เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 888 ทางเข้า
ตอนที่ 888 ทางเข้า
หยางโปไม่สนใจ แค่เหลือบมองแล้วก็หันหน้ากลับมา ” ผู้หญิงคนนี้มีปัญหา “
ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ ใช่ ฉันก็คิดว่ามีปัญหา คนหล่ออย่างฉันไม่ตามจีบแต่มาตามจีบคนอย่างนาย ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ! ”
ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ หลังจากที่รถขับออกมาจากโตเกียว รถไม่ติด ความเร็วจึงเร็วขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นประมาณสองสามชั่วโมง หยางโปและพรรคพวกก็มาถึงจุดหมายในที่สุด
ในเวลานี้ท้องฟ้ามืดสนิทไปแล้ว จู่ๆทั้งสองก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา ไป่ฮุ่ยจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า
” พวกเรารอจนถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยขึ้นไปบนภูเขากันเถอะ ! “
หยางโปเหลือบมองไป่ฮุ่ย ไป่ฮุ่ยมีใบหน้าที่งดงาม แต่ในเวลานี้ดูเหมือนจะค่อนข้างหวาดกลัว หยางโปยิ้มและปลอบโยนไปว่า ” ไม่เป็นไรถ้าคุณกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยจริงๆ ตอนนี้สามารถถ่ายภาพของเราไว้และส่งไปให้คนในครอบครัวได้ จากนั้นก็ค่อยโทรไปหาพวกเขา “
แต่ฮวาหลิงกลับไม่ได้คิดอะไรมาก ” ไป่ฮุ่ยเธอมั่นใจได้นะ ถ้าอย่างงั้นก็ให้ฉันขึ้นไปกับพวกเขา
ส่วนเธอรออยู่ด้านล่างก็แล้วกัน ถ้าฉันไม่ลงมา เธอก็โทรไปแจ้งความกับตำรวจได้เลย ! “
ลัวย่าวหัวที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า ” อย่ามาทำเป็นเหมือนลาตายอย่างนั้น ฉันเหมือนคนเลวหรือยังไง ? มันเป็นแค่การปีนเขาในตอนกลางคืนก็เท่านั้น “
ไป่ฮุ่ยลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็พยักหน้าเห็นด้วย ” ตกลง พวกเราขึ้นไปกันเถอะ ! “
ในระหว่างที่คนสองสามคนกำลังลังเลอยู่นั้น ก็มีรถสปอร์ตสีแดงแล่นผ่านหลังพวกเขาไป
มันเป็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วคนเมื่อสักพักก่อนนั้น เธอตามมาจนถึงที่นี่จริงๆ !
หยางโปขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจ
ไม่นาน รถก็ขับขึ้นไปบนภูเขาตามเส้นทางที่ไป่ฮุ่ยบอก ไม่นานรถก็หยุดลงช้าๆบริเวณกลางภูเขา ไป่ฮุ่ยชี้ไปที่ยอดเขาและกล่าวว่า ” รถไม่สามารถขับขึ้นไปได้อีกต่อไปแล้ว พวกเราต้องข้ามภูเขาลูกนี้ไป ถึงจะเห็นหุบเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “
ในเวลานี้ท้องฟ้ามืดสนิท และมองไม่เห็นยอดเขาเลย แสงสว่างวาบผ่านตาหยางโปไป เขามองทะลุผ่านค่ำคืนที่มืดมิด ภูเขาลูกนี้ไม่ได้สูงมากนัก สูงเพียงสองร้อยเมตร ไม่นานก็ปีนขึ้นไปถึงได้
“ ที่นี่มีวัดอยู่ไหม ? ” หยางโปถาม
ไป่ฮุ่ยส่ายหัว ” ไม่มี “
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น หยางโปก็หันไปเริ่มปีนเขา การออกมาครั้งนี้ หยางโปพาบอดี้การ์ดมาด้วยหกคนเหลือไว้คนหนึ่งให้เฝ้ารถ ส่วนคนอื่นๆปีนเขาตามมาด้านหลัง
ลักษณะพื้นที่ภูเขามีความราบเรียบ แต่ใช้ได้เพียงไฟฉายส่องทางได้เท่านั้น ดังนั้นความเร็วจึงช้าลงมาก
ลัวย่าวหัวไม่ค่อยได้ออกกำลังกายบ่อยนัก ปีนเขาไปได้สักพักเขาก็เริ่มหอบอย่างระทมทุกข์
” ภูเขาลูกนี้สูงแค่ไหนกัน พวกเราจะต้องปีนไปอีกนานแค่ไหน ? “
” ร่างกายของนายนี่มันแย่เกินไปรึเปล่า ? ” ฮวาหลิงอดไม่ได้ที่จะพูดต่อว่า ” ไม่น่าแปลกใจเลยที่เห็นแต่หน้าท้องนาย ส่วนคนอื่นเขามีแต่กล้ามเนื้อกันหมด ! “
ลัวย่าวหัวรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ” ที่แท้พวกคุณชอบแบบนี้นี่เอง ถ้างั้นกลับไปผมจะไปออกกำลังกายให้พวกคุณดู ! “
หยางโปหยิบไฟฉายสองไปตรงหน้า ก็เห็นเงาคนกำลังปีนเขาอยู่ คนนั้นสวมกระโปรงสั้น พองอตัว กระโปรงก็ยกขึ้นเผยให้เห็นด้านล่างของกระโปรง พอแสงไฟฉายส่อง ก็สามารถมองเห็นได้หมด !
