เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก - ตอนที่ 517 วางแผนอย่างละเอียด / ตอนที่ 518 คนที่อยู่ในใจ
ตอนที่ 517 วางแผนอย่างละเอียด
เหยียนเค่อเดินลงจากรถไม่ถึงสองเก้าก็ถูกผู้ช่วยหวังเรียกเอาไว้
“มีอะไร”
“ให้ผมเอากระเป๋าเดินทางของคุณไปเก็บที่บ้านเลยไหมครับ” ผู้ช่วยหวังหันไปมองกระเป๋าเดินทางที่อยู่หลังรถ ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมสองใบ
เหยียนเค่อพยักหน้า “เอาไปไว้ให้หมดเลย”
ผู้ช่วยหวังพยักหน้า แล้วไปจัดการตามที่ชายหนุ่มสั่ง
สวีอันหรานพอรู้ว่าเหยียนเค่อจะกลับมาก็มารออยู่ที่ YAN เดิมทีกะว่าจะเข้าไปกอดต้อนรับเสียหน่อย แต่พอเห็นท่าทางขึงขังของเพื่อน เขาก็ได้แต่หลบนิ่งอยู่ข้างหน้าต่างห้อง
“นายกลับมาแล้วหรอ ฮะฮ่าฮ่า”
“ตาบอดหรือไง” เหยียนเค่อเอ่ยประชดเสียงราบเรียบ
สวีอันหรานเริ่มอยากสอดรู้สอดเห็นขึ้นมา เขาอยากรู้ว่าทำไมเพื่อนตนถึงเป็นแบบนี้แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามไปตรงๆ จึงได้แต่ส่งสายตาไปถามผู้ช่วยของตัวเองแทน
เหยียนเค่อรำคาญสายตาสอดรู้สอดเห็นของเพื่อน เอ่ยแทรกคนทั้งคู่ทั้งกำลังสื่อสารกันทางสายตา
“ผู้ช่วยนายไม่รู้อะไรหรอก ไม่ว่านายจะถามอะไร กลั้นไว้ก่อนเถอะ”
สวีอันหรานถูกเหยียนเค่อเล่นงานแต่ก็เห็นว่าเพื่อนยังสนใจตน จึงคิดว่าตนอาจจะหลอกถามอะไรได้อยู่บ้าง
“นายคงไม่ได้ยังโกรธซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ใช่ไหม นี่มันจะอาทิตย์หนึ่งแล้วนะ”
เหยียนเค่อไม่ตอบ
“คงไม่จริงหรอกใช่ไหม” สวีอันหรานขมวดคิ้วอย่างตกใจ ตั้งแต่ที่ซย่าเสี่ยวมั่วทนรองรับอารมณ์สวีรั่วชีแทนเขา เขาก็รู้สึกดีต่อหล่อนมากขึ้น เอ่ยว่าเพื่อน “ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นผู้หญิงที่ดีมาก มีความรับผิดชอบ ทั้งยังทนความลำบากได้อีก”
“เธอมีความรับผิดชอบ?” เหยียนเค่อขำด้วยความโมโห “ฉันโดนเธอทำขนาดนี้เนี่ยนะ”
นั่นนายเต็มใจเองไม่ใช่หรือไง สวีอันหรานบ่นในใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป จึงได้แต่ยกตัวอย่างให้เพื่อนฟัง
“เธอดีกับเสี่ยวชีมาก”
“นายอยากจะพูดอะไร” เหยียนเค่อมองสวีอันหราน หยักยิ้มมุมปาก “ฉันไม่สำคัญเท่าสวีรั่วชี เธอเลยไม่สนใจฉันใช่ไหม”
“หา?” สวีอันหรานไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเข้าใจไปแบบนั้น แต่จะว่าไม่มันก็ถูกนะ
เหยียนเค่อเห็นสีหน้าเพื่อนก็พอจะเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มคว้าแฟ้มเอกสารที่อยู่ใกล้มือมาถือ “รีบไสหัวไป”
“ฉันจัดห้องให้นายอยู่ติดกับห้องซย่าเสี่ยวมั่วได้นะ”
คราวนี้ชายหนุ่มขว้างแฟ้มที่อยู่ในมือออกไป “หึหึ ถ้าฉันอยากจะอยู่ติดห้องเธอ ต่อให้นายขวาง ฉันก็มีวิธีจัดการอยู่แล้ว”
สวีอันหรานใบ้กิน แม้เหยียนเค่อจะพูดเรื่องจริงแต่คำพูดชายหนุ่มมันน่าโมโหนัก ไม่น่าแปลกใจที่ซย่าเสี่ยวมั่วจะโกรธ
แต่ว่าเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อปะทะคารมกับเพื่อน เขามีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นจะบอก “พรุ่งนี้ฉันกับเสี่ยวชีจะเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ช่วงนี้สุขภาพเธอไม่ค่อยดี ว่าจะให้ไปทำความคุ้นเคยก่อน”
