เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก - ตอนที่ 603 เผชิญหน้า / ตอนที่ 604 รับมืออย่างเร่งด่วน
ตอนที่ 603 เผชิญหน้า
พอเหยียนเค่อกลับเข้าไปอีกรอบห้องหนังสือก็ถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว พ่อเหยียนนั่งรอเขากลับมาอยู่บนเก้าอี้
เหยียนเค่อเอาโน้ตบุ๊คไปวางตรงหน้าพ่อตน จากนั้นกดเปิด “นี่คือเงินลงทุนของตระกูลเหยียนในช่วงสองสามปีมานี้ ทั้งหมดต้องได้รับความเห็นชอบจากตระกูลสวีด้วยทั้งนั้น รายงานงบประมาณนี้ไม่ได้อยู่แค่ที่ผมคนเดียว สวีอันหรานก็มีอีกฉบับหนึ่ง ช่วงหลายปีมานี้เงินที่ผมลงทุนเข้าตระกูลเหยียนไม่เพิ่มไม่ลด เรียกได้ว่าคงที่”
พ่อเหยียนได้เห็นก็อึ้งไปความโกรธหายไป แต่เขาก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย
“แกมีเงินเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร”
เหยียนเค่อก็ไม่ได้แจกแจง สิ่งที่เขาต้องการทำคือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองเฉยๆ ทำให้เรื่องที่เหยียนเฟิงใส่ร้ายเขาแก้ไขผ่านไปได้อย่างราบรื่น ส่วนเรื่องอื่นๆเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกให้พ่อตนเองรู้
“ผมแค่อยากบอกพ่อว่า เงินที่ผมลงทุนไปกับตระกูลเหยียนนั้นมากกว่าที่พี่บอกว่าผมยักยอกเอาไปเสียอีก ถ้าผมถอนเงินลงทุนของผมออกมามันก็ได้มากกว่าที่จะไปยักยอกเอาเงินของตระกูลเหยียนอีกไหม สะดวกกว่าด้วยจริงไหม” คำถามสองคำถามของเหยียนเค่อทำให้พ่อเหยียนถึงกับใบ้กินอยู่ตรงนั้น
“แกเรียกพี่แกเข้ามา เขาต้องไม่ใส่ร้ายแกโดยไม่มีสาเหตุแน่ๆ ถึงเรื่องนี้แกจะบอกว่าแกไม่ได้เป็นคนทำแต่แกต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่ๆ”
เหยียนเค่อพยักหน้าอย่างไม่รู้สึกแปลกใจ หมุนตัวกลับให้เขาไปเรียกคุณชายใหญ่เข้ามา
ตอนเหยียนเฟิงเดินเข้ามาเหยียนเค่อก็เปิดหน้าอื่นในโน้ตบุ๊คดู รอดูเหยียนเฟิงตกที่นั่งลำบาก
เหยียนเฟิงไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่าเรื่องจะกลับมาตกอยู่ที่ตนเอง เมื่อครู่นี้เขาก็ได้ยินแค่เสียงดังเล็ดลอดออกมาจากห้องหนังสือเท่านั้น หลังจากที่เหยียนเค่อเดินออกมาแล้วกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งเขาเลยเดาว่าชายหนุ่มคงคิดว่าวิธีพิสูจน์มาความบริสุทธิ์ของตัวเอง
จาที่เหยียนเฟิงคิดดูแล้วนอกจากวิธีที่เหยียนเค่อจะเอามาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองก็คงมีแต่วิธีการเปิดเผยเงินทุนสนับสนุน ทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองทั้งหมดเท่านั้น
การที่พ่อเหยียนเรียกเขาเข้าไปก็เท่ากับเป็นการให้เขาได้เข้าใจและรับรู้ถึงด้านที่ยังไม่ยอมเปิดเผยของเหยียนเค่อได้มากขึ้น
“พ่อ” เหยียนเฟิงเอ่ยเรียกอย่างเคารพ
คนเราต้องมีการสังเกตก่อนลงมือทำการอะไร พ่อเหยียนก็เช่นกัน สำหรับเขาแล้วลูกชายคนโตเชื่อฟังเขามาโดยตลอด เขาเชื่อจากก้นบึ้งของหัวใจว่าเหยียนเฟิงไม่ได้จงใจทำร้ายเหยียนเค่อ