พอคนคนนั้นถูกไฟฉายส่อง ก็หันหน้ากลับมามอง เป็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วคนนั้น !
หยางโปรีบก้มหน้า แล้วปีนขึ้นไปต่อ
พอไป๋ฮุ่ยเห็นฉากนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ลัวย่าวหัวรู้สึกแปลกๆ “ เกิดอะไรขึ้น คุณหัวเราะอะไร ? ”
ไป่ฮุ่ยส่ายหัว ” ฉันไม่ได้หัวเราะอะไร “
ลัวย่าวหัวรู้สึกสงสัยขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นก็หันไปทางหยางโป ” มีอะไรเหรอ ? “
” หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วคนนั้นวิ่งนำหน้าพวกเราไปแล้ว ” หยางโปตอบ
” มันมีอะไรน่าแปลก เดิมทีเธอก็มาถึงก่อนเราไปก้าวหนึ่งแล้ว ” ลัวย่าวหัวพูดด้วยความแปลกใจ ในขณะที่พูดเขาก็หยิบไฟฉายขึ้นมาส่องไปด้านหน้า และตกตะลึงไปทันทีเมื่อเห็นสภาพตรงหน้า
” โรคจิต ! “
เสียงสบถด่าดังมาจากด้านบน ทำให้ลัวย่าวหัวตะลึงไปชั่วขณะ เขาได้สติกลับมาทันที และเหลือบมองไปที่หยางโป “ นายเรียนรู้จนเสียคนไปแล้วจริงๆ ! แต่ฉันชอบนะ ! ”
ลัวย่าวหัวหัวเราะฮ่าๆเสียงดัง พร้อมกับยกไฟฉายส่องไปข้างหน้าด้วย
หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้ว ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอนั่งลงบนขั้นบันไดไม่ปีนเขาขึ้นไปต่ออีก
รอจนหยางโปและพรรคพวกเดินมาถึงตรงหน้าของเธอหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วก็อดไม่ได้อีกต่อไป เธอสบถด่าคำหยาบคายออกมาว่า ” โรคจิต ไอ้นักเลงตัวเหม็น ! แอบมองใต้กระโปรงคนอื่น หมายความว่ายังไง “
ลัวย่าวหัวหน้าด้านมาก ” สิ่งที่คุณพูดมาไม่ถูกนะ คุณเดินอยู่ด้านหน้า จะไม่ให้เรามองถนนข้างหน้าเลยหรือไง ? เป็นตัวคุณเองที่ขัดต่อประเพณีและวัฒนธรรมเองที่สวมกระโปรงสั้นแบบนี้เอง จะมาตำหนิพวกเราได้ยังไง ? “
หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วก็เป็นใบ้ไปทันที ” เห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่ามันเป็นความผิดของพวกคุณ ! “
หยางโปก้มหน้ามอง เมื่อเห็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วสวมรองเท้าส้นสูง ที่ส้นสูงสิบกว่าเซนติเมตร ถ้าคิดที่จะมาปีนเขาก็คงจะลำบากมากทีเดียว
หยางโปปีนเขาต่อไปโดยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
หลังจากเดินไปได้สักพัก ลัวย่าวหัวก็หันไปส่องด้านล่าง เขาคว้าตัวหยางโปไว้ แล้วพูดว่า
” นายดูสิ นายรีบมาดูเร็วเข้า ! “
หยางโปตะลึงไปชั่วขณะ ” ดูอะไร ? “
หยางโปหันมองลงไปด้านล่าง เมื่อเห็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้ว จับคอเสื้อที่หน้าอกเอาไว้