“อืม” พอพูดเรื่องจริงจัง เหยียนเค่อจึงพอจะรับฟังได้
สวีอันหรานบอกแผนการเดินทางของตัวเองให้เพื่อนฟังคร่าวๆ สรุปแล้วก็คือให้เหยียนเค่อจัดการเรื่องทางเมือง N เสร็จ แล้วค่อยบินตามไปทีหลัง
เหยียนเค่อฟังไปก็เริ่มครุ่นคิด หรือว่าวันนี้ซย่าเสี่ยมั่วจะเดินทางไปบาหลีล่วงหน้าก่อน แต่หล่อนเมาเครื่องไม่ใช่หรือไง
“เฮ้ นายฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่าเนี่ย” สวีอันหรานเคาะโต๊ะ
เหยียนเค่อได้สติ ส่ายหน้า “เปล่า”
สวีอันหรานโมโหแทบบ้า สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่งแล้วเริ่มพูดอีกรอบ “นายไปพร้อมกับพวกฉินซื่อหลาน โอเคไหม”
“ได้” เหยียนเค่อว่าง่าย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “นายให้การ์ดเชิญซย่าเสี่ยวมั่วไปแล้วเหรอ”
“ใช่สิ ทั้งตั๋วเครื่องบินทั้งการ์ดเชิญ”
เหยียนเค่อขมวดคิ้ว เธอทนทรมานนั่งบนเครื่องบินไหวเหรอ
สวีอันหรานสังเกตว่าเพื่อนตนใจลอยอีกแล้ว ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ “นายถามรายละเอียดไปทำไม หรือจะบินไปพร้อมเธอ”
ซย่าเสี่ยวมั่วบินไปแล้ว เขาจะไปรอบเดียวกับเธอได้อย่างไร เหยียนเค่อมองหน้าเพื่อนอย่างแปลกใจ “เธอไปคนเดียวเหรอ”
“ไม่นะ เธอบินไปวันที่ห้า เห็นเสี่ยวชีบอกว่าจะไปพร้อมอันหราน”
อย่างนั้นวันนี้เธอไปสนามบินทำไม ชายหนุ่มคิดอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็เอ่ยสั่ง “เปลี่ยนเที่ยวบินฉันให้เป็นรอบเดียวกับซย่าเสี่ยวมั่ว” เขาห่วงว่าหล่อนจะเมาเครื่อง เลยไม่ได้สนใจว่าถ้าเจอกันแล้วบรรยายกาศจะกระอักกระอ่วนอย่างไร
สวีอันหรานไม่กล้ามีปากเสียง อย่างนั้นคงต้องให้หลินซื่อหลานเป็นคนออกโรงแล้ว แต่ว่าหลินซื่อหลานห่างหายจากเรื่องแบบนี้ไปนานแล้ว คิดแล้วน่าปวดหัวจริงๆ
“อย่างนั้นฉันไปล่ะ ไปสงบสติสักหน่อย” เขาไม่ควรมาหาเรื่องแหย่เหยียนเค่อจริงๆ ทำให้เรื่องมันวุ่นวายกว่าเดิมแท้ๆ
ตอนที่ 518 คนที่อยู่ในใจ
สิ่งที่เหยียนเค่อกังวลแต่ซย่าเสี่ยวมั่วกลับนึกไม่ได้ จวบจนวินาทีสุดท้ายหญิงสาวถึงจะนึกถึงเรื่องสำคัญที่สุดได้ เธอเมาเครื่องบิน
คนที่นั่งข้างเธอเป็นคุณแม่ยังสาวที่แม้แต่ลูกตัวเองยังดูแลไม่ได้ เธอไม่มีเรี่ยวแรงแต่ก็ยังฝืนยกมือเรียกพนักงานตอนรับมา จากนั้นพนักงานต้อนรับก็พาเด็กไปนั่งยังที่ว่างฝั่งตรงข้าม
“คุณคะ ไม่ทราบว่าไม่สบายตรงไหนคะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกอยากอาเจียน เวียนหัวไปหมด พนักงานต้อนรับรีบยื่นถุงขยะให้เธอ แล้วถามต่อ “คุณมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่าคะ หรือตอนนี้ป่วยเป็นอะไรอยู่หรือเปล่า”
ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง เธอแค่รู้สึกพะอืดพะอม ก่อนขึ้นเครื่องเธอก็กินของรองท้องมาแล้วนะ แต่พออาเจียนมันมีแต่กรดออกมา
“ฉันตรวจให้นะคะ สูดหายใจลึกๆ ทำใจให้สบาย” น้ำเสียงอ่อนโยนของพนักงานพูดอยู่ข้างหูเธอ
