เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 866 ลาก่อน
ตอนที่ 866 ลาก่อน
” ฉันรู้แล้ว ” อู่อีตอบรับ แล้วก้าวไปด้านหน้า
ใบหน้าที่หล่อเหลาของทานากะดูอึมครึม การดูแลต้อนรับอู่อีเป็นงานที่เขาเสนอตัวมารับผิดชอบ แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าอู่อีจะนำผู้ชายคนนี้กลับมาด้วย และปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชาแบบนี้ !
ทานากะมองไปที่หยางโปด้วยความโกรธเคือง ชายชาวจีนคนนี้ไม่ได้มีหน้าตาที่หล่อเหลาไปกว่าเขา และไม่น่าจะมีอนาคตที่ดีไปกว่าเขา ก็แค่ดูอายุน้อยกว่าเท่านั้น หรือว่าอู่อีจะชอบคนที่อายุน้อยกว่ากันนะ ?
เมื่ออู่อีขึ้นรถมา ก็หันไปกวักมือเรียกหยางโป ” นายมานั่งนี่ ! “
มีคนขับและบอดี้การ์ดที่นั่งอยู่แถวหน้าของรถ หลังจากที่ หยางโปเข้าไปนั่ง รถคันนี้จึงไม่มีที่นั่งแล้ว ทานากะโกรธมาก เพราะเขาเตรียมตำแหน่งตรงนั้นไว้ให้ตัวเอง เขาไม่คาดคิดว่าหยางโปจะขึ้นไปนั่งได้ !
ทานากะรีบวิ่งเข้าไปขับรถคิดอยากจะดึงบอดี้การ์ดออกมา แต่คิดไม่ถึงว่าอู่อีจะพูดออกมาตรงๆ
” ถ้าคุณให้บอดี้การ์ดลงจากรถ ฉันก็จะลงจากรถด้วยเหมือนกัน ! “
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทานากะก็รู้สึกอายขึ้นมาทันที ที่ถูกปฏิเสธอย่างเห็นได้ชัด เธอบอกตรงๆแบบนี้ ก็เหมือนบอกเป็นในๆว่า ฉันต้องการจะหลบเลี่ยงคุณ ! ฉันไม่ได้ชอบคุณ !
ทานากะรู้สึกว่าหัวใจแตกสลาย !
ไอดอลของทานากะคือทานิกาวะ เมื่อปีที่แล้ว เขาได้หมั้นไปแล้ว แต่ตอนนั้นที่ทานิกาวะยอมรับการเป็นพ่อลูก และตามหาลูกสาวนอกสมรสจนพบ หลังจากได้เจอกับอู่อี เขาก็วิ่งกลับไปถอนหมั้น เพื่อคิดที่จะแต่งงานกับอู่อี แต่เขาไม่คาดคิดว่าอู่อีจะหลบไปอยู่ที่อเมริกา !
การได้แต่งงานกับอู่อีคือเป้าหมายในชีวิตของเขา เพียงแค่ทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เขาถึงจะสามารถเดินตามรอยของทานิกาวะต่อไปได้ และถึงขั้นก้าวขึ้นไปถึงขั้นแบบเขาได้
ทานากะเข้าไปนั่งด้านหลังรถ หยางโปมองเห็นสีหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความอึมครึมจากกระจกมองหลัง เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า ” เธอทำให้ฉันเดือดร้อนแล้วล่ะ ! “
” อ้อ แบบนี้ถือว่าเดือดร้อนเหรอ ? ” อู่อีถาม
หยางโปพยักหน้า ” เขาเป็นเลขาของทานิกาวะ สามารถระดมทรัพยากรได้มากมาย “
พอพูดจบ หยางโปก็หันมองไปที่อู่อี ” เกรงว่าทรัพยากรที่เธอสามารถระดมได้ในตอนนี้จะไม่ดีเท่าเขา ! “
อู่อีไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแค่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ
หยางโปหยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย ถ้าบอกว่าเขาไม่เป็นกังวลนั้นคือการโกหก เมื่อคืนที่เขาไม่สามารถเข้าไปพักค้างคืนที่บ้านทานิกาวะได้ ซึ่งก็บ่งบอกถึงปัญหาที่มีอยู่ทั้งหมดของกลุ่มอินากาวะได้แล้ว
ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยต้อนรับการมาถึงของเขามากนัก ซึ่งเป็นเพราะเขายังอายุน้อยเกินไปหรือเปล่านะ ?
