เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 943 ผมเป็นคนขับรถของเขา
ตอนที่ 943 ผมเป็นคนขับรถของเขา
หยางโปเปิดเผยชื่อที่แท้จริงของตัวเอง ดูเหมือนจะกระตุ้นความทรงจำของทุกคน เถ้าแก่ทั้งสี่คนในงาน คิดไม่ถึงว่าจะมีสามคนที่จำเขาได้คลับคล้ายคลับคลา
พวกเขาชักชวนหยางโปพูดคุยเรื่องวัตถุโบราณ และพูดคุยกันถึงงานประมูลของจินหลิงชุน
ถ้าตามที่ชุยอี้ผิงคาดการณ์ไว้ งานเลี้ยงครั้งนี้ น่าจะเจอเข้ากับปัญหาบางอย่าง เขาลากหยางโปมาด้วย ก็เพื่อที่อยากจะให้เขาได้เห็นว่างานแบบนี้มันไม่ได้ง่ายดาย แต่ไหนเลยคาดไม่ถึงว่า
หยางโปเพิ่งมาถึงก็จะได้รับการต้อนรับที่ดีเอามากๆ โดยเฉพาะอย่ายิ่ง สีหน้าท่าทีของเถ้าแก่พวกนี้ที่กระตือรือร้นกันมาก
หยางโปถือโอกาสนี้เสนอจุดประสงค์ของความร่วมมือ และก็ไม่ได้มีอุปสรรคมากนัก พวกเขาพากันตอบตกลงด้วยดี
หลังจากดื่มเหล้าไปสองสามแก้ว ก็มีคนหนึ่งใช้โอกาสนี้เอ่ยปากถาม ” เถ้าแก่หยาง พวกเราอยากรู้จริงๆวัตถุที่แท้จริงของโรงประมูลจินหลิงชุนมีอัตราส่วนอยู่ที่เท่าไร ? ถ้าเทียบกันแล้วพวกเราก็ถือได้ว่าเป็นลูกค้าที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้ ”
หยางโปหัวเราะ “ ถ้าบอกคนอื่นผมขอพูดเลยว่า 100% แน่นอน แต่มีบางเรื่อง พูดไปตามจริงมันก็ไม่เห็นเป็นไร มันก็เป็นแบบเดียวกับการประมูลที่สำคัญในช่วงฤดูใบไม้ผลิและการประมูลในฤดูใบไม้ร่วง มันจะไม่มีของปลอมอยู่เลย เพราะผมจะรีบกลับไปดำเนินการประเมินพิสูจน์และยืนยันด้วยตนเอง ”
“ แบบเดียวกับการประมูลในเวลาปกติทั่วไป โดยพื้นฐานแล้วจะไม่มีของปลอม ของหนึ่งในร้อยชิ้นสามารถเลือกของปลอมขึ้นมาได้สักชิ้น ถือว่าร้ายแรงมากแล้ว หากพวกคุณโชคร้ายขึ้นมาจริงๆ และซื้อได้ของปลอมก็ไม่ต้องบ่น แค่กลับมาหาผมรับรองว่าจะรับคืนสินค้าให้ ! ”
“ เถ้าแก่หยาง ช่วงนี้ผมคิดที่จะซื้อผลงานภาพวาดของจิตรกรหมิงและชิงเพื่อนำไปเป็นของขวัญ ไม่ทราบว่า เถ้าแก่หยางพอจะแนะนำให้ผมสักชิ้นได้ไหม ? ” ในที่สุดเถ้าแก่คนนั้นก็เปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาออกมา
“ ได้สิ พรุ่งนี้พวกเราไปที่นั่นด้วยกัน ” หยางโปยิ้มพร้อมกับตอบกลับไปด้วย
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งงานเลี้ยงจบลง แต่ก็ยังมีคนมาถามคำถามกับหยางโปอยู่
เมื่อเดินออกจากโรงแรม ชุยอี้ผิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ นี่มันอะไรกัน ? ทำไมพอฉันแนะนำนายให้คนอื่นรู้จัก ก็มักจะมีคนมาพูดคุยกับนาย ตอนที่คนอื่นแนะนำฉัน ทำไมไม่มีใครเหลียวแลฉันเลย ? ”
หยางโปอดหัวเราะไม่ได้ “ เพราะชื่อเสียงของนายยังไม่โด่งดังพอไง ฉันเคยเปิดร้านวัตถุโบราณในจินหลิง ตอนนี้ก็ยังมีโรงประมูลอยู่อีกแห่งหนึ่ง และยังเคยได้เข้าร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการพิสูจน์ยืนยันของเก่ามาก่อน ถือว่ามีชื่อเสียงมากในวงการ แล้วนายคิดว่าตัวเองจะมีชื่อเสียงอะไรบ้างล่ะ ? ”