เธอเริ่มจินตนาการฟุ้งซ่าน ในหัวเธอตอนนี้คล้ายกับว่ามีภาพบางแวบขึ้นมา เป็นภาพผู้ชายคนหนึ่งกำลังช่วยเช็ดทำความสะอาดใบหน้าให้เธอตอนนี้เธอขึ้นเครื่องบินเมื่อครั้งก่อน บนตัวชายหนุ่มยังมีกลิ่นอ่อนๆของน้ำมันสปา น้ำสียงของเขาเยือกเย็น มีใบหน้าที่ดูดีและอ้อมกอดที่อบอุ่น แต่เขาไม่มีทางกลายเป็นของเธอ คิดแล้วซย่าเสี่ยวมั่วก็ปวดใจ จู่ๆน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา
พนักงานต้อนรับสาวเห็นซย่าเสี่ยวมั่วนอนพิงหน้าต่างหลับไปแล้วก็ไม่ได้รบกวนหญิงสาวอีก หล่อนช่วยห่มผ้าให้ จากนั้นก็ไปเอาน้ำร้อนมาวางไว้ที่โต๊ะด้านหน้าเธอ
ชาตินี้เธอคงมีวาสนาเพียงแค่ได้พบเจอกับเหยียนเค่อเท่านั้น ชายหนุ่มป็นคนดีแค่ไหนเธอรู้ดี แม้ปากจะบ่นรำคาญแต่กลับดูแลเอาใจใส่เธออย่างดี แม้บางครั้งจะพูดจาทำร้ายจิตใจเธอ เธอก็ทำดีกับเธอตลอด
น้ำตาเธอไหลเปียกเส้นผมไปหมด ซย่าเสี่ยวมั่วสะลึมสะลือไม่รู้ว่าตนคิดอะไรอยู่ สุดท้ายก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงแหลมๆด้านข้างตน
“แม่จ๋า พี่สาวร้องไห้ใช่ไหม”
“จ้ะ”
“พี่สาวสวยจะตาย ทำไมต้องร้องไห้”
“เพราะว่าคนเราก็ต้องมีสูญเสียหรือสิ่งที่ครอบครองไม่ได้ไงจ้ะ”
น้ำเสียงใสๆเล็กๆของเด็กสาวตัวน้อย ใครได้ฟังก็ใจอ่อนยวบเป็นธรรมดา ซย่าเสี่ยวมั่วค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ เอามือลูบหน้าตัวเอง พบว่ามีแต่คราบน้ำตา
เธอรู้สึกอายจึงรีบเอาผ้าห่มคลุมหน้าตัวเองไว้ จากนั้นใช้กระดาษทิชชู่เช็ดคราบน้ำตาจนสะอาด จึงโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม
“คุณตื่นแล้ว เป็นเพราะพวกเราหรือเปล่าคะ” คุณแม่ของเด็กตัวน้อยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ซย่าเสี่ยวมั่วรีบส่ายมือเป็นการบอกว่าทั้งคู่ไม่ได้รบกวนตน เธอเริ่มเจ็บคอจึงไม่สะดวกที่จะพูดออกเสียง
“พี่สาว ไม่ร้องไห้นะจ้ะ หนูยังไม่ร้องเลย” เด็กสาวตัวน้อยตบหน้าอกตัวเองด้วยความภูมิใจ และเอ่ยให้กำลังใจเธอ
ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า “จ้ะ ขอบใจนะ” น้ำเสียงแหบแห้งไม่น่าฟังเอ่ยออกมา
“ดื่มน้ำหน่อยดีกว่าค่ะ” แม่ของหนูน้อยยื่นแก้วน้ำที่วางอยู่ด้านหน้าส่งให้เธอ “ยังร้อนอยู่ ดื่มแล้วจะได้รู้สึกสบายขึ้น”
ซย่าเสี่ยวมั่วประคองแก้วน้ำดื่มไปได้สองสามอึก แล้วจึงหันไปขอบคุณ “ดูแล้วคุณน่าจะเด็กกว่าฉัน” ดูแล้วแม่ของหนูตัวน้อยน่าจะอายุราวๆยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปีเท่านั้น สำหรับซย่าเสี่ยวมั่วคงจะเดาอายุจากหน้าตาไม่ได้ แต่สำหรับคุณแม่คนนี้ดูจากหน้าตาแล้วคงจะอายุประมาณนี้
“ปีนี้ฉันยี่สิบหกแล้ว คุณล่ะคะ”
“มากกว่าคุณสองปีค่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วยกยิ้ม นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่เธอคาดการณ์ถูก
จากสีหน้าของคุณแม่ดูเหมือนว่าหล่อนคงนึกไม่ถึงว่าเธอจะอายุมากกว่า “คุณดูเหมือนคนเพิ่งจะอายุยี่สิบเลยนะคะ ดูแลตัวเองดีจัง”
“แค่ดูเหมือนน่ะค่ะ” เธอบีบมือที่เต็มไปด้วยเนื้อนุ่มๆของเจ้าตัวน้อยเล่นพลางหัวเราะ “หนูน้อยน่าจะสี่ขวบใช่ไหมคะ”
“ค่ะ จะห้าขวบแล้ว” แม่ของเด็กลูบหน้าผากลูกสาวตัวเองอย่างเอ็นดู พร้อมคุยเล่นกับซย่าเสี่ยวมั่วอย่างสนิทสนมกันมากขึ้น