รถขับไปเรื่อยๆอย่างราบรื่น และใช้เวลาเพียงยี่สิบสามสิบนาทีก็มาถึง ที่นี่ไม่ได้ปลูกสร้างขึ้นมาเป็นวิลล่า แต่เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวแบบดั้งเดิมในประเทศญี่ปุ่น บ้านไม้มีพื้นที่กว้างขวางและสร้างอยู่ริมแม่น้ำ มีป่าไม้อยู่บริเวณใกล้ๆ สภาพแวดล้อมดูดีมากทีเดียว !
อู่อีเดินเข้าไปอย่างราบรื่น แต่หยางโปกลับต้องยอมให้ค้นตัว มันจึงทำให้หยางโปไม่ค่อยพอใจ
ตอนนี้อู่อีก็ได้หันกลับมามอง ” ไม่จำเป็นต้องตรวจเขา “
” คุณหนูอู่อีนี่เป็นกฎเพื่อปกป้องนายท่านทานิกาวะและทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ คุณไม่สามารถเหยียบย่ำและทำลายมันได้ตามความประสงค์ ! ” เมื่อทานากะเห็นอู่อีปกป้องหยางโปแบบนี้
ก็รู้สึกค่อนข้างโกรธและถือโอกาสตะโกนใส่อู่อี
อู่อีเงียบไปสักพัก ” ฉันจะค้นตัวเขาเอง ! “
พอพูดจบ อู่อีก็นั่งลงยองๆและหันไปตบตามตัวของหยางโป และลงมือค้นตัว ไม่นานอู่อีก็สัมผัสเข้ากับหน้าอกของหยางโป เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีกระจกอยู่ตรงนั้น เธอจึงหยุดไปพักหนึ่ง และหันมาส่งยิ้มให้หยางโป เธอพอจะเดาได้ว่าหยางโปนำกระจกแก้วเจ็ดสีมาด้วย อันที่จริงสิ่งที่
หยางโปนำมาด้วยคือกระจกแสงจันทร์ !
เมื่อทานากะเห็นการเคลื่อนไหวของอู่อี ก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ อู่อีแสดงออกอย่างชัดเจนเกินไป นี่เป็นเสมือนบอกให้ทุกคนรับรู้ว่านี่คือผู้ชายของเธอ
เมื่อตอนที่อู่อีกลับมา เหตุผลที่รายงานมา ไม่ใช่พาหมอมารักษาโรคให้ทานิกาวะ แต่บอกว่าเธอมีแฟนแล้วและต้องการพามาให้ทานิกาวะดูตัว !
นี่จึงเป็นสาเหตุของความแค้นของทานากะ เพราะเขาไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย !
หลังจากการค้นตัวเสร็จสิ้น คนอื่นๆก็ไม่รู้จะพูดอะไร จึงทำได้เพียงแค่ปล่อยตัวไป
หยางโปเดินตามอู่อีเข้าไปในห้องโถงใหญ่ จากนั้นหยางโปก็พบกับชายคนหนึ่งที่มีผมหงอกขาวและผู้หญิงวัยสี่สิบที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าโต๊ะ และกำลังดื่มชากันอยู่
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามา ทั้งคู่จึงเงยหน้าขึ้น
หลังจากถอดรองเท้าออก หยางโปก็เดินตามอู่อีเข้ามา อู่อีโค้งคำนับต่ำให้ ไม่พูดไม่จา
หยางโปจึงต้องทำตาม
ไม่คาดคิดว่าหลังจากนั้นผ่านไปนาน จะไม่มีใครพูดอะไรกันเลย หยางโปจึงเหลือบมองไปทางอู่อี แต่ก็ยังเห็นเธอโค้งคำนับอยู่ ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย มือกำหมัดแน่น หยางโปก็เข้าใจทันทีว่านี่อาจเป็นสถานการณ์ปัจจุบันของอู่อี
ทันใดนั้นหยางโปก็นึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าเขาไปที่บ้านของชุยซื่อหยวนแล้วต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน เขาจะทำยังไง ? เขาไม่มีทางทนอยู่ได้อย่างแน่นอน !