“หลักฐานพวกนี้ลูกได้มาจากไหน” พ่อเหยียนชี้ไปที่เอกสารบนโต๊ะ
เหยียนเฟิงตวัดสายตามองไปนิดหนึ่ง จากนั้นทำท่าลำบากใจมองไปที่เหยียนเค่อ “คือ…”
“มีหลักฐานอะไรก็พูดออกมาเลย ไม่ต้องไปสนใจมัน” พ่อเหยียนเอ่ยตัดบทคำพูดไร้สาระ
เหยียนเค่อขมวดคิ้ว ภาพลักษณ์ของตนเองก็เหมือนกับดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ ที่เหมือนกำลังโดนคนดุร้ายอย่างเหยียนเฟิงรังแก แต่ทำไมพ่อจึงไม่ยอมเชื่อตนสักที
เหยียนเฟิงส่งสายตาขอโทษไปให้เหยียนเค่อ แต่เหยียนเค่อก็ไม่อยากแม้กระทั่งจะสบสายตาด้วย ยืนอยู่ข้างๆรอฟังว่าเขาจะโกหกพ่ออย่างไร
เหยียยนเฟิงเห็นว่าน้องชายเมินตน ก็ยิ้มเย็นในใจ จะดูซิว่าแกจะโอหังไปถึงเมื่อไหร่
“ผู้จัดการแผนกบุคคลที่บริษัทของเหยียนเค่อเป็นรุ่นน้องของผมเอง ผมไว้ใจหล่อนมาโดยตลอด แต่ผมกลับไม่เคยรู้ว่าหล่อนคือผู้จัดการฝ่ายบุคคลของ YAN ช่วงนี้เราติดต่อกันค่อนข้างบ่อย หล่อนอยากได้เอกสารบริษัทตระกูลเหยียนไปเรียนรู้เพิ่มเติม น่าจะเป็นเพราะหล่อนแอบขโมยไปจากผมตอนเรานัดกินข้าวด้วยกันถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
เหยียนเฟิงเตรียมเหตุผลไว้ตั้งนานแล้ว ถ้าพูดออกมทั้งหมดอย่างรวดเร็วมันดูเป็นการจงใจเกินไป จึงได้แกล้งทำเป็นรู้สึกผิดไว้ก่อน “นี่มันคือความผิดพลาดส่วนตัวของผมเองที่รักษาความลับของบริษัทเอาไว้ได้ไม่ดีพอ”
ในใจเหยียนเฟิงลอบยิ้มเย็น แบบนี้สิถึงจะไม่มีจุดผิดสังเกต
ชวีหน่ายกับเหยียนเฟิงแทบไม่เคยคุยกันส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ แม้กระทั่งตอนเรียนมหาลัยก็ไม่เคยรู้จักกัน ดังนั้นเหยียนเค่อสงสัยใครก็ไม่มีทางสืบทอดไปถึงชวีหน่าย แต่ตอนนั้นการที่ Belle เตือนเขาทำให้เขาเอะใจขึ้นมาได้
แค่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเหยียนเฟิงเพียงนิดเดียวก็ห้ามมองข้าม บวกกับตำแหน่งที่ชวีหน่ายครอบคองอยู่ที่ YAN ด้วย
ตอนที่ 604 รับมืออย่างเร่งด่วน
“แกว่าอย่างไร” พ่อเหยียนหันมาทางเหยียนเค่อ
เนื่องจากคำอธิบายก่อนหน้านี้ของเหยียนเค่อ ดังนั้นคำพูดที่เหยียนเฟิงพูดมาเขาไม่อาจเชื่อได้ทั้งหมด ยังต้องรอฟังเหยียนเค่ออธิบายก่อน
เหยียนเค่อนำภาพการลงทุนตลอดทั้งปีของตนเองไปเปรียบเทียบกับภาพที่เหยียนเฟิงให้พ่อตนเองไว้ “นี่คือภาพการลงทุนบางส่วนของ YAN ในปีนี้เมื่อเทียบกันแล้วมันเหมือนกันเป๊ะ”
เหยียนเค่อยังอยากเอาภาพออกมาให้ดูอีก แต่เหยียนเฟิงก็แกล้งทำเป็นเซเข้าไป จากมุมของพ่อเหยียนก็ดูเหมือนกับว่าจะเซเพราะถูกเหยียนเค่อชน น้ำในมือสาดไปบนเครื่องคอมฯ
เหยียนเค่อหน้าบึ้งคล้ำ เหยียนเฟิงแสร้งทำเป็นตกใจรีบหยิบแก้วน้ำหนีออกไป
“นี่มัน…”
ต่อให้พ่อเหยียนมีอคติกับเหยียนเค่อแต่ก็รับรู้ได้ว่าเรื่องนี้มันจริงหรือปลอม
“พี่…” เหยียนเค่ออดทน กัดฟันไม่พูดต่อ
นี่ถ้าเป็นลูกน้องของเขาเหยียนเค่อคงได้ด่าออกไปแล้ว ไม่มีสติเหรอ? หรือมือมันสั่น?
