เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 317
ตอนที่ 317 โอบล้อม
ซ่งห้าวซวนวิ่งออกมาจากร้านสืออี๋ถางด้วยความตื่นตกใจอยู่ภายในใจ เพราะเขาคิดไม่ถึงว่าชุยอี้ผิงจะมาถึงที่นี่ได้ และก็ไม่รู้ด้วยว่ามาถึงกี่วันแล้ว ถ้าชุยอี้ผิงมาถึงที่นี่ได้ละก็ งั้นก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า ชุยซื่อหยวนรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน !
ซ่งห้าวซวนเกิดความรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาอยู่ภายในใจ เขารีบโทรศัพท์ไปบอกเรื่องนี้กับหลีหมิ่นทันที
หลีหมิ่นกลับยังคงสงบนิ่ง ” ไม่เป็นไร นายก็ทำงานต่อไป เราทำธุรกิจค้าขายไปปกตินั้นแหละ ดูสิใครจะสำเร็จก่อนกัน ? “
เมื่อซ่งห้าวซวนได้ยินประโยคนี้ จึงได้วางใจลงทันที ” คุณป้า ผมรู้อยู่แล้วป้าเก่งที่สุด ! “
….
ชุยอี้ผิงมองไปทางหยางโป ” คุณอารู้เรื่องนี้แล้ว ที่เขาให้ฉันมา ก็เพื่อจัดการเรื่องนี้นี่แหละ เอาแบบนี้ไหม พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับเขาว่าให้เขาไปไกลกว่านี่หน่อย “
หยางโปส่ายหน้า ” ไม่เป็นไร เรื่องนี้นายไม่ต้องเข้ามาแทรกแซงหรอก ฉันจัดการได้ อีกอย่าง ธุรกิจค้าขายของสืออี๋ถางก็ไม่เหมือนกับที่นายคิดเอาไว้อีกด้วย “
ชุยอี้ผิงอ้าปากทำท่าจะพูดบางอย่างออกไปมากกว่านี้ แต่กลับถูกหยางโปยื่นมือออกไปขวางเอาไว้ ” นายวางใจเถอะ “
….
วันที่สอง ในตอนที่ชุยอี้ผิงเดินมาถึงปากทางของร้านสืออี๋ถางนั้น เขาก็ต้องอึ้งงันไปในทันที เขารู้สึกว่าบนถนนเส้นนี้แออัดเบียดเสียดมากเป็นพิเศษ เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าหน้าร้านของสืออี๋ถางเต็มไปด้วยกลุ่มคนจำนวนมากเลยทีเดียว !
ชุยอี้ผิงตื่นตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่นาน เขาก็พบว่าทิศทางที่กลุ่มคนเหล่านี้ล้อมรอบอยู่นั้นไม่ใช่สืออี๋ถาง แต่กลับเป็นร้านฮ้าวซวนเก๋อที่อยู่ตรงข้ามกับร้านสืออี๋ถาง !
เมื่อเดินเข้าไปในร้านสืออี๋ถาง ก็เห็นว่าหยางโปกำลังนั่งแกะสลักอยู่ในนั้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมภายนอกอะไรเลย ชุยอี้ผิงจึงอดที่จะถามขึ้นไม่ได้ว่า ” ฝั่งตรงข้ามมีเรื่องอะไรกันเหรอ ? “
หยางโปยิ้มเล็กน้อย ” นายก็ฟังดูสิ “
ชุยอี้ผิงตั้งอกตั้งใจฟัง และได้ยินเสียงโห่ร้องตะโกนเข้ามาจากด้านนอกว่า ” คืนเงินฉันมาเลย ! ” ” ถล่มไอ้พวกลวงโลก ! “
ชุยอี้ผิงไม่เข้าใจ ” มันหมายความว่าอะไร ? “
” เพราะร้านฮ้าวซวนเก๋อขายแต่ของปลอมยังไงละ แล้วคนจำนวนมากเหล่านั้นต่างเสียเงินซื้อของปลอมไป พวกเขาจึงคิดว่าฮ้าวซวนเก๋อนั้นหลอกลวงพวกเขา ดังนั้นจึงออกมาประท้วงสิทธิที่ไม่ชอบธรรมนี้ ” หยางโปพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา
” ไหนบอกว่าเป็นธุรกิจในแวดวงวัตถุโบราณไง หากวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วไม่จำเป็นต้องคืนสินค้าไม่ใช่เหรอ ? ในเมื่อทำธุรกิจค้าขายไปแล้ว ทำไมยังมาเรียกร้องขอคืนสินค้าอีกละ ? ” ชุยอี้ผิงพูด
” จากที่พูดมา กฎกติกาเก่าก็เป็นแบบนี้แหละ แต่กฎกติกาเก่าเหล่านี้ไม่ได้สอดคล้องกับกฎหมายนะ ถ้ามีคนมาโวยวายมากเกินไป นายคิดว่าสิ่งที่ต้องจัดการคืออะไร ? ” หยางโปเงยหน้ามองออกไป
