เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 396
ตอนที่ 396 เงื่อนงำ
หยางโปนึกขึ้นได้ว่าหนังสือบันทึกการเดินทางที่ได้มาเป็นภาษาอี้เขาจึงไม่แปลกใจเลยที่จะไม่มีใครเข้าใจเนื้อหาเหล่านั้น
เขาหยิบสมุดและหันไปหาคนอื่นๆ ” เดี๋ยวฉันจะแปลให้ทุกคนฟังก็แล้วกันนะ “
ลัวย่าวหัวตกตะลึงในขณะที่หันมามองหน้าหยางโป ” นายอ่านภาษาอี้ออกด้วยเหรอ ? “
” แปลได้นะ แต่อ่านไม่ออก ” หยางโปพูด
พูดจบเขาก็ไม่คิดที่จะอธิบายอะไรต่อแต่เลือกที่จะเปิดหนังสือขึ้นมาและแปลออกมาเป็นภาษาพูดทันที
” แสงสว่างอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าไม่ได้มายังแผ่นดินนี้ บุตรเขยของพระเจ้าถูกทำลายในการสังหารครั้งนี้…. “
หยางโปอ่านข้อความที่เขียนอยู่ราวกับเป็นผู้เคร่งศาสนา เมื่อนึกถึงคำพูดของชุยอี้ฝานและอวี่เหวินก่อนหน้านี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจความหมายของข้อความนี้ทันทีว่ามันถูกบันทึกเกี่ยวกับการสูญสิ้นของอาณาจักรเย่หลาง !
สมุดบันทึกการเดินทางเล่มนี้ หยางโปแปลมันหลายครั้งแล้วจึงทำให้เขาสามารถแปลมันออกมาได้อย่างราบรื่น ในที่สุดเขาก็อ่านมาถึง ” ไม่สามารถได้ยินเสียงนกร้อง ไม่ได้ยินเสียงเห่าหอนและไม่เห็นฝูงชน ข้าเงยหน้าขึ้นมองยอดเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยสีแดง สายตาของข้าจ้องมองไปในที่ที่ไกลแสนไกล และมองเห็นฉากอันรุ่งโรจน์ เฮ้อ…พระเจ้าเอ๋ย…นี่คือของขวัญที่ดีที่สุดของคนของท่านสินะ “
” หยุดก่อน ! ” อาจารย์ฉินรีบแทรกขึ้นจนทำให้หยางโปเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย ตอนที่เขาอ่านอยู่นั้นเขาไม่ได้พบเบาะแสอะไร และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าอาจารย์ฉินได้ยินอะไรกันแน่
อาจารย์ฉินยกมือขึ้นพร้อมกับทำท่าชะงักไป เขาเงยหน้ามองหยางโป ” ถ้าฉันจำไม่ผิด ตอนที่ปี้โม๋สร้างเครื่องมือ บนยอดเขาก็ไปหาต้นสนเรดวูดแถมรอบข้างทั้งสี่ทิศก็ไม่ได้ยินเสียงนกร้องและเสียงเห่าหอนของสัตว์ป่าด้วยใช่ไหม “
” เหวยทู ! ” ลัวย่าวหัวทำท่าราวกับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จนร้องขึ้นมาเสียงหลง เขาหยิบแม่พิมพ์ไม้ชิ้นเล็กๆขึ้นมาซึ่งเป็นเหวยทูของที่ซุนหนีให้พวกเขาก่อนหน้านี้และพวกเขาก็ยังจ่ายเงินให้จำนวนหนึ่งอีกด้วย
” ฉันนึกออกแล้ว ตอนที่ผลิตเหวยทู ตอนนั้น ฉันได้ยินคนที่หมู่บ้านพูดขึ้นมาว่าไม่ได้ยินเสียงสัตว์ร้องตอนที่ตัดต้นสนเรดวูดที่สูงที่สุดบนเขาด้วยนะ ” ลัวย่าวหัวพูด
หยางโปได้ยินแบบนั้นก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาทว่าเขาก็ยังไม่เข้าใจจนต้องหันไปหาอาจารย์ฉิน
” อ่านต่อสิ หลังจากนี้อาจจะมีเบาะแสเพิ่มขึ้นก็ได้ ” อาจารย์ฉินพูด