“พอได้แล้ว” พ่อเหยียนไม่อยากเอาความเรื่องนี้ต่อแล้ว สุดท้ายก็แค่เอ่ยคำขอโทษแล้วก็จบไป
เหยียนเค่อสูดหายใจระงับอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นเก็บโน๊ตบุ๊คของตน “ผมออกไปก่อนนะ” ถ้ายังอยู่ในห้องนี้ต่อเขาต้องระเบิดอารมณ์เป็นแน่
“อืม” พ่อเหยียนโบกมือให้เหยียนเค่อออกไปก่อน
เหยียนเค่อหอบโน๊ตบุ๊คที่เปียกออกไปโดยมีนน้ำหยดตลอดทาง
“คุณ คุณชาย” คนรับใช้อยากจะเข้าไปช่วยทำความสะอาด ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าชายหนุ่มเป็นโรครักความสะอาดอย่างมาก
เหยียนเค่อไม่ได้ส่งให้ แต่ชี้ไปทางด้านหลังแทน “จัดการด้วย”
บนพื้นเต็มไปด้วยหยดน้ำ คนรับใช้เช็ดถูไปจนถึงหน้าห้องของเหยียนเค่อแต่ไม่กล้าเข้าไปรบกวน เหยียนเค่อทิ้งโน๊ตบุ๊คไร้ประโยชน์ไว้ที่ห้องน้ำ จากนั้นก็เริ่มเก็บห้อง
“เฮ้อ เปลืองค่าโน๊ตบุ๊คจริงๆ” เหยียนเค่อรู้สึกว่าเปลืองเงินไปกับเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียวก็ไม่คุ้มค่า ความจริงโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้นอกจากราคาที่แพงของมันแล้วก็ไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น แผนการของเหยียนเฟิงทำอะไรเขาไม่ได้
พอเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป สวีอันหรานก็รีบจักงานแถลงข่าวทันที ออกมาแถลงข่าวพร้อมกับเซ่าหมิงฟ่าน
งานแถลงข่าวครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของสวีอันหรานหลังจากกลับมาจากการไปฮันนีมูน ถึงแม้จะเป็นในนามตัวแทนของ YAN แต่นักข่าวส่วนใหญ่ก็ต่างให้ความสนใจไปที่การแต่งงานระหว่างสวีอันหรานกับน้องสาวต่างสายเลือดของตนเอง และด้วยความที่เซ่าหมิงฟ่านก็ไม่ค่อยได้ออกมาเผยตัวในประเทศมากนักได้รับความสนใจอยู่เหมือนกัน จึงทำให้การโจมตีของนักข่าวในเรื่องของ YAN นั้นน้อยมาก
“พวกเราเพิ่งเข้ามา พวกนักข่าวพวกนี้ก็ทำตัวน่ารำคาญแล้ว” น้อยครั้งที่จะเห็นสวีอันหรานรู้สึกหงุดหงิด แม้จะนิสัยดีขนาดไหน ถูกทรมานแบบนี้ก็หมดความอดทนได้เหมือนกัน
เหยียนเค่อเพิ่งส่งวิธีการจัดการแบบละเอียดมาให้เซ่าหมิงฟ่าน เพราะว่าไม่มีอะไรทำเลยนั่งเปิดหนังสืออ่านเล่น พอได้ยินเสียงของสวีอันหรานก็เอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ “ขอบใจมาก ครั้งนี้ลำบากนายแล้ว”
“อือ นานๆจะได้เห็นนายเอาจริงเอาจัง” สวีอันหรานก็ไม่ได้ตั้งใจทำให้บรรยากาศมันขรึมลง ตอนนี้เหยียนเค่อเรียกได้ว่าเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน พวกเขาควรจะมาพร้อมข่าวดีบ้างจะได้ดีขึ้นหน่อย “ถือได้ว่าราบรื่น พอเรื่องทุกอย่างมันมารวมเข้าด้วยกัน ผลกระทบมันเลยร้อย แต่ในเรื่องภาพลักษณ์โดยรวมมันค่อนข้างกลับกันนะ”
“อือ ฉันเข้าใจ” ผลลัพธ์ที่เหยียนเฟิงต้องการก็คือเรื่องนี้ ทำลายภาพลักษณ์ของ YAN ที่อุตส่าห์ลำบากสร้างกันมาอย่างหมดสิ้น แล้วกลายเป็นภาพของคุณชายรองที่ทำอะไรไม่สำเร็จแทน
“นายก็ไม่ต้องคิดมาก” เซ่าหมิงฟ่านรับโทรศัพท์มาแล้วเอ่ยปลอบ เรื่องมันก็มีประมาณนี้แหล่ะ นายถือโอกาสนี้อยู่บ้านดูแลสุขภาพให้ดีๆ ก่อนนายจะออกมาพี่น้องอย่างฉันจะช่วยดูแล YAN ให้อย่างดี”
พูดยังไม่ถึงสองประโยคดูท่าลมจะเปลี่ยนทิศอีกแล้ว…เหยียนเค่อมอกออกไปที่อากาศเย็นเยือกของหน้าหนาวที่นอกหน้าต่าง
“รบกกวนด้วย ฉันจะรีบกลับไปทำให้มันสำเร็จ…”
“ชิ ได้”
ทั้งสามคนพูดคุยกันอีกครู่ เหยียนเค่อฝากฝังอีกสองสามคำ จากนั้นบทสนทนาสั้นๆก็จบลง เซ่าหมิงฟ่านกับสวีอันหรานสบตากัน รู้สึกว่ายังเต็มไปด้วยพลังในการเผชิญหน้ากับกล้องของนักข่าว