เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 933 งานประมูล
ตอนที่ 933 งานประมูล
หยางโปพบว่าการที่ตัวเองรับโจวซินเอาไว้มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ผู้ชายคนนี้ปากมากเกินไป ตั้งแต่เริ่มกินข้าวเช้าเขาก็ไม่หยุดพูดเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างที่โจวซินพูดก็กินข้าวไปด้วย แต่ก็ยังพูดเป็นต่อยหอย มันน่าทึ่งมากจริงๆ !
ในไม่ช้า หยางโปทั้งสามก็ขึ้นรถและรีบไปที่ชุมนุมยุทธภพ
หยางโปและหลูตงซิงคุยกันเรื่องชุมนุมยุทธภพ ในขณะที่โจวซินที่นั่งอยู่ข้างคนขับ จู่ๆก็หันหน้ากลับมา “ โอ้ ชุมนุมยุทธภพเป็นเพียงองค์กรขนาดเล็กที่แยกตัวฝึกบําเพ็ญเพียรกันเอง มันไม่ได้มีอิทธิพลอะไรมากนัก !”
หลูตงซิงถึงกับตกใจไปทันที แต่เมื่อเขานึกถึงท่าทีที่เคารพนอบน้อมของเสวียนจงเมื่อวาน
ถ้าเป็นอย่างนั้น หยางโปก็ต้องเก่งกว่าคนพวกนั้น ที่โจวชินพูดมาแบบนี้ ก็ไม่อาจจะปฏิเสธว่าไม่ดีทั้งหมดได้ ยังถือว่ามีดีอยู่บ้าง
หยางโปกลับโบกมือและเอ่ยขึ้น “ จะประมาทพวกเขาไม่ได้ เพราะคนที่สามารถตัดเหล็กได้ล้วนเป็นคนนอก คนที่มีความสามารถจริงๆน่าจะอยู่ในบัญชีรายชื่อของชุมนุมยุทธภพแล้ว”
โจวซินยังคงทําท่าเอ้อระเหยลอยชาย “ ใช่ว่าผมจะดูถูกคนพวกนั้นหรอกนะ แค่คุณคนเดียวก็สามารถจัดการพวกเขาทั้งหมดได้แล้ว !” ได้ยินแบบนั้นหยางโปขมวดคิ้ว ไม่ได้สนใจเขาอีก
ไม่นาน ทั้งสามคนก็มาถึงสถานที่จัดงาน และยังไม่ทันที่จะแสดงบัตรเชิญ เสวียนจงก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว ” ศิษย์พี่หยาง ศิษย์พี่หลู ยินดีต้อนรับ ! บัตรเชิญไม่ต้องแล้ว !
หยางโปและทั้งสามเดินตรงเข้าไปข้างใน เสวียนจงเหลือบมองไปทางโจวซิน และพบว่าชายชุดเต๋าเขียวค่อนข้างคุ้นตา จู่ๆก็นึกถึงชายคนเมื่อวานออก เขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับทันที
แต่ในเมื่อโจวซินมากับหยางโป เสวียนจงจึงพูดได้เพียงไม่กี่คํา “ ท่านนี้คือ ? “
โจวซินดูค่อนข้างภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด “ เมื่อวานคุณไม่ให้ผมเข้าไปไม่ใช่เหรอ ? วันนี้ก็ยังตามเข้ามาแล้วไง? ”
หยางโปตบไหล่เขาและหันไปอธิบายกับเสวียนจงว่า “ เขามากับผม เมื่อวานเขาอยากจะลองดูด้วยตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่าจะไม่ผ่านการทดสอบ
เสวียนจงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มในทันที ” ที่นี่มีเทคนิคเล็กๆน้อยๆบางอย่างอยู่จริงๆ แต่สําหรับศิษย์พี่หยางแล้ว ฝีมือสูงส่งแบบนี้ไม่ควรที่จะกล่าวถึง”
หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ แต่กลับไม่ได้เอ่ยถามอะไรมาก
ไม่นาน ก็ผ่านลานบ้านมา และผ่านป่าไผ่แห่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงเสียดสีซูซ่าของใบไผ่ พวกเขาทั้งหมดก็มาถึงที่สวนด้านหลัง ที่นี่มีห้องประชุมขนาดใหญ่อยู่ ด้านในยังคงเป็นแบบโบราณ เฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานี ภาพวาดโบราณและตัวอักษรโบราณ ในห้องประชุมมีเก้าอี้วางอยู่หลายสิบตัว
ตอนที่หยางโปและคนอื่นๆเข้ามา ก็มีคนนั่งอยู่ในห้องโถงแล้ว 20-30 คน ท่ามกลางพวกเขา
มีคนรู้จักสวมชุดฉางเผ่า เมื่อทุกคนได้ยินเสียงจึงหันหน้ากลับไปดู เมื่อเห็นโจวซินเดินนําคนเข้ามาด้วยตัวเอง บางคนก็ถึงกับแสดงสีหน้าอดแปลกใจไม่ได้
เสวียนจงเป็นประธานใหญ่ของชุมนุมยุทธภพ เขามีฐานะไม่ธรรมดา แต่ต่อหน้าชายหนุ่มกลับแสดงอากัปกิริยาแบบนี้ มันทําให้รู้สึกตกใจจริงๆ!
ชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร ?
เมื่อโจวซินเห็นว่าทุกคนต่างหันมองมา เขาก็รีบเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหยางโป และแสร้งทําเป็นก้มหน้าประสานมือคารวะให้กับทุกคน ” คารวะเต๋าโยวทุกท่าน!”
“ คารวะเตโยว !” ชายชราที่สวมชุดเต๋สีเทาแบบเขาหันมาแสดงคารวะตอบเขา
หยางโปมองดูฉากนี้ ก็อดที่จะรู้สึกขําไม่ได้ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในงานล้วนแต่งกายด้วยชุดสมัยใหม่ พิธีกรรมโบราณ และการเรียกขานกันแบบนี้ ดูค่อนข้างต่างไปจากพวกเดียวกันเด่นชัดไปหน่อยไหม
เสวียนจงชายตามองโจวซินอย่างช่วยไม่ได้และหันไปแนะนําให้ทุกคนรู้จัก ” สามคน นี้เป็นเพื่อนร่วมฝึกวรยุทธที่มาใหม่โดยเฉพาะหยางเต๋าโยว ที่ฝึกฝนบําเพ็ญมาอย่างไม่ธรรมดา“
เพราะโจวซินมายืนอยู่ด้านหน้า ทุกคนเลยคิดว่าโจวซินคือหยางเต๋โยว ดังนั้นจึงมุ่งความสนใจไปที่เขา
หยางโปหัวเราะเยาะเบาๆแต่ไม่ได้อธิบายอะไรมาก แต่กลับมองหาที่นั่งกับหลูตงซิงและพากันนั่งลง
โจวซินโบกมือให้ทุกคนโดยไม่สนใจคนอื่น ทําราวกับเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ผ่านไปสักพัก
ถึงได้นั่งลง และหันไปกระซิบกับหยางโป “ คนพวกนี้กระตือรือร้นกันมากจริงๆ คุณว่าพวกเขาคิดว่าผมเก่งมากใช่ไหม !”
หยางโปอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองโจวซิน “ ใช่ คุณเพิ่งรู้ตัวเหรอ?”
โจวซินค่อนข้างหลงตัวเอง “ ที่แท้คุณก็รู้เหมือนกันเหรอเนี่ย !”
หลูตงซิงสกิดหยางโปแล้วกระซิบเสียงเบา “ คนคนนี้เป็นใครกันแน่ ?”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่ต้องไปสนใจเขามาก”
หลูตงซิงพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก
ไม่นานก็มีอีกหลายคนเข้ามา เสวียนจงก็เดินขึ้นไปบนเวที จากนั้นเขาก็หันไปโก้งคํานับให้ทุกคนและกล่าวออกมาว่า “ ขอบคุณเต๋าโยวทุกท่านที่มาร่วมงาน การประมูลประจําปีของชุมนุมยุทธภพได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง จุดประสงค์หลักของงานประมูลคือ เพื่อให้ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนสื่อสารกัน ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเองไม่มีและร่วมกันพัฒนา การฝึกฝนของตนเองในยุคที่ใกล้จะถึงการสิ้นสุดนี้”
“ กฎของการประมูลง่ายมาก ในงานส่วนใหญ่แล้วเป็นเพียงคนธรรมดา บางคนต้อง การสมบัติ และมีบางคนที่ต้องการเงิน ทุกคนนําสิ่งของของตัวเองออกมา และเลือกในสิ่งของที่ตัวเองอยากได้ แล้วเสนอราคาร่วมกัน คนที่ประมูลได้ราคาสูงที่สุดก็เอาของไป”
พอพูดจบ เสวียนจงก็ก้มมองลงไปที่ผู้คนด้านล่าง “ มาเริ่มกันที่หลิวเต๋โยวกันก่อนนะ !”
