เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 919 ฉันจะไปจินหลิง
ตอนที่ 919 ฉันจะไปจินหลิง
หยางโปยิ้มจางๆแต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
หานเสี่ยวผิงกลับตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะรู้สึกค่อนข้างอึดอัดใจอยู่บ้าง แต่เขายังหันไปมองหน้าชายหัวล้าน “ เสี่ยวกง คุณไปนั่งที่โต๊ะข้างๆนั่น !”
กงหัวล้านตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อสักครู่เขายังตั้งคําถามอยู่ คิดไม่ถึงว่าจะพลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที เขาคิดไม่ถึงว่าคุณหานจะให้เขาถอยออกมา และยังปล่อยให้เขาไปนั่งที่โต๊ะด้านข้างโดยไม่ให้เกียรติเลยแม้แต่น้อย !
หน้าของกงหัวล้านแดงระรื่นขึ้นมาทันที เขามองหน้าหานเสี่ยวผิง “ คุณหาน นี่ “
“ คุณไปนั่งที่โต๊ะนั่นซะ !” หานเสี่ยวผิงพูดต่อ
กงหัวล้านรู้สึกหน้าแตก เขาชายตามองหานเสี่ยวผิง ไม่กล้าที่จะโต้เถียง แต่กลับรู้สึกไม่พอใจ
เขายืนขึ้น มีอาการลังเลเล็กน้อยและยังถามไปว่า ” ทําไม ? เขาถือสิทธิ์อะไรมานั่งอยู่ตรงนี้กัน ? “
“ ถืออภิสิทธิ์ที่เขามีเงิน !” หานเสี่ยวผิงตะโกนเสียงดัง
พอพูดจบ น้ําเสียงของหานเสี่ยวผิงก็อ่อนลงเล็กน้อย “ คุณหยางมีบริษัทเครื่องประดับหยกมูลค่า สองหมื่นล้านหยวนอยู่ในมือ ปีที่แล้วสามสิบเปอร์เซ็นต์ของหยกคุณภาพสูงในประเทศขายจากบริษัทของเขา เขายังมีบริษัทประมูลอยู่อีกแห่ง และยังติดสิบอันดับแรกของประเทศ!ตอนนี้คุณหยางต้องการเข้าสู่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ เบื้องหลังมีกระทรวงวัฒนธรรมหนุนหลังอยู่
คุณคิดว่าผมควรเอาใจคุณหรือเอาใจคุณหยางดีล่ะ ?”
กงหัวล้านตะลึงไปชั่วขณะ เขาคิดมาก่อนว่าหยางโปต้องมีคนหนุนหลังอยู่แน่นอน แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนร่ํารวยและประสบความสําเร็จแบบนี้ !
บริษัทหยกมูลค่าสองหมื่นล้านหยวน นี่มันแนวคิดอะไรกัน ? ปัจจุบันบ็อกซ์ออฟฟิสในประเทศมีเพียงแค่เจ็ดแปดพันล้านต่อปีเท่านั้น รายได้สุทธิของหยางโปนั้นเทียบเท่ากับรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศทั้งประเทศถึงสามปีเลยทีเดียว!
กงหัวล้านถึงกับตกตะลึงช็อคไปเลยทีเดียว เขานิ่งอึ้งไปในงานและคิดที่จะเดินถอยออกมา
แต่กลับรู้สึกหน้าหงายและตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หยูกังยืนอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม เขารู้ดีว่าหยางโปเก่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของหยางโป แข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก !
ในงานเงียบกริบ กงหัวล้านยังคงเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทางด้านขวา หยูกังจึงมีที่นั่งว่างในที่สุด
แต่เมื่อนั่งลงจริงๆ เขากลับเหมือนนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีเข็มทิ่มแทง เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับหยางโป มันทําให้เขารู้สึกเงยหน้าไม่ขึ้น!
หานเสี่ยวผิงชายตามองไปทางหยางโป ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนจะไม่ได้โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เขาชายตามองหยางโป “ เมื่อเร็วๆนี้มีสื่อรายงานข่าวมากมาย อันที่จริงแล้วพวกเราอยากรู้มากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบนเครื่องบิน ? ถ้าถ่ายทําเป็นภาพยนตร์ได้ต้องเยี่ยมมากแน่ๆ !”