ชุยอี้ผิงก็อึ้งงันไป เขาเข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร ถ้าด้านนอกไม่สลายตัวไป ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะต้องร้ายแรงมากอย่างแน่นอน และอาจจะถึงขั้นจับตัวซ่งห้างซวนออกมาเลยทีเดียว ชุยอี้ผิงตื่นตกใจขึ้นมาทันทีเขาหันกลับไปมองหยางโป ก่อนถามขึ้นว่า ” นายจะเข้าร่วมด้วยไหม ? “
หยางโปส่ายหน้า ” เรื่องแบบนี้ ถ้าฉันเข้าร่วมด้วยก็เท่ากับว่ามือของฉันก็สกปรกไปด้วยนะสิ ! “
เมื่อพูดจบหยางโปก็หัวเราะเสียงเย็นชาออกมา เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วยังไงมันก็ต้องระเบิดออกมาอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจ และปล่อยให้อีกฝ่ายดำเนินการต่อไป เพียงแต่ว่าเขานึกไม่ถึงว่าการโอบล้อมนี้จะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ก็เท่านั้น !
เดิมทีหยางโปคิดว่าจะเกิดปรากฏการณ์การโอบล้อมขนาดเล็กเพื่อเรียกร้องขอคืนสินค้าเท่านั้น ซึ่งซ่งห้าวซวนย่อมปฏิเสธได้ แต่หลังจากนั้นเรื่องนี้กลับขยายเป็นวงกว้างอีกครั้ง เรื่องนี้จึงเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการเอาไว้ มันไม่ได้เกิดจากการบ่มเพาะ แต่มันเกิดจากการระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน
แต่เหตุการณ์นี้ก็บ่งบอกได้ถึงปัญหาอย่างหนึ่ง ร้านฮ้าวซวนเก๋อนั้นขายของปลอมหลอกลวงผู้บริโภคเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างมาก
ชุยอี้ผิงมองไปทางหยางโป โดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะหมุนตัวแล้วนำสิ่งของของตัวเองจัดแจงวางลงให้เรียบร้อย แล้วเริ่มวาดภาพในทันที
เพียงแต่ว่าสภาพจิตใจของชุยอี้ผิงในวันนี้ไม่ดีเท่าที่ควร เขาจึงได้เงยหน้าขึ้นแล้วมองออกไปยังฝั่งตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา
คนข้างนอกยังคงตะโกนโห่ร้องกันอย่างต่อเนื่อง ไม่นานตำรวจก็มาถึง แต่ทุกคนก็ยังพยายามจะเข้าไปในร้านเพื่อเรียกร้องขอคืนสินค้า ทำให้ตำรวจเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับ หยางโปจึงทำการปิดประตูร้านตั้งแต่วินาทีแรก แต่ในตอนที่เขากำลังจะปิดประตูร้านอยู่นั้น ชายชราคนหนึ่งกลับวิ่งเข้ามา แล้วพูดกับหยางโปว่า ” ฉันขอเข้าไปหลบหน่อยได้ไหม ? ข้างนอกหนาวจะตายอยู่แล้ว “
หยางโปชำเลืองมองไปแวบหนึ่ง แล้วก็เห็นว่าในมือของเขากำลังถือแจกันลายครามใบหนึ่ง หยางโปเกิดความลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังพยักหน้า ” ได้ครับ “
ชายชราจึงเดินตามเข้าไปในร้าน จากนั้นหยางโปก็ได้ปิดประตูลง พร้อมกับทำการล็อคจากด้านใน
กลุ่มคนที่ยังคงฮึกเหิมอยู่ด้านนอก ต่างก็พากันส่งเสียงโห่ร้องประท้วงกันดังมากขึ้นเรื่อยๆ
” คืนเงินที่แลกมาด้วยหยดเลือดและหยาดเหงื่อมา ฉันต้องการคืนสินค้า ! “
” ร้านฮ้าวซวนเก๋อหลอกลวงผู้บริโภค เอาของปลอมหลอกว่าเป็นของแท้มาขายให้แก่ผู้บริโภค เราต้องการคืนสินค้า ! “
” เถ้าแก่ร้านฮ้าวซวนเก๋อสารเลว รีบเอาของของแกคืนไป ! “
….