ชุยอี้ผิงนิ่งอึ้งไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า ” ช่างเถอะ ฉันไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ”
หยางโปยิ้มและกล่าวว่า “ ใช่ รอเมื่อนายมีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ก็จะเป็นเหมือนฉันเองนั่นแหละ เดี๋ยวก็มีคนมาล้อมหน้าล้อมหลัง และมีคนเต็มใจเคารพและศรัทธานายเองนั่นแหละ ”
เมื่อกลับมาถึงที่ชั้นล่างของตึกที่พัก ทั้งสองกำลังจะขึ้นไปชั้นบน จู่ๆ ก็มีผู้หญิงชุดขาววิ่งพรวดมาหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน ชุยอี้ผิงถึงกับตกใจจนใจตกไปอยู่ตาตุ่ม ” ผีหลอก ! “
ทางหยางโปเห็นหน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจนแล้ว นั่นคือผู้หญิงที่ชื่อเหอจี ที่เขากับหลูตงซิงเคยเจอเมื่อช่วงเช้า
ผู้หญิงคนนั้นสวมเสื้อและกระโปรงสีขาว แต่งหน้าอ่อนๆ เธอดูเขินอายเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะทำให้ชุยอี้ผิงตกใจกลัว
“ คุณกำลังรอหลูตงซิงอยู่ใช่ไหม ? เขาไม่อยู่ที่นี่กับผม ปกติก็จะไม่มาที่นี่ ผมคิดว่าคุณคงตามหาคนผิดแล้ว ” หยางโปพูด เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายอยากที่จะสัมภาษณ์หลูตงซิง เกรงว่าอยากจะหว่านเสน่ห์หลูตงซิงซะมากกว่า !
เหอจีรีบเอ่ยออกมาทันที “ สวัสดีค่ะ ฉันไม่ได้คิดที่จะมาหาคุณหลู แต่ฉันอยากมาพบคุณ ตอนเช้ารีบร้อนเกินไปหน่อย ลืมถามชื่อคุณไปเลย ”
หยางโปส่ายหัว “ ไม่จำเป็น ผมไม่จำเป็นต้องตอบ และอีกอย่างคุณก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้ ถ้าอยากรู้อะไร ให้ไปถามหลูตงซิงเอาดีกว่านะ ”
เหอจีถูกหลูตงซิงปฏิเสธมาแล้วในช่วงเช้า และเธอรู้สึกว่าทนหน้าด้านอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว สำหรับผู้หญิงที่หน้าตาสวยอย่างเธอ ปกติถ้าเอ่ยปากที่จะขอสัมภาษณ์ใคร ไม่มีทางที่จะถูกปฏิเสธแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่า เธอถูกหลูตงซิงปฏิเสธไปเมื่อช่วงเช้า ครั้งหนึ่งไม่ว่า แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะถูกหยางโปปฏิเสธอีกครั้ง !
“ คุณผู้ชาย คุณคิดว่าถ้าฉันตามหาคุณหลูพบ ยังจะต้องมาหาคุณอีกไหม ? ” น้ำเสียงของเหอจีดูค่อนข้างแข็งกระด้างเวลาพูด
ชุยอี้ผิงเดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าโมโหอยู่ไม่น้อย “ นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย ? เธอเป็นใครอีก ? ”
หยางโปชี้ไปทางเหอจี “ เธออยากมาดักรอหลูตงซิง เมื่อช่วงเช้าหลูตงซิงมีธุระมาหาฉัน
พอดีเจอกับเธอเข้าโดยบังเอิญ ดังนั้นคืนนี้จึงมาดัดรอพบเขาเป็นการเฉพาะ ”
ชุยอี้ผิงถอนหายใจอย่างโล่งอก “ ทำเอาฉันตกใจหมดเลย ฉันนึกว่าเจอผีซะอีก ! หลูตงซิงก็จริงๆเลย แล้วเธอมาหาเขาทำไม ? ”
“ ฉันจะมาสัมภาษณ์เขา ? คุณช่วยฉันติดต่อหาเขาได้ไหม ? ” เหอจีหันไปชายตามองชุยอี้ผิงและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ ผมไม่รู้จักเขาหรอก คุณไปหาหยางโปเถอะ พวกเขาสนิทกันมาก พวกเขาร่วมหุ้นทำธุรกิจด้วยกัน ผมเป็นเพียงคนมาทำงานให้เขาเท่านั้น ! ” ชุยอี้ผิงกล่าว