หยางโปหัวเราะ “ เกือบมีเหตุทําให้เครื่องบินตก เหตุการณ์จริงอันตรายมาก ถ้าใครที่นี่เต็มใจที่จะถ่ายทําจริงๆ ผมก็ยินดีที่จะจัดหาวัสดุมาให้”
เมื่อสักครู่หยางโปวางมาดนิ่งอยู่ตลอด แต่เวลานี้พอพูดคุยด้วยแล้วกลับทําให้ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่เมื่อได้ฟังเขาเอ่ยถึงเรื่องบนเครื่องบิน ทุกคนต่างก็พากันตั้งใจฟัง !
ทุกคนปฏิบัติต่อชุยอี้ผิงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ชุยอี้ผิงจะเข้าร่วมงานเลี้ยงต่างๆ แม้ว่าทุกคนจะรู้ดีว่าเขามีภูมิหลังที่แข็งแกร่งมาก แต่ใครมันจะไม่มีความสัมพันธ์กันบ้างล่ะ ดังนั้นจึงเคารพเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่แคร์มากเท่าไร แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่ามีเจ้าของเงินรายใหญ่หนุนหลังเขาอยู่ท่าทีของผู้กํากับหลายท่านก็เป็นกันเองมากขึ้นทันที !
กงเสี่ยวเจิ้งที่กําลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ เธอรู้สึกถึงว่าสีหน้าท่าทีของดาราดังที่นั่งอยู่ข้างเธอ เปลี่ยนแปลงไปทันทีอย่างเห็นได้ชัด ดาราดังหญิงที่ชื่อหลี่ดูเป็นมิตรมากขึ้น ถามเธอว่าเธอแสดงบทอะไรมาบ้าง เมื่อได้ยินว่าเธอยังเป็นมือใหม่ ก็ปฏิบัติตัวดียิ่งขึ้นไปอีก
“ เสี่ยวเจิ้ง คุณไม่ต้องกังวลไป บริษัทของคุณไม่มีศิลปินที่เซ็นสัญญาอะไรด้วย ถ้าคุณเปิดตัวครั้งแรกจะต้องเป็นดาราหญิงอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน อนาคตจะต้องโด่งดังมีชื่อเสียงมากแน่ๆ !”
กงเสียวเจิ้งรู้สึกค่อนข้างเขินอาย “ ยังไม่ทันเริ่มเลย บริษัทเพิ่งจะเริ่มโครงการเอง”
“ คุณวางใจได้ ทําไมผู้บริหารของบริษัทถึงพาคุณมาที่นี่ ? นั่นเพราะให้ความสําคัญกับคุณ
ในอนาคตคุณต้องเป็นคนสําคัญอย่างแน่นอน !”
แม้แต่ดาราสาวที่ถามเธอไปเมื่อครู่นี้คนนั้น ก็ยกแก้วไวน์เดินเข้ามาหา “ เสี่ยวเจิ้งคุณอย่าเก็บเอาไปใส่ใจเลยนะ เมื่อสักครู่ไม่มีอะไรจริงๆ หวังว่าถ้าคุณกลับไปจะช่วยพูดแก้ต่างให้สักสองสามคําคุณวางใจได้ ต่อไปในอนาคตไม่ว่าพบเจอกับเรื่องราวอะไร มาหาฉันได้ตลอด ถ้าช่วยได้ฉันก็จะพยายามทําให้ดีที่สุด !”
กงเสี่ยวเจิ้งรู้ดีว่านี่เป็นเพราะเห็นแก่หยางโป ทุกคนถึงทําแบบนี้ แม้ว่าจะรู้สึกถือสา แต่เธอก็ไม่แสดงออกเธอยกแก้วขึ้นและชนแก้วกับอีกฝ่าย
ทางด้านโต๊ะของหยางโปมีความกลมกลืนกันมากขึ้น ทุกคนตามเข้าไปรายล้อมพูดคุยกับหยางโปหลังจากผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน หยางโปก็เล่าถึงประสบการณ์ก่อนหน้านี้ให้ฟัง
จึงดูมีชีวิตชีวาขึ้น
กงหัวล้านที่นั่งอยู่ทางโต๊ะขวามือ เริ่มแรกทุกคนก็ยังเป็นห่วงความรู้สึกของเขา จึงไม่กล้าพูดเสียงดังแต่พอผ่านไปสักพักก็ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของเขาอีกต่อไป !