เมื่อหยางโปได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องแบบนี้ ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
ชายชราที่เดินตามเข้ามาในร้านกลับอดที่จะยิ้มออกมาด้วยความลำบากใจไม่ได้ แจกันลายครามที่อยู่ในมือของเขาถูกวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปพูดกับหยางโปว่า ” เถ้าแก่ นายคิดว่าเครื่องลายครามชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่ ? “
เมื่อหยางโปนั่งลง จากนั้นก็มองไปทางชายชราคนนั้น ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า ” ซื้อจากฝั่งตรงข้ามมาใช่ไหมครับ ? “
ชายชราพยักหน้า ” ใช่ “
หยางโปกลับส่ายหน้า ” ผมขอบอกให้คุณรอผลลัพธ์จากฝั่งตรงข้ามดีกว่าครับ ส่วนแจกันใบนี้ในมือของคุณถือว่าไม่เลวเลย “
ชายชรามองไปทางหยางโป ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” งั้น คุณจะเสนอราคามาเท่าไหร่ ฉันจะขายให้คุณดีไหม ? “
หยางโปกลับแสดงอาการเบื่อหน่ายออกมาแทน ” คุณลุงครับ เราอย่าคุยเรื่องนี้ดีกว่านะครับ คุณขายไม่ได้ ผมก็ซื้อไม่ได้ ดังนั้นเรื่องต่อรองราคา เราอย่ามาพูดกันเลยจะดีกว่านะครับ “
คนที่ยืนอยู่ด้านข้างปิดปากเงียบไร้ซึ่งเสียงใดๆ เขาพอจะเดาออกว่าในเวลานี้ ทุกคนต่างก็ต้องการหลีกเลี่ยงประตูตรงข้าม และหลบหลีกความวุ่นวาย
เมื่อผ่านไปสักพักใหญ่ ชายชราคนนั้นก็เดินมาตรงหน้าชั้นวางสินค้าของหยางโป จากนั้นก็ทำการดูสินค้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน
หยางโปขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
ชุยอี้ผิงเองก็เกิดความเบื่อหน่าย เขามองไปทางชายชราคนนั้นก่อนพูดขึ้นว่า ” คุณลุง ทำไมคนพวกนั้นถึงได้เยอะมากมายขนาดนี้ คนเหล่านั้นต่างก็ต้องการคืนสินค้ากันหมดเลยเหรอครับ ? “
ชายชราส่ายหน้าด้วยความลำบากใจ ” ฉันก็ไม่รู้แน่ชัดหรอก แจกกันใบนี้ของฉันถูกซื้อมาเมื่อ 2 วันก่อน เมื่อวานฉันเลยเชิญเพื่อนคนหนึ่งของฉันมาช่วยทำการวิเคราะห์ แต่เพื่อนกลับบอกว่าฉันถูกหลอกเข้าแล้ว นี่ไม่ใช่เครื่องลายครามของซูสีไทเฮา แต่เป็นของลอกเลียนแบบขึ้นมาเท่านั้น ! “
” เช้าวันนี้ ฉันเลยไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ และก็บังเอิญเจอกับเพื่อนเก่าพอดี ฉันเลยเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พวกเขาฟัง พบว่าพวกเขาเองก็ซื้อของมาจากร้านนี้เหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าจะเจอเพื่อนที่ถูกหลอกแบบนี้เหมือนกัน สรุปแล้วทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของปลอมทั้งสิ้น ! “
ชุยอี้ผิงมองออกไปด้วยความอยากรู้ ” ถึงเพื่อนๆจะค้นพบเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่น่าจะมารวมตัวกันมากมายขนาดนี้เลยนี่นา ? “
” พวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ในตอนที่พวกเรามาถึง ก็เห็นว่าหน้าประตูมีคนกลุ่มหนึ่งยืนออกันอยู่แล้ว ต่อมาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนถนนเส้นนี้ก็ต่างมาถามพวกเรา ไม่นานก็เกิดการรวมตัวกันขึ้น ถ้ามีปัญหาละก็ ก็น่าจะเป็นปัญหาของร้านฮ้าวซวนเก๋อแล้วละ ” ชายชราพูดขึ้นด้วยความโกรธเคือง
ชุยอี้ผิงมองไปทางหยางโปอย่างฉับพลัน เมื่อเห็นว่าเขาแสดงท่าทางไม่ได้สนใจกับเรื่องภายนอกเลย เขาก็เข้าใจในทันที บางทีหยางโปอาจจะคาดเดาเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว เขาจึงมองออกไปข้างนอกอีกครั้ง จนมั่นใจในที่สุด คนที่ซื้อของมาจากร้านฮ้าวซวนเก๋อล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เกษียณทั้งนั้น พวกเขาไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องทำ ข่าวคราวจึงได้แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว !