เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 315
ตอนที่ 315 ไม่ได้หายากอะไรเลย
อาจารย์หลิวกำลังจะยืนขึ้นขัดขวาง คิดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปิติยินดีว่า ” เยี่ยม ! เถ้าแก่ช่างตรงไปตรงมาจริงๆเลย ! “
ซ่งห้าวซวนเห็นอีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมา จึงเกิดรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาทันที เขารู้ว่าราคาที่ตัวเองโพล่งออกไปนั้นสูงมาก ! เขาหมุนตัวแล้วมองไปทางหลาวหลิว เมื่อเห็นว่าเขากำลังนั่งกินข้าวอยู่ จึงเกิดความฉุนเฉียวขึ้นมาในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
” 2 ล้านหยวนไม่ได้แล้วละ ! ” ซ่งห้างซวนพูดออกไปตามตรง
ชายวัยกลางคนอึ้งงันไปในทันที จากนั้นก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” เถ้าแก่ ราคานี้คุณเป็นคนเสนอให้ฉันเองนะ ตามกฎแล้ว มันทำแบบนี้ไม่ได้นะเถ้าแก่ ! “
อาจารย์หลิวรีบวิ่งออกไปทันที จากนั้นก็ดึงซ่งห้าวซวนเอาไว้ แต่ซ่งห้าวซวนกลับสะบัดมือออก แล้วสลัดตัวออกไป อาจารย์หลิวจึงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆว่า ” กฎกติกาของสายงานนี้เข้มงวดมาก ในเมื่อเรารับของมาแล้ว ราคาที่เสนอออกไปไม่สามารถกลับคำได้ ถ้าคุณทำลายกฎกติกา ก็เท่ากับทำลายร้านของเราด้วย ทุกคนจะมาหัวเราะเยาะเราได้ ! “
ซ่งห้าวซวนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยประกอบการสายอาชีพนี้มาก่อน แน่นอนว่ากฎกติกาในการค้าขายธุรกิจต้องล้วนแล้วแต่ชัดเจนแบบนี้ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงออกถึงการเหยียดหยามออกมา ส่งผลให้เขาก่อเกิดอาการโกรธเคืองขึ้นมาในทันที
ซ่งห้าวซวนเกิดความสับสนขึ้นมาทันที จึงอดที่จะพูดกับอาจารย์หลิวด้วยเสียงต่ำๆไม่ได้ว่า ” แล้วราคาจริงๆมันเท่าไหร่กันแน่ ? “
” ประมาณ 1.2ไม่ก็ 1.3 หยวน ” อาจารย์หลิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากออกไป
” ได้ งั้นก็ 2 ล้านหยวน ! ” ซ่งห้าวหยวนตบโต๊ะขึ้นมาในทันที
ชายวัยหลางคนก็แสดงความกระตือรือร้นขึ้นมา เพียงแต่เขาได้นำพาความระแวดระวังปะปนมาในความกระตือรือร้นนั้นด้วย เพราะเขากลัวว่าซ่งห้าวซวนจะช่วงชิงของของเขาไป
ไม่นาน ทั้งสองฝ่ายก็ทำการเซ็นสัญญาการซื้อขายกัน ส่วนเงินจะถูกโอนเข้าไปในธนาคาร
ชายวัยกลางคนไม่ได้อยู่ที่นี่นาน เมื่อธุรกิจเสร็จสิ้นเขาก็จากไปในทันที
” อาจารย์หลิว ทำไมคุณถึงไม่เตือนผมเรื่องราคาของชามเซรามิคใบนี้ ? ” ซ่งห้าวซวนพูดขึ้น
อาจารย์หลิวมองไปทางซ่งห้าวซวนแวบหนึ่ง ” เถ้าแก่ ผมเห็นคุณและเขาพูดคุยกันเป็นอย่างดี ก็เลยคิดว่าคุณจะกดราคาลงไปอีก ที่ไหนได้คุณดันประมูลไปซะอย่างนั้น ? “
” ฉันจะประมูลหรือไม่ประมูล นายจะพูดออกมาไหมละ ? หลังจากวิเคราะห์เสร็จนายน่าจะบอกราคากับฉันก่อน ฉันจะได้เตรียมพร้อมเอาไว้ในใจ ในตอนเจรจากัน จะได้ระงับอารมณ์ลงไปได้บ้าง ! ” ซ่งห้าวซวนพูดตำหนิเสียงดัง
อาจารย์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะมาโดยตลอด ดวงตาจ้องเขม็งไปทางชามข้าวด้านหน้าอย่างเหม่อลอย โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาตั้งใจหรือไม่ตั้งใจฟังกันแน่ ส่วนพนักงานอีกสามคนที่กำลังเก็บเงินชายวัยกลางคนก็ต่างพากันหยุดลงในทันที เมื่อได้ยินเสียงตำหนิของซ่งห้าวซวน ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าการประเมินในครั้งนี้จะไม่มีเหตุผลก็ตาม แต่ถึงยังไงซ่งห้าวซวนก็เป็นเถ้าแก่ !
เมื่อซ่งห้าวซวนเห็นว่าทุกคนต่างพากันตั้งอกตั้งใจฟัง จึงได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” เอาละ ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรจะต้องทำการรายงานฉันก่อนล่วงหน้า ทุกคนกินข้าวต่อเถอะ ! “
เพราะการตำหนิที่เข้มงวดของซ่งห้างซวน จึงทำให้ทุกคนต้องระมัดระวังตัวเองมากเป็นพิเศษ ในขณะที่กำลังกินข้าวอยู่นั้น ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาเลย แม้กระทั่งเสียงเคี้ยวข้าวก็ยังลดน้อยลงไปมากทีเดียว
หยางโปที่นั่งอยู่ในร้าน ดวงตากำลังจ้องเขม็งไปทางสถานการณ์ของฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นชายวัยกลางคนเดินออกมามือเปล่า ใบหน้าจึงได้ปรากฏรอยยิ้มจางๆออกมา เขาเข้าใจในทันทีว่าเรื่องนี้ได้ผลแล้ว !
เสียงของลัวย่าวหัวดังเล็กลอดออกมาจากในโทรศัพท์ ” เป็นยังไงบ้าง ? เป็นยังไงบ้าง ? “
” สำเร็จแล้ว ! เขาออกมาแล้ว ไม่มีของอยู่ในมือด้วย อ่ะ ฉันเห็นสถานการณ์ของฝั่งตรงข้ามแล้ว ดูเหมือนว่าซ่งห้าวซวนจะแสดงอาการโกรธเคืองออกมาแล้วด้วย น่าจะกำลังสั่งสอนลูกน้องอยู่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ ? ” หยางโปมองไปยังร้านฝั่งตรงข้ามด้วยความประหลาดใจ
” วางใจเถอะ ตราบใดที่ขายได้ก็ดีแล้ว ฉันจะทำตามสิ่งที่นายพูด เสนอราคาต่ำให้แก่เขา เราไม่มีทางขาดทุนอย่างแน่นอน ! ” ลัวย่าวหัวพูดขึ้น
หยางโปพยักหน้า ” ขาดทุนไม่มีทางอย่างแน่นอน เอาตามที่เสนอราคาให้เขา ที่เหลือก็เป็นกำไร “
” จริงสิ นายซื้อชามเซรามิคชิ้นนั้นมาเท่าไหร่ ? ” ลัวย่าวหัวถามขึ้นด้วยความอยากรู้
หยางโปหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบกลับไปว่า ” 5 แสนหยวน ! “
” เชี้ย นายนี่มันโคตรเจ๋งเลย ! ” ลัวย่าวหัวพูดออกมาด้วยความตกใจ
ไม่นาน หยางโปก็ได้ยินเสียงโห่ร้องด้วยความตกใจดังขยายออกมาจากอีฝ่าย ” อะไรนะ ? ขายไปได้ 2 ล้านหยวน ! “
หยางโปตื่นตกใจตาม เงินจำนวนมหาศาลก่อนหน้านี้ อย่างน้อยก็ถึงกำไรครึ่งปีหลังของฝ่ายตรงข้ามแล้ว!
….
ซ่งห้าวซวนไม่เกิดความสงสัยเลยว่าเซรามิคลายในมือชิ้นนี้มีราคาสูงมาก อีกทั้งยังเป็นสิ่งของที่จักรพรรดิทรงใช้มาอีกด้วย นี่จึงทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมคึกคักขึ้นมาทันที เขานำเซรามิคลายนี้ห่อเอาไว้ จากนั้นก็นำใส่กล่องด้วยความครื้นเครงใจ
เขาเดินมาข้างกายของพนักงานชำระเงินเสี่ยวหยู้ ก่อนจะถามเธอว่า ” ตั้งแต่เราเปิดร้านตอนเช้ามาเราขายไปได้เท่าไหร่ ? “
” ตอนเช้าขายไปได้ 170,000 หยวนคะ ! “
ซ่งห้าวซวนยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปใหญ่ เมื่อวานทั้งวันขายได้ 300,000 กว่าหยวน ถึงต่อมามันจะลดลงก็ตาม แต่อัตราส่วนก็น่าจะอยู่มีประมาณ 200,000 หยวน เมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าเราเปิดร้านไปตลอด 1 ปีก็จะมีเงินอยู่ที่ 70 ล้านหยวน ถ้านำกำไร 7 ส่วน ออกมาคิด เขาจะได้กำไรอย่างน้อย 50 ล้านหยวนเลยทีเดียว !