งานเลี้ยงครั้งนี้ ต่างฝ่ายต่างสนทนาพูดคุยกันอย่างมีความสุข
ก่อนที่จะขอตัวกลับ หยางโปและโปรดิวเซอร์สองคนได้พูดคุยกันเกี่ยวกับการลงทุนในภาพยนตร์สองเรื่อง เพราะหยางโปไม่ดื่มเหล้า เขาจึงเปลี่ยนมาดื่มน้ําผลไม้แทน ในงานก็ไม่มีใครคัดค้านสักคน
หลังจากงานเลี้ยงจบลง หยางโปและพรรคพวกทั้งสามคนได้รับนามบัตรจํานวนมากเมื่อนมานั่งในรถ หยางโปก็หันหน้าไปทางชุยอี้ผิง “ ก่อนหน้านี้ตอนที่นายมาเข้าร่วมงานเลี้ยงก็เป็นแบบนี้ใช่ไหม ? ”
ชุยอี้ผิงส่ายหน้า “ ก่อนหน้าที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง ไม่ค่อยได้พูดคุยกับพวกเขาสักเท่าไร
เพราะบริษัทมีขนาดเล็ก ! “
หยางโปช้าเลืองมองชุยอี้ผิง “ บอกตามตรงนะ ฉันไม่เคยเห็นนายทําธุรกิจมาก่อน ตอนนี้เห็นกับตาตัวเองแล้ว อันที่จริง นายไม่ได้ขาดอะไรเลย แค่นายเอาลูกท่านหลานเธอในตี้จิงมาอ้าง
ทุกอย่างก็จะราบรื่นไปได้ด้วยดี !”
ชุยอี้ผิงค่อนข้างลังเล “ ฉันขอคิดทบทวนดูอีกครั้งก็แล้วกัน”
หยางโปพยักหน้า ” เอาล่ะ นายก็ไปลองคิดดูก็แล้วกัน “
กงเสี่ยวเจิ้งที่นั่งอยู่ด้านข้าง รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
พอส่งกงเสี่ยวเจิ้งกลับที่พักแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หยางโปก็ได้รับสายจากตาอ้วนหลิว
“ นายกลับมาแล้วเหรอ ? ” ตาอ้วนหลิวถาม
* เพิ่งกลับมาได้สองวัน นายไม่ได้ดูข่าวเหรอ ? ” หยางโปถาม
ตาอ้วนหลิวส่ายหัว “ ฉันไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์เลย วันนี้พอเห็นข่าว ถึงทราบข่าวนี้ ของที่นายมอบหมายให้ฉันไปจัดการครั้งก่อน ได้มาแล้วนะ เก็บไว้ที่ฉันมันไม่ค่อยปลอดภัยนายจะเอามันไปเลยไหม ? ”
สิ่งของที่หยางโปนํากลับมาจากญี่ปุ่นและอเมริกาไม่เหมาะที่จะเปิดเผย ดังนั้นเริ่มแรกเขาจึงมอบหมายให้สมาคมอินากาวะช่วยเขาส่งของกลับมาทางน้ํา แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้
“ นายเก็บมันไว้ให้ฉันก่อน แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปเอา ” หยางโปพูด
ตาอ้วนหลิวพยักหน้า ” ก่อนหน้านี้ฉันได้โทรหาลัวย่าวหัว ฉันรู้เรื่องของอวี่เหวินแล้ว ในเมื่อเขายินยอมที่จะทําแบบนั้น มันต้องมีเหตุผลสําหรับตัวเขาเองแน่ๆ นายก็อย่าไปคิดมาก ”
หยางโปพยักหน้า ” ไม่ต้องกังวลไป ฉันเข้าใจเขา”
“ พรุ่งนี้นายมีเวลามารับของไหม ? ” ตาอ้วนหลิวถาม
หยางโปลังเลเล็กน้อย “ พรุ่งนี้นายว่างไหม ? นายส่งมาเลยก็ได้ ฉันไม่ไปหาแล้ว ”
“ ทําไม ? นายยุ่งอยู่เหรอ ? ” ตาอ้วนหลิวถาม
หยางโปมีอาการลังเลเล็กน้อย “ ฉันว่าจะไปที่จีนหลิงสักหน่อยนะ ว่าจะไปเยี่ยมใครซักคน”
* ไปหาสาวสวยใช่ไหม ? ถ้านายตอบว่าใช่ ฉันจะรีบไปเมืองหลวงเอาไปส่งให้ที่บ้านพรุ่งนี้เลย ! ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
หยางโปตอบทันที “ ใช่ ! ”