เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 967 ตําราลับบนชั้นหนังสือ
ตอนที่ 967 ตําราลับบนชั้นหนังสือ
พ่อหยางค่อนข้างจะตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด และได้อธิบายว่า “ หยางโปมักจะไม่คำนึงถึงพิธีเล็กๆน้อย เขาเป็นคนที่ไม่ใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆในชีวิตมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นห้องจึงรกมาก เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณเข้าไปดู ”
โจวซินรีบตามพ่อหยางและเสวียนจงไปอย่างกระตือรือร้น ถึงแม้เสวียนจงจะดูแปลกๆ แต่ก็ยังเดินตามไป
ไม่นาน พ่อหยางก็พาทั้งสองคนมาถึงที่ห้องหนึ่ง จากนั้นเขาก็ชี้เข้าไปข้างในแล้วพูดว่า “ นี่ไง ”
โจวซินพยักหน้าและผลักประตู ทันทีประตูเปิดออก เขาก็ถึงกับหน้าหงาย เพราะเขาได้กลิ่นเท้าเหม็นฉุนลอยปะทะเข้าจมูกมา นี่มันสถานที่อะไรกัน ? ที่ที่คนอยู่หรือเปล่า ?
พ่อหยางที่ยืนอยู่ข้างๆดูเหมือนก็จะได้กลิ่นเช่นกัน เขาหันหน้ากลับมาถลึงตาใส่หยางหลาง
จากนั้นก็มองไปที่โจวซินอีกครั้งแล้วอธิบายด้วยรอยยิ้มไปว่า “ เสี่ยวโปเจ้าเด็กคนนี้ ไม่คำนึงถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เรื่องเล็กน้อยพวกนี้เขาไม่เคยใส่ใจกับมันเลย ”
โจวซินหันมาพยักหน้าให้พ่อหยาง ” นี่แหละคนที่ทำการใหญ่ได้ ! ”
พ่อหยางพยักหน้าลงซ้ำๆ เห็นด้วยเป็นอย่างมาก “ ใช่ อย่ายึดติดกับเรื่องเล็กน้อยๆ คนแบบนี้ถึงจะทำการใหญ่ได้ ! ”
เสวียนจงยืนอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วขึ้น ? ไม่คำนึงถึงเรื่องเล็กน้อยๆ ? นี่มันปัญหาเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคลนะ คนที่สกปรกเลอะเทอะแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าพ่อหยางจะพูดซะสวยหรูว่าไม่ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยๆ ทำให้รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยจริงๆ
โจวซินกลั้นหายใจเดินเข้าไป ห้องนี้ดูไม่ใหญ่ นอกจากเตียงหลังหนึ่งแล้ว ยังมีโต๊ะอยู่ตัวหนึ่ง
บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์อยู่เครื่องหนึ่ง ตรงบริเวณผนังมีชั้นวางหนังสือบนชั้นวางหนังสืออยู่ตัวหนึ่ง มีเพียงหนังสือไม่กี่เล่มวางอยู่บนชั้นวางหนังสือเท่านั้น และยังมีสิ่งของหลายอย่างวางอยู่
โจวซินรู้สึกสงสัยมาก จึงเดินไปที่ชั้นหนังสือ เขาดูหนังสือสองสามเล่มนั้นก่อน แม้ว่าจะไม่อยากเชื่อว่าหยางโปจะเก็บตำราลับของเขาไว้ที่นี่ แต่โจวซินก็ยังสำรวจดูอย่างละเอียด
มองแค่เพียงแวบเดียว โจวซินก็ตะลึงนิ่งเงียบไป หนังสือเล่มแรกคือ ( หวงตี้เน่ยจิง ) คัมภีร์ทางการแพทย์และสมุนไพรของจีน
เล่มที่สองคือ ( รูปภาพภายใน ) เล่มที่สามคือ ( บุปผาในกุณฑีทอง ) เล่มที่สี่คือ ( สุยหู่จ้วน )
โจวซินคิดอย่างรอบคอบ จากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบ ( รูปภาพภายใน ) ขึ้นมา เขารู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นตำราลับในการฝึกฝนของหยางโป ภาพภายในน่าจะเป็นเส้นชีพจรภายในร่างกาย หนังสือเล่มนี้น่าจะพูดถึงหัวข้อการไหลเวียนของพลังลมปราณ
หยางหลางที่ยืนอยู่ข้างหลังพ่อหยาง ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อเห็นโจวซินกำลังจะหยิบหนังสือไปจริงๆ จึงยื่นมือออกมาห้ามโจวซินเอาไว้ !
พ่อหยางกลับคว้าแขนของเขาไว้ และหันไปจ้องหน้าเขา !
หยางหลางอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกลืนมันลงท้องไป เขาเลยทำได้แค่มองดูเท่านั้น
พ่อหยางกลับถลึงตาใส่ เหมือนจะไม่ยอมให้เขาพูดออกมาง่ายๆ และยิ่งไม่ยอมให้เขาปริปากพูดอะไร หยางหลางทำได้เพียงเบิกตาโตมองโจวซินเท่านั้น
โจวซินหยิบ ( รูปภาพภายใน ) ขึ้นมาพลิกดู พลิกได้เพียงสองหน้าเท่านั้น เขาก็ถึงกับอึ้งไปเลยเพราะเขาเห็นคนเปลือยกายสองคนต่อสู้กันอยู่ข้างใน !
คิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นรูปโป๊ !
โจวซินถือหนังสือด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่าหยางโปที่อยู่ในฐานะผู้บำเพ็ญเพียรจะอ่านหนังสือพวกนี้ ? สิ่งนี้มันทำให้โจวซินรู้สึกเหลือเชื่อมาก เพราะในความรู้สึกของเขา
หยางโปไม่ใช่คนไม่เอาถ่าน เขาจะอ่านหนังสือที่ไร้ประโยชน์พวกนี้ได้ยังไงกัน ?
ในเมื่อยืนยันได้แบบนี้แล้ว โจวซินก็นำมาปะติปะต่อกัน สภาพภายในร่างกายของคนเรามันไหลเวียนบรรจบกันทั่วทั้งร่างกาย ถ้าพูดถึงสภาพภายในร่างกายมนุษย์ ถ้าพิจารณาจากเหตุการณ์ตอนที่หยางโปตัดชิ้นเหล็กอยู่หน้าประตูทางเข้าชุมนุมยุทธภพ ขั้นวรยุทธของหยางโปน่าจะสูงกว่าเขาไปเล็กน้อย มันน่าจะเป็นช่วงปลายของขั้นหยิ่นชี่จิง
ตามคำอธิบายของเยว่จวิ้นเหยา หยางโปไม่มีอาจารย์ถ่ายทอดวิชาให้ ผู้ฝึกฝนแบบนี้จะมีขั้นสูงกว่าเขาได้ยังไง แน่นอนว่าการฝึกฝนจากตำราจะต้องดีกว่า ! นี่คือเหตุผลที่โจวซินยืนยันที่จะเข้ามาเยี่ยมชม !
ตอนนี้ดูเหมือนว่า มีความเป็นไปได้เพราะวิชาฝึกฝนคู่ !
ใช่ เพราะการฝึกฝนคู่ของเขา มันเลยทำให้ความเร็วของการฝึกฝนเร็วขึ้นขนาดนี้ !
โจวซินคาดการไว้ในใจแล้ว เขาจึงยิ่งอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับหนังสือที่เหลืออยู่ไม่กี่เล่มนั้น !
โจวซินหยิบ ( บุปผาในกุณฑีทอง ) ขึ้นมาดูอัลบั้มภาพที่มีสีสันด้านในด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
สีหน้าท่าทางของเขาดูค่อนข้างจะตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เขาวางหนังสือลงบน
( รูปภาพภายใน ) นี่คือของที่เขาต้องการจะนำกลับไปด้วย
จากนั้นเขาก็ได้พลิกหนังสืออีก 2 เล่ม เขาวางนวนิยายสุยหู่จ้วนลงไปที่เดิม และคว้าเอา
( หวงตี้เน่ยจิง ) ไป
เสวียนจงที่ยืนอยู่ด้านข้าง เหลือบมองเนื้อหาภายในหนังสือ ด้วยสีหน้าท่าที่แปลกใจอย่างเห็นได้ชัด เขานึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าโจวซินต้องการที่จะทำอะไร
ไม่นาน โจวซินก็วางหนังสือสามเล่มไว้ด้านข้าง เขาหันมองเข้าไปในห้องและเห็นกระบี่ไม้ท้อแขวนอยู่บนหัวเตียงเล่มหนึ่ง !
โจวซินชี้ไปที่กระบี่ไม้ท้อบนหัวเตียง “ กระบี่ไม้ท้อเล่มนี้เป็นของหยางโปด้วยใช่ไหม ? ”
หยางหลางกำลังจะเอ่ยปากพูด พ่อหยางก็พูดขัดขึ้นและตอบไปว่า “ แน่นอนสิ นี่คือห้องของ
หยางโป ข้าวของที่อยู่ในห้องเป็นของเขาทั้งหมด ”
โจวซินพยักหน้า ” คุณช่วยเอากระบี่ไม้ท้อเล่มนี้ลงมาให้ผมดูหน่อยได้ไหม ? ”
“ ได้สิ เดี๋ยวผมเอาลงมาให้ ! ” พ่อหยางยิ้มและตอบรับทันที
โจวซินพยักหน้า กลิ่นในอากาศเหม็นหึ่ง ทำเอาอยากจะอาเจียน พ่อหยางที่ยืนอยู่บนเก้าอี้หยิบกระบี่ไม้ท้อลงมาให้ จากนั้นเขาจึงเอื้อมมือไปรับกระบี่ไม้ท้อมาสำรวจดูอย่างละเอียด
กระบี่ไม้ท้อเล่มนี้ดูเรียบง่ายไม่หรูหรา ดูเหมือนกระบี่ไม้ท้อจะถูกเช็ดถูมาเป็นเวลานาน พื้นผิวราบเรียบวาววับ โจวซินตวัดเล่นไปมาสองที รู้สึกว่ากระบี่ไม้ท้อเบาวิว เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากระบี่ไม้ท้อนี้จะเป็นยังไง แต่ในเมื่อเป็นของที่หยางโปทิ้งไว้ อาจมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นของดีก็ได้ !
โจวซินมองเข้าไปในห้องอีกครั้ง ในห้องยังมี ภาพเขียนและเครื่องลายครามวางไว้อยู่บางส่วน
แต่เขาไม่สนใจของพวกนี้ เขาถึงได้หันไปพูดกับพ่อหยางว่า “ คุณหยาง ของพวกนี้ยกให้ผมได้ไหม ? ”
เดิมทีพ่อหยางยังคงมีสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อได้ยินคำว่า ” ยกให้ ” คำนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ” ของพวกนี่เป็นของของเสี่ยวโปทั้งหมด ผมคงไม่มีสิทธิ์ยกให้ใครได้ ”
ถึงแม้เสวียนจงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าโจวซินคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่ แต่เขาก็ทำได้แค่คอยสนับสนุนเท่านั้น เขาหันมองไปที่พ่อหยาง และพูดด้วยรอยยิ้ม ” คุณหยาง พวกเราออกไปคุยกันด้านนอกเถอะ ! ”
พ่อหยางพยักหน้า ” แต่ของพวกนี้ต้องวางลงก่อน เพราะยังไงซะทั้งหมดนี้มันก็เป็นของเสี่ยวโป ”
โจวซินขมวดคิ้ว เขาคิดว่าพ่อหยางอาจรู้ว่าของของเขาเป็นของดี จึงดูร้อนร้น น้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นมาอย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ “ ผมสามารถเอาของของเขาไปได้ นั่นมันก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติเขามากแล้ว ! ”
พ่อหยางเบิกตาโตมองโจวซิน “ คุณเป็นใคร ถึงพูดจายโสโอหังแบบนี้ ? ”
เสวียนจงรีบเอ่ยปากเตือนสติ ” เอาละ ทุกคนใจเย็นกันก่อน ผมว่านะ เรื่องนี้มันง่ายมาก เอาแบบนี้ละกัน คุณหยางคุณเสนอราคามา ถ้าเห็นว่ามันเหมาะสม เราก็จะเอาไป ”
พ่อหยางกวาดตามองไปรอบๆห้อง แล้วหันไปส่งซิกให้หยางหลางและกล่าวว่า “ พวกคุณอาจจะยังไม่รู้ ผมกับเสี่ยวโปมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ถึงแม้ว่าเราจะเป็นพ่อลูกกัน แต่ระหว่างเราให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ตอนนี้เขาก็โตแล้ว ข้าวของของเขา ผมไม่มีทางไปแตะต้องมันง่ายๆแน่นอน ”
สีหน้าของโจวซินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แลดูไม่พอใจมาก
แต่คิดไม่ถึงว่าคำพูดของพ่อหยางจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างกะทันหัน
“ แต่ยังไงซะ ในเมื่อพวกคุณต่างก็เป็นเพื่อนของเขาและดีกับเขาขนาดนี้ ผมก็คงจะไม่ไว้หน้าพวกคุณไม่ได้เช่นกัน ! ”