หยางโปยืดเอวขึ้นและเงยหน้ามองไปด้านหน้า
อู่อีเหลือบมองหยางโปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และค่อนข้างแปลกใจ
ทานิกาวะอายุเกือบ 50 ปีแล้วเพราะป่วยหนักเขาจึงดูอ่อนแอ สีหน้าดูค่อนข้างซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด เขามองไปที่หยางโป ” คนหนุ่มสาวไม่รู้จักกฎระเบียบ ! “
หยางโปจ้องหน้าทานิกาวะเขม็ง ” คือผมก็ไม่เข้าใจกฎระเบียบของประเทศญี่ปุ่นจริงๆ !! “
นามิภรรยาของทานิกาวะดูจะอายุประมาณสี่สิบต้นๆ ใบหน้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
จึงยังคงสวยงามและมีเสน่ห์ เธอจ้องมองไปที่อู่อี ” นี่คือลูกเขยที่เด็กนอกคอกที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนพากลับมาอย่างงั้นเหรอ ! “
เริ่มแรกหยางโปฟังไม่เข้าใจ แต่แล้วเขาก็เข้าใจ อู่อีน่าจะบอกพวกเขาว่าเธอพาแฟนกลับมา
ถึงได้ทำให้เป็นเรื่องยากขึ้นมาแบบนี้ ! นี่เป็นการทำเพื่อปกป้องเขา ถ้าบอกทานิกาวะไปตามตรงว่าเขาเป็นหมอ เกรงว่าถ้ารักษาโรคของทานิกาวะให้หายไม่ได้ สุดท้ายผลที่ตามมาจะแย่มาก !
” คุณนามิผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าแบบนี้ แล้วคุณถูกเลี้ยงดูมายังไง ? ” หยางโปกล่าว
นามิโกรธจนตัวสั่น เธอจ้องหน้าหยางโปเขม็ง ” พ่อหนุ่มถ้าคุณต้องการที่จะแต่งงานกับอู่อี
ยังไงก็ต้องผ่านฉันไปก่อน ถ้าฉันไม่เห็นด้วย พวกคุณไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้ ! “
หยางโปส่ายหน้าเล็กน้อย เขาหันไปมองทานิกาวะ จู่ๆแสงก็สว่างวาบผ่านตาไป ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น เขาสแกนดูร่างกายของทานิกาวะ หยางโปก็เห็นเนื้องอกขนาดเท่าไข่ไก่ลูกหนึ่งอยู่ในสมองของทานิกาวะ นี่น่าจะเป็นตัวการที่ทำให้ทานิกาวะป่วยหนักขึ้น !
แต่หยางโปยังคงสงสัยอยู่ ถ้าพูดกันตามในทางทฤษฎีมันสามารถทำการผ่าตัดได้ทำไมทานิกาวะไม่ทำการผ่าตัด ?
เมื่อเห็นหยางโปไม่พูดไม่จา นามิก็รู้สึกว่าเธอจี๋ถูกจุดของหยางโป ก็อดไม่ได้ที่จะพูดต่อว่า
” พ่อหนุ่ม คุณต้องจำบทเรียนนี้เอาไว้ แล้วรีบออกไปจากที่นี่ซะ… “
จู่ๆ หยางโปก็พูดขัดขึ้น ” คุณทานิกาวะมีเนื้องอกในสมองใช่ไหม ? “
ทานิกาวะที่เดิมทีกำลังฟังการสนทนาของพวกเขาอยู่ และไม่ต้องการเอ่ยปากพูดอะไร ทันใดนั้นเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของหยางโป เขาก็เบิกตาโต ชำเลืองมองไปที่อู่อี ” แกเป็นคนบอกเขาใช่ไหม ? “
อู่อีตกตะลึงตัวแข็งไปชั่วขณะ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทานิกาวะป่วยหนักเป็นอะไร !
หยางโปไม่ทันได้สังเกต จึงพูดต่อว่า “ ในเมื่อเป็นเนื้องอกในสมอง แต่คุณกลับไม่ไปที่โรงพยาบาลแล้วตัดมันออก นี่น่าจะเป็นอาการที่สุขภาพร่างกายของคุณไม่เอื้ออำนวย ทำให้ไม่สามารถรับการผ่าตัดที่มีความรุนแรงนี้ได้ ! ”
หยางโปจ้องมองทานิกาวะหน้านิ่ง เมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดเผือดของเขาและร่างกายผอมแห้งอย่างเห็นได้ชัด มันบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเนื้องอกในสมองส่งผลกระทบต่อเขามาก !