เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 397
ตอนที่ 397 งูไททันโบโออา
ทุกคนเดินขึ้นเขาไปอย่างไม่หยุดพัก ในเวลาอันรวดเร็วพวกเขาก็เดินเข้ามาอยู่ในดงป่าสนเรดวูด ซึ่งภายในนี้มีทั้งเสียงนกร้อง เสียงหนูที่วิ่งเพ่นพ่านไปมาแถมยังมีเสียงของใบไม้ที่เสียดสีกัน
พวกเขาใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็ขึ้นมาอยู่บนนอดเขา ทว่ากลับไม่พบอะไรเลย
เจ้าอ้วนหลิวพูดด้วยความรู้สึกผิดหวัง ” นี่พวกเราคงไม่ได้เดาอะไรผิดไปใช่ไหม ? บางทีที่นี่อาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้นะ ที่นี่เป็นยอดเขาแล้วนะคนของอาณาจักรเย่หลางน่ะต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะอยู่บนเขาแบบนี้ได้หรอก ไหนจะของกิน ไหนจะน้ำดื่มอีก จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน ? “
โหยวเสี่ยวอู่ที่แบกอาจารย์ฉินอยู่ด้านหลัง ตอนนี้เหงื่อเปียกโชกจนเสื้อเปียกชุ่มไปทั้งตัว เขาค่อยๆนั่งลงกับพื้นด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
หลูตงซิงรีบสั่งบอดี้การ์ดอีกคนให้ไปช่วยแบกอาจารย์ฉินต่อ ในขณะที่อีกคนก็เข้าไปช่วยพยุงโหยวเสี่ยวอู่เอาไว้พร้อมกับยื่นน้ำดื่มให้กับเขา
หลังจากเรียบร้อยแล้ว หลูตงซิงก็มองไปด้านหน้า ” ใกล้ถึงยอดเขาแล้ว อากาศก็เริ่มหนาวแล้วด้วย พวกเรารีบขึ้นไปด้านบนกันเถอะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเราก็ต้องไปเห็นกับตาตัวเองให้ได้ “
ลัวย่าวหัวเอนตัวกับต้นไม้พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างจับเข่าเอาไว้ขณะที่กำลังหายใจหอบราวกับกำลังหมดแรง
หยางโปหันไปมองรอบๆ ” ที่นี่แปลกชะมัดเลยแหะอยู่ๆก็เงียบสงัด ไม่เหมือนกับด้านล่างเลย “
คำพูดของหยางโปทำให้ทุกคนเองก็มองไปรอบๆด้วยความประหลาดใจ ตอนนี้เสียงนกร้องที่เคยได้ยินได้เงียบหายไปแล้ว
” ย่าวหัวอย่าขยับ ! “
สิ้นสุดเสียงของหยางโป จู่ๆเสียงของอวี่เหวินก็ดังขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขารีบหันไปมองด้านหลังก็พบว่าบนต้นไม้ที่ลัวย่าวหัวกำลังพิงอยู่ มีงูไททันโบโออาที่กำลังเลื่อยอยู่บนต้นไม้ ปากใหญ่ๆของมันอ้าออกและอยู่ห่างจากลัวย่าวหัวเพียงไม่ถึงครึ่งเมตรเท่านั้น !
ลัวย่าวหัวเองก็พอจะรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น วินาทีที่เขาเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน ใบหน้าของเขาก็ขาวโพลนขึ้นมาในทันที
หยางโปใช้ชีวิตอยู่ภายในจินหลิงและเขาแทบจะไม่ค่อยได้เจองูเลย โดยเฉพาะงูไททันโบโออาแบบนี้และการที่เขาเห็นมันปรากฎขึ้นตรงหน้าก็ทำให้เขาเองก็ตกใจไม่น้อย ในเวลาเดียวกันเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ !
” ไม่ต้องกังวล ! อย่าเพิ่งขยับ ! ” อวี่เหวินพูดขึ้น
งูที่อยู่ด้านบนหัวลัวย่าวหัวอ้าปากกว้าง ทว่าทันใดนั้นมันก็แข็งทื่อไป
อวี่เหวินก้าวเท้าไปด้านหน้าสองก้าวก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้าลัวย่าวหัวทันใดนั้นปากของเขาก็พูดขึ้นมาว่า ” คุณและผมไม่ได้มีอะไรผิดต่อกันและกัน ดินแดนอันมีค่าแห่งนี้ไม่กล้าที่จะสังหารกันและจะไม่รบกวนคุณ ถ้าหากคุณทำร้ายพวกเรา พวกเราเองก็จะไม่ปล่อยให้คุณได้อยู่อย่างสงบเช่นเดียวกัน “
หยางโปไม่เข้าใจความหมายที่อวี่เหวินพูดแม้แต่น้อยในตอนแรก ทว่าหลังจากนั้นเขาก็เข้าใจในทันทีว่าอวี่เหวินกำลังพูดหลอกล่องูไททันโบโออาอยู่ !
งูตัวนั้นหุบปากของมันลงทว่ามันก็ยังคงเลื้อยอยู่เหนือหัวลัวย่าวหัวโดยไม่คิดที่จะหนีไปราวกับว่ากำลังลังเลอยู่
อวี่เหวินหันไปหาหยางโป ” ยังไม่รีบเอาคทาออกมาอีก ? “
” คทา ? ” หยางโปตกตะลึงทว่าเขาก็ไม่กล้าลังเลแต่รีบหยิบคทาออกมา คทาในมือของเขาที่ปรากฏขึ้นทำให้งูยักษ์ตัวนั้นเกิดความลังเลมากขึ้น
” รีบท่องบทสวดขึ้นมาสิ ! ” อวี่เหวินตะโกนขึ้น
สมองของหยางโปนึกถึงเนื้อหาขึ้นมาพร้อมกับปากของเขาที่เริ่มสวดขึ้น
งูตัวนั้นพอได้ยินบทสวดร่างของมันก็ค่อยๆสั่นในขณะนั้นท่าทางของมันก็เต็มไปด้วยความเคารพ หลังจากนั้นมันก็เลื้อยขึ้นไปบนต้นไม้เช่นเดิม
ลัวย่าวหัวยังคงยืนค้างท่าเดิมอยู่ข้างต้นไม้พร้อมกับเหงื่อที่ไหลลงมาไม่หยุด แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความเย็นเชียบที่เกิดขึ้น
ทุกคนเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ทันทีที่เห็นงูยักษ์หายไปแล้ว หยางโปก็หยุดสวดก่อนที่จะหันไปหาลัวย่าวหัว
” รีบเดินออกมาเร็วเข้าสิ ! “
ลัวย่าวหัวเห็นหยางโปพูดแบบนั้นขาของเขาก็อ่อนจนทรุดลงกับพื้นทันที !
บอดี้การ์ดสองคนรีบวิ่งเข้าไปรับตัวเขาเอาไว้ก่อนที่จะประคองเขาขึ้นมา
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ลัวย่าวหัวก็สงบสติลง ” ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว พวกเรากลับกันเถอะ “
หยางโปหันไปพูดโน้มน้าวใจลัวย่าวหัว ” ไม่เป็นไรหรอก นายอย่าออกห่างจากพวกเราก็พอแล้ว พวกเราจะถึงแล้วนะ ถ้าไม่มีอะไรพวกเราจะรีบกลับทันที ! “
ลัวย่าวหัวรู้สึกกลัวขึ้นมาจนทำให้สีหน้าของเขาในเวลานี้ดูไม่จืดเลย
หลังจากผ่านไปได้ครู่หนึ่ง อาจารย์ฉินก็มองมาที่คทาในมือของหยางโปพร้อมกับพยักหน้า ” ไม่เลวเลยนะ นี่ถ้าฉันมองไม่ผิด คทานี้คงจะเป็นของวิเศษที่ถูกส่งต่อมาจากปี้โม๋สินะ คนที่ได้ครอบครองของชิ้นนี้นี่โชคดีมากเลยนะ ไม่ต้องเก็บคทาแล้วนะ ถือไว้ในมือน่าจะดีกว่า “
อวี่เหวินหันไปมองหยางโปโดยไม่ได้พูดอะไร
หลูตงซิงเองก็มองมาที่หยางโปเช่นกันพร้อมกับความรู้สึกผ่อนคลายที่เกิดขึ้น