หยางโปรู้สึกลังเลเล็กน้อยแต่ก็อ่านต่อไป ” ในความรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น นี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ ในที่สุดพระสิริของอาณาจักรแห่งพระเจ้าก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของข้า ในเวลานี้ต่อให้ข้าต้องตายก็ไม่รู้สึกเสียใจแล้ว “
หยางโปอ่านถึงตรงนี้เขาก็อ่านที่ประโยคสุดท้ายภายในนั้น ” กลับมาถึงหมู่บ้านและต้องเผชิญหน้ากับคนภายในเผ่าพันธุ์เดียวกัน ข้าไม่สามารถที่จะอธิบายฉากอันรุ่งโรจน์ที่พบเห็นและปล่อยให้สิ่งเหล่านี้หายไปในประวัติศาสตร์เพื่อให้มันถูกจดจำตลอดไปก็แล้วกัน ! “
หยางโปอ่านหนังสือเดินทางจบแล้วและหนังสือเล่มนี้ก็ถูกเขาอ่านจบไปหลายครั้งแล้วด้วย ยิ่งบรรทัดล่างสุดนี้ยิ่งทำให้ยากที่จะสามารถเข้าใจได้ เขาเงยหน้ามองไปที่อาจารย์ฉินและหวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้
อาจารย์ฉินสี่หน้าเต็มไปด้วยความคิด ครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้น ” ครั้งก่อนไม้สนเรดวูดที่ปี้โม๋ใช้อยู่บนเขาลูกไหน ? “
หยางโปและลัวย่างหัวสบตากันก่อนที่จะส่ายหน้า
เจ้าอ้วนหลิวพูด ” วันนั้นตอนที่พวกเราไปถึง ซุนหนีก็ตัดไม้สนเรดวูดกลับมาแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ฉันคิดว่ามันคงจะอยู่ไม่ไกลหรอก “
” ขับรถขึ้นไปหาเซอเจ๋อ เขาต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ ! ” อาจารย์ฉินพูด
ทุกคนรีบขึ้นรถอีกครั้งก่อนที่จะมุ่งหน้าไปหาเซอเจ๋อทันที
” เขาลูกนั้นอยู่ไม่ไกลหรอก อยู่ตรงนั้นไง ” พูดจบเซอเจ๋อก็ชี้ไปด้านหน้า
ทุกคนมองตามนิ้วของเซอเจ๋อก็พบกับเขาลูกหนึ่งซึ่งมีความสูงเด่นตระหง่านตา
” ไกลขนาดนั้นเลยเหรอ ? ไม่ใช่มั้ง ! ” ลัวย่าวหัวมองไปที่เขาลูกนั้นพร้อมกับพูดด้วยความแปลกใจ
เซอเจ๋อส่ายหน้า ” ดูแบบนี้อาจจะดูเหมือนกับว่าไกลแต่มันอยู่ตรงด้านหลังหมู่บ้านนี้เอง ถ้าเดินข้ามแม่น้ำไปก็ไม่ไกลแล้วล่ะ “
หยางโปมองเซอเจ๋อ ” วันนั้นฉันจำได้ว่าซุนหนีจะนำไม้กลับมาตอนช่วงเช้าเพื่อที่จะผลิตเหวยทู ฉันว่าเขาคงจะไม่ได้เอาไม้มาจากตรงนั้นหรอกมั้ง ? “
” ในหมู่บ้านน่ะมีการย้ายไม้สนเรดวูดมาตั้งนานแล้วนะ ปกติก็ฝังอยู่ใต้พื้นดินนั่นแหละ ถ้าจะใช้ตอนไหนก็แค่ไปเอามาใช้ก็แค่นั้นเอง ” เซอเจ๋อพูด
คำตอบของเขาทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองบนเขาที่ไกลออกไป เขาที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้านั้นจำเป็นที่จะต้องนั่งเรือไปแถมยังไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะไปถึงที่นั่นได้ง่ายๆ และพวกเขาเองก็ต้องใช้เวลาเตรียมตัวด้วยเช่นเดียวกัน
หยางโปและคนอื่นๆเดินทางกลับเมืองเพื่อที่จะเริ่มเตรียมตัว
เมื่อพูดถึงการเตรียมตัว หยางโปและคนอื่นๆไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงมือด้วยตัวเองเพียงแค่สั่งซื้อเท่านั้น ภายในเวลาอันรวดเร็วก็มีคนซื้ออุปกรณ์กลับมาและของที่สำคัญก็คือเรือ !
