้องการ ราคานั้นคุยกันได้ครับ “
” ได้ พรุ่งนี้นายค่อยมาเอาก็แล้วกัน ! ” เถ้าแก่จางพูดขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ
หยางโปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราคากับอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อย สุดท้ายก็ตกลงกันอยู่ที่ประมาณ 5000 หยวน และตกลงเรื่องเวลาและสถานที่ในการแลกเปลี่ยนสินค้ากันเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อเถ้าแก่จางออกจากร้านไป หลิวเหลียงอวี่ก็มองไปทางหยางโปด้วยความอยากรู้ ” นายจะเอาไปทำอะไร ? “
หยางโปยิ้มเล็กน้อย โดยไม่ได้อธิบายอะไร
วันที่สอง หยางโปไปรับกระถางธูปเซวียนเต๋อในร้านของเถ้าแก่จาง เมื่อเห็นว่าบนกระถางธูปเซียนเต๋อเต็มไปด้วยขี้เถ้าธูป หยางโปก็ยิ้มออกมาทันที เพียงแต่การทำสิ่งของให้เก่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถทำได้
จากการนัดแนะของหลี่เอ้อ หยางโปได้มาถึงอีกสถานที่หนึ่ง เพื่อเจอกับเถ้าแก่เจี่ยงร้านขายไม้
เถ้าแก่เจี่ยงมีอายุราวๆ 50 ปี หน้าฝากโล้นเล็กน้อย และหวีผมไปด้านหลัง เขายิ้มตาหยีพร้อมกับมองมาทาง
หยางโป ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” น้องชายอยากขายไม้อะไรเหรอ ? “
” โลงศพครับ เป็นโลงศพไม้หนานมู่ครับ ! ” หยางโปพูดขึ้น
หลี่เอ้อที่ยืนอยู่ด้านข้าง ได้ยินหยางโปพูดว่า ” โลงศพ ” สองคำนี้ ก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันที
เถ้าแก่เจี่ยงเคร่งขรึมไปเล็กน้อย ” เถ้าแก่หลี่ นี่เป็นธุรกิจที่นายแนะนำมาใช่ไหม ? “
หลี่เอ้อมองไปทางหยางโป ” นี่….. “
หยางโปส่ายหน้า ” ถ้าเถ้าแก่เจี่ยงไม่ยอม งั้นผมจะไปหาศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยก็ได้ครับ พวกเขาน่าจะสนับสนุนการขายได้เป็นอย่างดี “
เถ้าแก่เจี่ยงเกิดความลังเลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พูดตามความจริงก็คือ ธุรกิจนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก สร้างเม็ดเงินไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่หยางโปก็ยังมีเหตุผลพูดว่า ถ้าขายโลงศพที่เสร็จสมบูรณ์ได้ในปีนี้ ก็คงยังสามารถสร้างเม็ดเงินมหาศาลได้ ถึงยังไงโลงศพไม้หนานมู่ก็ยากที่จะพบเจออยู่แล้ว !