ทุกคนเดินขึ้นเขาไปอย่างพร้อมเพรียงกัน ในขณะที่อุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่อง ทว่าทุกคนกลับเหงื่อออกชุ่มไปทั้งตัวราวกับอากาศที่ร้อนละอุ
หลังจากเดินไปได้ครู่หนึ่งลัวย่าวหัวก็หยุดเดินอีกครั้งพร้อมกับสีหน้าที่หวาดผวา
ทุกคนรีบหันไปดูก็พบว่าลัวย่าวหัวกำลังตะโกนด้วยความตื่นตระหนก ” งู ! งู !!! “
ลัวย่าวหัวเดินอยู่ทางฝั่งขวามือและด้านข้างของเขายังมีบอดี้การ์ดอีกสองคน ทันทีที่ทุกคนมองไปตามที่ลัวย่าวหัวชี้ พวกเขาก็เห็นว่าด้านใต้ต้นไม้ทางขวามือมีงูตัวสีเขียวที่มีความยาวราวๆหนึ่งเมตรเลื้อยมาที่พวกเขาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ยอมหยุดและท่าทางของมันก็ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ลัวย่าวหัวถอยออกไปสองก้าวในขณะที่หยางโปยกคทาในมือของเขาไปที่ด้านหน้าของงูตัวนั้น
” งูเยอะมากเลย !!! “
หยางโปที่กำลังจะเริ่มสวด จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงของบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหน้าตะโกนร้องขึ้นมา
เขาเงยหน้าไปมองก็พบว่าถนนที่อยู่ด้านหน้ามีงูสิบกว่าตัวที่กำลังเลื้อยมาที่พวกเขาซึ่งมีขนาดที่แตกต่างกันออกมา ทว่าการรวมตัวของพวกมันทำให้หยางโปอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกขึ้นมา
ทุกคนรีบถอยไปด้านหลังในขณะที่อวี่เหวินตะโกนขึ้นมาว่า ” ทุกคนไม่ต้องกลัว งูพวกนี้ไม่มีพิษ ! “
แม้ทุกคนจะได้ยินว่ามันไม่มีพิษแต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายอยู่ดี
อวี่เหวินดูเหมือนว่าจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงหยิบกระดิ่งขึ้นมา หยางโปเห็นของแบบนั้นเต็มตาซึ่งมันเป็นกระดิ่งรูปร่างเหมือนกับปลัดขิก !
” กริ๊งๆๆ “
อวี่เหวินหยิบกระดิ่งขึ้นมาก่อนที่จะสั่นกระดิ่งอย่างต่อเนื่อง ทันทีที่เสียงดังขึ้นหยางโปและคนอื่นๆก็รู้สึกจิตใจสงบลงในขณะที่หันไปมองด้านหน้า
หยางโปรู้สึกว่าปลายเสื้อของเขาถูกดึง เขาหันไปดูก็พบว่าลัวย่าวหัวกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าเศร้าโศก ขณะที่ชี้ไปยังงูตัวเล็กๆที่ปรากฏขึ้นใต้ต้นไม้
หยางโปหันไปมองตามนิ้วของเขาก็พบว่ามีงูตัวใหญ่สองตัวกำลังเลื้อยมา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คืองูตัวที่เขาเพิ่งจะไล่มันไปด้วยคทาของเขา
มันดูน่ากลัวจนสติแทบจะกระเจิงไปในชั่วพริบตา !
เสียงกระดิ่งยังคงดังอย่างต่อเนื่องในขณะที่งูเหล่านั้นก็หยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ ทันใดนั้นหยางโปก็ได้ยินเสียงงูจากด้านหลังก็พบว่างูเหล่านั้นได้กลับมาอีกครั้งและเงาของงูตัวใหญ่ที่อยู่ด้านหลังต้นไม้ที่ปรากฎตัวขึ้นก็เลื้อยออกไป
ในเวลาอันรวดเร็วงูที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาก็ค่อยๆแยกย้ายออกไปและหายเข้าไปในป่าราวกับไม่เคยเกิดขึ้น !