พอพูดจบ ชุยอี้ผิงก็หันไปพูดกับหยางโป “ ฉันจะขึ้นไปบนตึกแล้ว นายเคลียร์เรื่องให้จบล่ะ ”
ชุยอี้ผิงจากไปโดยไม่มีความภักดี ทิ้งหยางโปให้เผชิญหน้ากับเหอจีคนเดียว
เหอจีดูเหมือนจะค่อนข้างโกรธ “ ทำไมคนอย่างพวกคุณถึงทำแบบนี้ ? มันก็แค่ช่วยทิ้งช่องทางการติดต่อให้ฉันเอง ? แค่ฉันติดต่อหลูตงซิงได้ ฉันก็ไม่มีทางตามตื้อคุณแน่ๆ ”
หยางโปส่ายหน้า หันหลังเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างรวดเร็ว
เหอจีมองตามหลังหยางโป จู่ๆก็นึกนึกถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของชุยอี้ผิงขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าเธอเกือบจะมองข้ามเศรษฐีอีกคนไป หยางโปกับหลูตงซิงเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจด้วยกัน
นั่นก็หมายความว่า หยางโปร่ำรวยเกือบจะพอๆกับหลูตงซิง มันเพียงพอที่จะบ่งบอกถึงความร่ำรวยของเขาได้แล้ว
“ คุณหยาง คุณหยาง ช้าก่อน ! ” เหอจีวิ่งตามไป
หยางโปยืนอยู่ในลิฟต์ และหันไปส่งยิ้มให้คนที่อยู่ด้านนอกเล็กน้อย จากนั้นก็กดปุ่มสวิตซ์ปิด ประตูลิฟต์ทั้งสองบานก็ปิดตัวลงอย่างช้าๆ
เสียงดัง “ ติ้ง ” หยางโปเห็นประตูลิฟต์ที่กำลังปิดลงช้าๆหยุดชะงักลง ร้องเท้าส้นสูงสีแดงข้างหนึ่งกำลังถูกประตูลิฟต์หนีบเข้าให้
ประตูลิฟต์เปิดออก หยางโปก็เห็นเข้ากับใบหน้าหนึ่งที่แสนจะเจ็บปวด เวลานี้เขาจึงไม่สะดวกที่จะกดปิดประตูลิฟต์ลงอีกครั้ง จึงทำได้เพียงกดสวิตซ์เปิดประตูค้างไว้ “ คุณผู้หญิง คุณตามผมมามันก็ไม่มีประโยชน์ คุณพักอยู่ชั้นไหน พวกเราขึ้นไปพร้อมกันไหม ? ”
เหอจีจ้องหน้าหยางโปตาเขม็ง และเกือบที่จะสบถด่าออกมา เมื่อตะกี้เป็นเพราะคุณปิดประตูใส่ ไม่อย่างนั้น เท้าของฉันก็คงไม่ถูกหนีบหรอก !
แต่ยังไงซะ เหอจีก็ไม่ได้ด่าออกมา เธอมองหยางโปขึ้นลงอย่างพินิจพิเคราะห์ จากนั้นก็ก้าวไปด้านหน้าสองก้าว เพื่อหยุดประตูลิฟต์ไว้ และเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ คุณหยาง ฉันขอสัมภาษณ์คุณได้ไหม ? ”
“ จะสัมภาษณ์ผม ? ผมไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม ? ” หยางโปรู้สึกแปลกใจไม่น้อย “ คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร ? ”
“ คุณคือหยางโปไง ! ” เหอจีตอบ “ คุณกับเถ้าแก่หลูร่วมหุ้นทำธุรกิจด้วยกัน ต้องเก่งมากเหมือนกันแน่นอน ! ”
หยางโปยิ้ม “ คุณผู้หญิง ผมคิดว่าคุณคนไม่รู้สถานะของผม ผมก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรที่พอจะให้สัมภาษณ์ได้ ต่อให้มาสัมภาษณ์ผม คุณก็น่าจะไม่รู้ว่าควรจะถามปัญหาอะไรดี ”
เหอจีดูไม่ค่อยจะเชื่อ “ จะเป็นไปได้ยังไง ? ถ้าอย่างนั้นคุณบอกมาได้ไหม คุณกับหลูตงซิงทำธุรกิจอะไรร่วมกัน ? ”
หยางโปหัวเราะดังขึ้น “ ผมเป็นเพียงคนขับรถของหลูตงซิงเท่านั้น ”