สายอาชีพนี้สร้างกำไรมหาศาลแบบนี้นี่เอง ซ่งห้าวซวนรู้สึกว่าตัวเองเกิดรักในอาชีพนี้เข้าแล้ว ถึงเขาจะไม่ได้รับการสืบทอดกิจการต่อ แต่เขาก็ยังสามารถเสพสุขความสบายไปได้ตลอดชีวิตอยู่ดี !
เมื่อนึกถึงชายชราในบ้านที่มาได้ยินเรื่องแผนการของเขา แล้วควักเงินแค่ 5 ล้านออกมาแถมยังขี้งกราวกับพ่อไก่ขนเหล็กยังไงอย่างนั้น เขารู้สึกขาดทุน ถ้ามีเงินทุนอยู่ในมือมากอีกสักหน่อย เขาจะสร้างเงินอีกได้มากมายแค่ไหนกัน ?
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ซ่งห้าวซวนก็อุ้มกล่องเดินขึ้นไปบนตึก จากนั้นเขาก็โทรศัพท์หาชายชราคนนั้น เพื่อขอเงินเพิ่มขึ้น เขาต้องได้ครอบครองทะเลสีครามผืนนี้ !
หยางโปโทรศัพท์ไปหาลัวย่าวหัวอีกครั้ง ซึ่งลัวย่าวหัวกำลังตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่
” นายไปหาการซื้อขายมา นายเป็นคนเสนอของปลอมมา ฉันจะไปหาคน เราต้องร่วมมือกันและกัน จะได้สร้างเม็ดเงินที่มหาศาลมากกว่านี้อีก ! “
หยางโปพยักหน้า ” เงินนี้ได้มาอย่างง่ายดาย “
” นายวางใจเถอะ นอกจากเงินมูลค่า 100,000 หยวนที่จ่ายออกไปแล้ว เราที่เหลือก็ยังมีอีกคนละครึ่ง ! “
ลัวย่าวหัวพูดขึ้น ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
” ซ่งห้าวซวนมีฐานะอะไรกันแน่ ? “หยางโปเอ่ยถามขึ้น
ลัวย่าวหัวอึ้งงันไป ” ไม่มีฐานะอะไรนิ ! “
” นี่มันก็หลายวันเข้าไปแล้ว ฉันเชื่อว่านายน่าจะหาข้อมูลมาได้แล้วนะ เขามีฐานะอะไรกันแน่ นายต้องน่าจะรู้อย่างชัดเจนแล้วนะ ! ” หยางโปพูด
ลัวย่าวหัวเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที เขาค้นหาข้อมูลมาปล้วแน่นอน เพียงแต่เขาเอาแต่ดีใจอยู่ ก็เลยคิดว่า
หยางโปไม่น่าจะเอ่ยปากถาม ดังนั้นจึงไม่ได้พูดออกไป
” นายพูดมา ฉันรอฟังอยู่ ! ” หยางโปพูด
ลัวย่าวหัวกัดฟันกรอด ” เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาย เป็นลูกชายของน้องชายภรรยาของชุยซื่อหยวน เพราะชุยซื่อหยวนไม่มีทายาท เขาจึงรับเลี้ยงซ่งห้าวซวนมาเลี้ยงดู จากความคิดของภรรยาของชุยซื่อหยวน เธออยากจะให้ซ่งห้าวซวนสืบทอดมรดกของต้นตระกูลของชุยซื่อหยวน ! นี่เป็นแรงต่อต้านในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่ยังอยู่ !
” ความสัมพันธ์พ่อลูกอะไร ? ลัวย่าวหัว นายไม่ต้องสนใจหรอก ! หยางโปพูดขึ้นด้วยความโกรธเคือง
” อย่า นายอย่าเพิ่งโกรธ ฉันไม่ได้บอกนาย เพราะกลัวว่านายจะโกรธ ” ลัวย่าวหัวยิ้มพร้อมพูดขึ้น
หยางโปขมวดคิ้ว ” ช่วงชิงทรัพย์สินของครอบครัว ? รับมรดกตกทอด หรือว่าเขายังต้องการจะสืบทอดอะไรอีก ? “
” ถึงยังไงชุยซื่อหยวนก็อยู่ในตำแหน่งที่สูง มีของที่ไม่เคยเห็นและจับต้องไม่ได้ แต่การมีอยู่ของของเหล่านี้ จะต้องมีการพัฒนาในอนาคตอย่างแน่นอน “
” ฉันไม่ยอมให้มันง่ายขนาดนั้นหรอก ! “