เสวียนจงเดินลงจากเวที ต่อมาก็มีผู้เฒ่าผมหงอกวัย 70 ปีคนหนึ่งเดินขึ้นเวที เขาสวมชุดจ งซานจวงแบบเก่า มีใบหน้าดําถมึงทิ้ง ดูค่อนข้างล้าสมัย เมื่อเดินขึ้นไปบนเวที ก็ดูค่อนข้างเฉี่อยชาอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเขาก็เหลือบมองลงมาด้านล่างเวที
“ นักพรตเฒ่าฝึกวรยุทธมาก็ห้าสิบกว่าปีแล้ว ห้าสิบปีมานี้ สุขุมรอบคอบและมีความระมัดระวัง พากเพียรฝึกฝนทุกวันไม่มีหยุด หวังว่าสวรรค์ย่อมตอบแทนคนขยันหมั่นเพียร ในช่วง 20 ปี เริ่มแรก ทุกวันนักพรตผู้เฒ่าจะมีความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมานี้ พลังเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ การฝึกฝนบําเพ็ญจึงยากที่จะพัฒนา ทําให้นักพรตเฒ่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแต่งงานมีลูก”
“ หลังจากมีภรรยาและลูกชายแล้ว นักพรตเฒ่ารู้สึกว่าชีวิตในโลกนี้น่าเบื่อเกินไป จึงเลือกที่จะหย่าขาดกับภรรยาและเดินทางเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาลึก และเริ่มฝึกฝนอีกครั้ง วันนี้สามสิบปีมาแล้ว นักพรตเฒ่าก็ยังไม่คืบหน้า จึงกลับมาที่บ้าน ภรรยารูปร่างหน้าตาแก่ชราไปแล้ว
และบรรดาลูกๆต่างก็โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว”
“ นักพรตเฒ่ามีความรู้สึกลึกๆคิดว่าการฝึกฝนบําเพ็ญเพียรเป็นอันตรายต่อผู้คน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการส่งต่อวรยุทธให้คนรุ่นหลัง แค่เพียงหวังว่าวรยุทธนี้จะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้สักเล็กน้อย เพื่อเลี้ยงดูลูกๆและชดเชยให้คนในครอบครัว”
มีเสียงถอนหายใจดังออกมาจากในงาน หลายคนต่างมีประสบการณ์ที่ผ่านมาเหมือนนักพรตเฒ่า ฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายสิบปีต่างก็ไม่มีความก้าวหน้า ในระหว่างนั้นก็พบเจอแต่กับความยากลําบากที่เหนือบรรยายจริงๆ
หยางโปขมวดคิ้ว เขาจ้องมองหลิวเต๋าโยว และสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายแค่น่าจะเข้าสํานักมา
และมีความรู้สึกว่าพลังไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขา แค่สามารถฝึกฝนสมรรถภาพทางกายได้ก็เท่านั้น จึงทําให้เขาฝึกฝนได้แค่ผิวเผิน !
เสวียนจงเดินไปที่ด้านหน้าเวที เพื่อชมวิธีการฝึกวรยุทธแล้วรับช่วงต่อ “ หลิวเต๋าโยวประมูล ขาย วรยุทธ (คัมภีร์มวยไทเก๊ก) แลกเปลี่ยนกับเงินสด ไม่ทราบว่าเต๋โยวท่านใดสนใจ !”
ทันทีที่เสวียนจงพูดออกมา หยางโปก็สัมผัสได้ว่าหลูตงซิงที่อยู่ข้างๆเขาหายใจแรง หลูตงซิง อายุไม่น้อยแล้ว และเขาก็ต้องการฝึกวรยุทธมาโดยตลอด แต่หยางโปไม่สามารถถ่ายทอดวรยุทธ
ให้เขาได้ ตอนนี้เมื่อมีวรยุทธอยู่ตรงหน้า เขาจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง !
โจวซินเหลือบมองมาแล้วเบะปาก แต่กลับไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
“ หนึ่งล้าน ! ” หลูตงซิงเสนอขึ้นมาก่อน
“ หนึ่งล้านห้า !”
” สองล้าน ! “
ราคาในหน้างาน ดูค่อนข้างปั่นปวน หยางโปจ้องมองวรยุทธที่อยู่บนเวที จากนั้น แสงก็สว่างวาบผ่านตาไป ทะลุผ่านกระดาษทําให้เขามองเห็นเนื้อหาที่อยู่ด้านใน อันที่จริงแล้วข้างในเป็นเพียงวิธีการฝึกวรยุทธแขนงหนึ่ง มันเป็นเพียงแค่การฝึกระดับเบื้องต้น และมันไม่สามารถฝึกฝนถึงระดับสูงได้
แต่วรยุทธแบบนี้ก็เพียงพอสําหรับหลูตงชิงแล้ว!