เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 976 ฉันจะไปตี้จึง
ตอนที่ 976 ฉันจะไปตี้จึง
หยางโปนั่งลงกินซาลาเปาไปสองลูก จากนั้นก็หันมองไปทางโจวซินอีกครั้งเมื่อเห็นเขายังคงยืนไม่กระดุกกระดิก ก็อดที่จะหยักคิ้วขึ้นมาไม่ได้ เขาคงไม่โง่ไปแล้วนะ ?
“ คุณล่ะ ? กินข้าวมาหรือยัง ? ” หยางโปหันไปถามโจวซิน
โจวซินส่ายหน้า “ ยัง จะกินทันที่ไหนกันล่ะ ผมมาตั้งแต่เช้าแบบนี้ ”
หยางโปอดไม่ได้ที่จะมองเขาด้วยความเห็นใจ โจวซินอยากจีบเหยียนหรูหยู มันคงเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากน่าดู ดูจากท่าทีของเหยียนหรูหยูตอนนี้ ก็เย็นชาเกินไป คิดที่จะหลอมละลายน้ำแข็งก้อนนี้ คงต้องใช้เวลาและกำลังเยอะมากจริงๆ
“ งั้นทำไมคุณยังไม่รีบกินอีกล่ะ ? ”หยางโปพูดเตือนสติ
โจวซินชำเลืองมองเหยียนหรูหยู เมื่อเห็นเหยียนหรูหยูเอาแต่จ้องมองนิ้วหัวแม่มือ โดยไม่สนใจตัวเองเลย เขาถึงกับกินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
ไม่นาน ฮัวชิงหยุนก็กินอิ่ม เธอหันมาทางหยางโป “ พวกเราจะไปกันเมื่อไหร่ ? ”
“ เฮ้อ ทำไมรีบร้อนขนาดนั้น ! ” ลัวย่าวหัวพูดปนยิ้ม
ฮัวชิงหยุนฮึดฮัดไม่พอใจ “ พวกคุณรวมหัวกันหลอกฉัน รอให้ถึงเมืองหลวงก่อนเถอะ ดูสิว่าฉันจะฟ้องว่าไง ! ”
ลัวย่าวหัวนิ่งอึ้งไปทันที “ หลอกคุณตรงไหนงั้นเหรอ ? ”
ฮัวชิงหยุนเหลือบตามองเหยียนหรูหยู แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
หยางโปที่เดิมทีนั่งดูความสนุกสนานอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินฮัวชิงหยุนพูดแบบนี้ ถึงกับชะงักงันไปทันที เพราะเขาเพิ่งจะค้นพบปัญหาแล้ว เพราะโจวซินตามจีบเหยียนหรูหยูอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังแสดงออกอย่างโจ้งแจ้ง มันทำให้ฮัวชิงหยุนเดาบางอย่างออกว่า ลัวย่าวหัวและเหยียนหรูหยูไม่ได้เป็นคู่รักกัน !
ลัวย่าวหัวยิ้มเหยเก “ ไม่ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฉันนะ ! ”
หยางโปใจตกไปอยู่ตาตุ่มทันที และอดไม่ได้ที่จะหันไปถลึงตาใส่ลัวย่าวหัว
โชคดีที่ลัวย่าวหัวหันไปสบตาหยางโปเข้า เขาจึงรีบเอ่ยปากอธิบาย “ พอผมไปอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอก็ไม่ยอมสนใจผมเลยน่ะสิ ! ”
“ ฉันไม่เชื่อหรอก ! ” ฮัวชิงหยุนกล่าว
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ฮัวชิงหยุนก็ไม่ได้จ้ำจี้จ้ำไช เธอแค่ปรายตามองหยางโปเท่านั้น
หยางโปหมดทางแก้ตัว เพราะเขารู้ว่าคำโกหกนี้จะต้องถูกเปิดเผยเข้าสักวัน แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้ แต่ในเมื่อไม่ต้องปกปิดแล้ว เขาเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก พูดแค่เพียงว่า
“ พวกเราเก็บของ แล้วรีบไปกันเถอะ ! ”
โจวซินที่กำลังกินหัวเผือกอยู่ เมื่อได้ยินว่าหยางโปจะเก็บของ เขาก็นิ่งชะงักไปทันที
“ พวกคุณจะไปที่ไหนกัน ? ”
“ พวกเราจะกลับตี้จิง ” หยางโปตอบ
โจวซินนิ่งอึ้งไปทันที “ แล้วผมล่ะ ? ”
“ แล้วคุณทำไม ? ” หยางโปหันไปทางโจวซิน “ คุณไม่ออกไปเหรอ ? ”
โจวซินทำหน้าไม่ถูก “ ผมหมายถึง ผมจะไปตี้จิงกับพวกคุณ ”
หยางโปปัดมืออย่างไม่มีทางช่วยได้ “ ต้องขอโทษด้วยจริงๆพวกเราซื้อตั๋วไปแล้ว ไม่มีตั๋วเหลือ
วันหลังถ้ามีเวลา พวกเราค่อยมาพบกันใหม่ ”
โจวซินมองพวกเขาสองสามคนกำลังยุ่งกันอยู่ จู่ๆ ก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมา เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงหยิบโทรศัพท์กดสายโทรหาเสวียนจง “ ประธานเสวียน จองตั๋วเครื่องบินไปตี้จิงให้ผมที่หนึ่ง
หยางโปพวกเขาจะไปที่ตี้จิง ผมก็จะไปด้วย ”
เสวียนจงทีกำลังอยู่ฝึกบำเพ็ญเพียรในโรงแรม เมื่อถูกโจวซินขัดจังหวะเข้า ก็รู้สึกโมโหมาก เวลานี้เมื่อได้ยินเสียงโจวซินที่ไม่แม้แต่จะถามไถ่ปลอบขวัญอะไรเลย แต่กลับมาออกคำสั่งกับตัวเอง
เขาก็อดไม่ได้ที่จะตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงที่โมโห “ ผมติดหนี้บุญคุณคุณหรือยังไง ? ”
พอพูดจบประโยคนี้ เสวียนจงก็นิ่งอึ้งไปเลย เขาถือโทรศัพท์ นิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นและเกิดรู้สึกเสียใจต่อการกระทำ บางทีเพราะคำพูดนี้ อาจสร้างความไม่พอใจให้โจวซินได้ ถ้าแบบนั้นสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ ก็จะเสียเปล่าไปหมด !
โจวซินอึ้งไปเลยทีเดียว เสวียนจงทำตามคำร้องขอของเขามาโดยตลอด เขาก็เลยทำตามอำเภอใจ และไม่ทันคิดอะไรมาก แต่เมื่อได้ยินเสวียนจงพูดแบบนี้ ก่อนอื่นเขาก็ถึงกับตกตะลึง และรู้สึกโมโหมาก แต่เขาก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีที่เสวียนจงทำแบบนี้ ก็เพื่อคิดที่จะหาประโยชน์ ตอนนี้ไม่มีผลประโยชน์ให้แล้ว มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้สึกไม่พอใจ
ถึงแม้จะรู้สึกไม่พอใจ แต่โจวซินก็รู้ดีว่าต่อจากนี้ตัวเองยังคงต้องการความช่วยเหลือจากเสวียนจงอยู่ เขายิ้มเยาะเย้ย “ ประธานเสวียน ตอนนี้คุณกำลังฝึกฝนอยู่ใช่ไหม ? ”
เสวียนจงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และตามมาด้วยความตื่นตระหนกระคนดีใจ คาดไม่ถึงว่าโจวซินจะไม่โมโห ที่เขาพูดแบบนี้ หรือว่าคิดที่จะชี้แนะสั่งสอนตัวเองจริงๆ ?
เสวียนจงรีบตอบกลับ “ ใช่ ผมกำลังฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ เมื่อสักครู่พอถูกขัดจังหวะทำให้ไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวสักเท่าไหร่เลย ตวาดใส่คุณแบบนั้น ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ”
โจวซินหัวเราะ “ ไม่เป็นไร ผมแค่อยากจะเตือนคุณเรื่องหนึ่ง คุณไม่รู้จริงๆหรือว่า ผมจะไม่ฝึกบำเพ็ญเพียรในช่วงเวลากลางวัน ? ”
เสวียนจงนิ่งเงียบ เขาลองมาคิดดูดีๆ ก่อนที่จะเอ่ยปากตอบออกไป “ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น ”
“ นั่นเป็นเพราะ จริงๆแล้วการบำเพ็ญเพียรเป็นการฝืนกฎสวรรค์ ผลในการฝึกฝนในช่วงเวลากลางวันไม่ดีเท่าช่วงกลางคืนการฝึกฝนในช่วงกลางคืน โดยเฉพาะในคืนพระจันทร์เต็มดวงจะดีที่สุด ! ” โจวซินกล่าว
เสวียนจงตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที สั่นเทาไปทั้งตัว คำพูดนี้มันมีเหตุผลอย่างฉะฉาน ทำให้เขานึกถึงสิ่งที่ประสบพบเจอในการฝึกฝนหลายปีมานี้ ดูเหมือนว่าจุดจำเพาะเจาะจงมันจะอยู่ตรงนี้
“ คุณพูดถูก แต่ผมฝึกบำเพ็ญเพียรมานานหลายปี ก็ยังเรียนรู้วิธีเบื้องต้นไม่ได้ คุณว่า ผมควรจะฝึกฝนยังไงถึงจะก้าวหน้าให้ได้เร็วขึ้นกว่านี้ได้บ้าง ? ” เสวียนจงสอบถาม
โจวซินเอ่ยปาก “ ผมกำลังจะไปที่ตี้จิง คุณอยากไปกับผมไหม ? ”
“ ไป ! ไป ! ผมจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ! ” เสวียนจงแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะเอ่ยออกมา
โจวซินหยิบโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ในที่สุดเขาก็ค้นพบกลเม็ดเล็กๆหนึ่งเข้าจนได้ ที่แท้
คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถใช้ความรู้เพียงน้อยนิดในการฝึกฝนนี้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาได้ !
แต่ยังไงซะ โจวซินก็ยิ้มไม่ออก เพราะหยางโปและพรรคพวกได้เก็บของกันเรียบร้อยแล้ว พากันเดินออกไปด้านนอกแล้ว มันก็เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกแล้ว
“ คุณเหยียน ผมซื้อตั๋วเครื่องบินไปตี้จิงแล้ว เดี๋ยวพวกเราก็จะได้เจอหน้ากันแล้ว คุณต้องอยู่ที่
ตี้จิงรอผมนะ ! ” โจวซินกล่าว
เหยียนหรูหยูไม่ได้ถืออะไรไว้ในมือ เธอไม่แม้แต่จะเหลียวมองโจวซินเลยด้วยซ้ำ
เมื่อหยางโปไล่โจวซินออกไปได้แล้วก็ทำการล็อคประตู ทั้งกลุ่มขึ้นรถบริษัทที่รออยู่นอกประตู
แล้วจากไป ปล่อยให้โจวซินรออยู่ข้างนอกอาคารตามลำพัง
ผ่านไปสักพัก โจวซินถึงเห็นเสวียนจงขับรถเข้ามา เขาขึ้นรถและหันไปพูดกับเสวียนจงว่า
“ เร็วเข้า พวกเราต้องรีบกันหน่อย มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าตามรถของหยางโปทัน ไม่อย่างนั้นถ้าเปลี่ยนที่แล้วมันคงเป็นการยากที่จะตามหาเขาเจอ ! ”
เสวียนจงพยักหน้า “ อืม คุณนั่งดีๆนะ ผมจะขับเร็วหน่อย ”
ทำการตรวจตั๋วและขึ้นเครื่อง หยางโปเคยชินกับการเดินทางแบบนี้แล้ว ทางด้านฮัวชิงหยุนดูค่อนข้างที่จะตื่นเต้น ส่วนเหยียนหรูหยูก็ดูจะอยากรู้อยากเห็น เธอมองออกไปนอกหน้าต่างและขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ลัวย่าวหัวหันไปหาหยางโป “ พอมาลองคิดๆดู ฉันรู้สึกว่ามันตลกมาก โจวซินยังคิดที่จะตามเรามาตี้จิงอีก ฉันคิดว่าพอถึงตี้จิง เขาต้องหาเราไม่เจอแน่ๆ ”
“ มันก็ไม่แน่ ” หยางโปกล่าว
โจวซินรีบเดินทางมาที่สนามบิน และมองเข้าไปในท่ามกลางฝูงชมที่พลุกพล่าน จากนั้นเขาก็หันมามองเสวียนจง “ ทำยังไงถึงจะหาหยางโปและพรรคพวกเจอ รู้ไหมว่าพวกเขาไปไหนกัน ? ”
โจวซินหันมองไปรอบๆ คิดที่จะมองหาหยางโปและพรรคพวก
เสวียนจงจนปัญญา “ ค่อนข้างที่จะลำบากหน่อยนะ ผมจะลองดูสักหน่อย ”
โจวซินจ้องมองไปในกลุ่มฝูงคน จู่ๆ เบื้องหน้าก็ปรากฏร่างของคนคนหนึ่งที่คุ้นตาขึ้น เขานิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง พร้อมพูดออกมาว่า “ ไม่ต้องตามหาแล้ว ! พวกเราไปกันเถอะ ! ”