แม่น้ำที่ไหลอยู่ด้านใต้ภูเขาขนาดใหญ่นั้นไม่สามารถที่จะใช้เรือไม้ล่องไปได้เพราะการใช้ไม้พายในการพายไปท่ามกลางสายน้ำที่ไหลเชี่ยวนั้นเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานเป็นอย่างมาก
เรือบังคับใช้ที่ถูกต้องตามกฎหมายจากกรมการขนส่งทางน้ำถูกส่งมาภายในคืนเดียว เช้าวันรุ่งขึ้นตอนที่หยางโปเห็นเรือก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา คนเหล่านี้นี่ช่างสุดยอดจริงๆ แม้แต่เรือก็ยังสามารถยืมมาใช้ได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืน !
หยางโปไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่นัก ในกลุ่มคนเหล่านี้ความสามารถของเขาน่าจะมากที่สุดเพียงแค่เขาไม่ได้ใช้มันเท่านั้นเอง
อวี่เหวินยังคงไม่กลับมา หยางโปและคนอื่นๆก็ไม่คิดที่จะรอเขาเช่นกัน ทันทีที่เรือพร้อมพวกเขาและบอดี้การ์ดอีกสิบกว่าคนก็เริ่มเดินทางด้วยเรือสองลำทันที !
แม่น้ำใสแจ๋วจนสามารถมองเห็นไปถึงด้านล่างของผิวน้ำ เรือสำราญแล่นไปข้างหน้าท่ามกลางคลื่นลมและรอบข้างที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้สีเขียวจากช่องแคบของทั้งสองข้าง
เพียงครึ่งชั่วโมง หยางโปและคนอื่นๆก็จอดเรือข้างแม่น้ำและเดินขึ้นฝั่งมา ที่นี่เป็นทางโค้งของแม่น้ำและเป็นจุดที่เรือสามารถจอดได้พอดิบพอดี จึงทำให้หยางโปและคนอื่นๆตัดสินใจที่จะจอดเรือที่นี่
ทันทีที่เงยหน้าขึ้น หยางโปก็ต้องชะงักไปเพราะเขาพบว่าอวี่เหวินยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลและกำลังมองมาทางนี้ !
ทุกคนเองก็เห็นเงาของอวี่เหวินเช่นเดียวกันและไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย อวี่เหวินหายออกไปเมื่อสองวันก่อนและเขากลับมาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าทุกคนในเวลานี้ หรือว่าเขารู้เส้นทางอยู่แล้ว ?
หยางโปเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ” ทำไมนายถึงมาเร็วขนาดนี้เนี่ย ? “
อวี่เหวินมองหยางโป ” คิดไม่ถึงเลยนะว่าพวกนายเองก็จะหาที่นี่เจอเหมือนกัน ? “
” นายรู้ได้ยังไงว่าอยู่ที่นี่ ? ” ลัวย่าวหัวถาม
อวี่เหวินก้มหน้ามองเข็มทิศที่อยู่ในมือโดยไม่ได้พูดอธิบายอะไร
ภายในใจของหยางโปยังมีคำถามเกิดขึ้นทว่าเขาก็ไม่ได้ถามอะไรอีกฝ่าย
อวี่เหวินรวมตัวเข้ากับกลุ่มของหยางโปอีกครั้ง ทว่าในครั้งนี้หยางโปรู้สึกได้ว่าต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะบ่อยครั้งที่อีกฝ่ายทำอะไรเหนือความคาดหมายของพวกเขาจนยากเกินกว่าที่จะเดาทางได้
หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินทางขึ้นไปบนเขาท่ามกลางทางราดชันที่สูงขึ้น ตอนนี้ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเพราะบางทีครั้งนี้พวกเขาอาจจะได้เจอสมบัติของอาณาจักรเย่หลางก็เป็นได้ !