แล้วเบิกตาโตมองมา
ลัวย่าวหัวพูดพึมพำว่า ” ให้นายรีบดู มันสายไปแล้ว ปิดไปแล้ว ยังต้องดูอะไรอีก ? “
หยางโปอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ในระหว่างที่เสียงร้องครวญคราญอยู่นั้น หยางโปและพรรคพวกก็ปีนขึ้นมาถึงบนยอดเขาในที่สุด จากนั้นก็เดินลงเขา มันจึงง่ายขึ้นมาก
ลมบนภูเขาค่อนข้างเย็น เหงื่อที่ไหลซึมออกมาตอนปีนเขา ตอนนี้เมื่อลมหนาวพัดมา จึงทำให้รู้สึกเย็นสบาย
หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่ามีป่าไผ่ผืนหนึ่งอยู่ที่ในหุบเขาตรงเชิงเขา เขาสาวเท้าเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก จนเดินห่างออกจากลัวย่าวหัวและคนอื่นๆ
ในไม่ช้า หยางโปก็มายืนอยู่หน้าป่าไผ่สีม่วง เมื่อมองไปที่ป่าไผ่สีม่วงผืนใหญ่เบื้องหน้า
เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
ป่าไผ่สีม่วงแห่งนี้ ดูเหมือนจะมีขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอล ใบไผ่และต้นไผ่เป็นสีม่วงทั้งหมด มีเสียงดังกรอบแกรบดังออกมาท่ามกลางสายลมยามค่ำคืน
แสงกระพริบผ่านตาหยางโปไป เขามองไปในป่าไผ่ม่วงอย่างระมัดระวัง
ไผ่สีม่วงที่นี่สูงมาก ไผ่สีม่วงบางต้นก็หนาพอๆกับเอวของผู้ใหญ่ หยางโปมองผ่านป่าไผ่อย่างระมัดระวังรอบหนึ่ง แต่กลับไม่ได้อะไรมาเลย !
ในที่สุดลัวย่าวหัวก็ตามมาถึงที่นี่ เขาใช้ไฟฉายส่องไปที่ป่าไผ่สีม่วง ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
“ แม้แต่ใบไผ่ก็ยังเป็นสีม่วง ! ทำไมถึงมีไผ่สีชนิดนี้ได้กันนะ ? ”
ไป่ฮุ่ยก็ตอบไปว่า ” ป่าไผ่แห่งนี้มีมาตั้งแต่ฉันยังเด็กแล้ว “
“ น่ามหัศจรรย์จริงๆ ! ” หยางโปพูดขึ้น แต่ในใจเขากลับคิดว่า ที่วัดนันเซนจิมีหญ้ามงคลพันปี สรุปแล้วมันอยู่ที่ไหนกันแน่ ? หรือว่าหมายถึงที่นี่หรือเปล่า ?
หรือว่าไผ่สีม่วงก็คือยาอายุวัฒนะพันปีใช่ไหม ?
หยางโปกำลังจะเดินเข้าไป เวลานี้หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วก็วิ่งตามมา สองมือของเธอถือรองเท้าส้นสูงไว้ เดินกะเผลกเข้ามา เมื่อเห็นว่าหยางโปกำลังจะเดินเข้าไปเธอก็รีบกรีดร้อง ” หยุดนะ ! “
หยางโปหันกลับไปมอง ก็เห็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วคนนั้นก้มตัวสวมรองเท้าและเดินเข้ามา
” ที่แท้ป่าไผ่สีม่วงที่ปรากฏอยู่ในความฝันของฉันมาโดยตลอดก็อยู่ที่นี่นี้เอง ! “
พอพูดจบ เธอก็หันไปมองป่าไผ่สีม่วงและเดินเข้าไป
หยางโปมองไปยังทิศทางที่หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วเดินเข้าไป ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น