เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 224 ความในใจของเธอ
หรือว่าคริสไม่ได้ยินคำตอบของเธอ เพราะเขารอคำตอบจากเธออยู่สักพักแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบจากเธอเสียที เขาจึงเอ่ยถามอีกครั้ง “เฉียว คุณยังฟังอยู่หรือเปล่า?”
“ค่ะ ฉันฟังอยู่” เธอดึงสติกลับมาแล้วเอ่ยตอบ
“คำถามของผมทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่า? ผมขอโทษ…”
“เปล่าค่ะ มันเป็นปัญหาของฉันเอง ความจริงฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกยังไงกับเขา” เธอยิ้มขมขื่น
เมื่อก่อนเธอเคยรู้สึกหวั่นไหวกับจิ้นหยวนจริง แต่หลังจากรู้ว่าเขาแต่งงานกับหร่วนเซียงเซียง ความหวั่นไหวนี้ก็อันตรธานหายไปจนสิ้น อย่างน้อย เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ ก่อนที่เธอจะได้พบกับจิ้นหยวนอีกครั้ง
แต่ว่า เสี้ยววินาทีที่เธอได้พบเขาอีกครั้ง เธอรู้สึกชัดเจนว่าก้อนเนื้อในอกที่ตายไปนานแล้วกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง เหมือนเธอที่เดินอยู่ในความมืดอันยาวนานได้พานพบแสงสว่างอีกครั้ง มันทำให้เธอทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ
ณ วินาทีนั้น เธอเพิ่งรู้ตัวว่าเธอไม่เคยลืมเขาเลย แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าเขาเป็นสามีของหญิงอื่นแล้วก็เถอะ และนั่นทำให้เธอรู้สึกกลัวจับใจ เพียงแค่ได้เห็นหน้าเขาเธอก็เกิดความคิดแบบนั้นแล้ว ถ้าเกิดเธอตามเขากลับไปจริงๆ แล้วเธอจะกลายเป็นอย่างไร?
เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดต่อ และตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่กลับไปกับเขา เธอไม่อยากถูกใครต่อใครประณามว่าเป็นเมียน้อยคนอื่น ไม่อยากกลายเป็นที่รังเกียจของสังคม
โชคดีที่สวรรค์เมตตา ในที่สุดจิ้นหยวนก็เป็นคนปล่อยมือและจากไปเอง มันทำให้เธอโล่งอกมาก แต่ก็อดรู้สึกหดหู่ไม่ได้
ความรู้สึกสลับซับซ้อนเช่นนี้เธอพูดมันออกมาไม่ได้ ได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ไป แต่ดูเหมือนคริสจะไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่ เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว หลังจากคุยเรื่องงานกันอีกเล็กน้อย เขาก็วางสายไป
หลังจากวันนั้น ชีวิตเธอกลับมาสงบสุขเหมือนเดิม เธอเข้างานและเลิกงานตรงเวลาทุกวัน ได้ใกล้ชิดคริสบ้างเป็นครั้งคราว ส่วนเรื่องที่เขาชวนให้เธอไปทำอาหารเย็นสุดสัปดาห์นั้น เธอแสร้งทำเป็นลืมไปแล้ว ส่วนเขาเองก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเช่นกัน
แต่ยังมีอีกเรื่องที่เพิ่มเข้ามาในชีวิต นั่นคือ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอได้รับสายจากจิ้นหยวนแทบจะทุกวัน บางวันเขาแค่โทรมาทักทายสั้นๆ เพียงไม่กี่คำ และบางวันเขาก็พูดเรื่องนั่นนู่นนี่ยาวเหยียด เธอได้แต่ฟังเขาอยู่เงียบๆ และพูดน้อยมาก
เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรดี จึงได้แต่ฟังอยู่เงียบๆ
จิ้นหยวนเข้าใจความคิดเธอดี เขาจึงไม่คิดบังคับใจเธอ ถือว่าดีมากแล้วที่เธอยังรับฟังเขาอย่างเงียบๆ เทียบกับตอนที่เธอปฏิเสธเขาอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว ตอนนี้ดีกว่าตั้งเยอะ
ตอนนี้เขารู้สึกพอใจมากแล้ว เขาอยากจะจัดการงานต่างๆ ให้เสร็จเรียบร้อยเร็วๆ จะได้รับเธอกลับมาไวๆ ดังนั้น ช่วงนี้เขาจึงอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ ซึ่งแตกต่างจากช่วงก่อนที่เขาเอาแต่ทำหน้าดำคร่ำเครียด จนลูกน้องที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต่างพากันแปลกใจเป็นแถว และแอบซุบซิบกันเงียบๆ
แต่… เรื่องที่เขาอารมณ์ดีผิดปกติก็ถูกหร่วนเซียงเซียงรู้เข้าจนได้
แม้เธอจะถูกจิ้นหยวนลงโทษ แต่เพียงไม่นานจิ้นเฮ่าก็รู้เรื่องเข้าจนได้ จิ้นเฮ่าโดดออกมาขอความเห็นใจจากเขา จิ้นหยวนไม่อาจปฏิเสธ อีกทั้งเขากำลังยุ่งเรื่องไปต่างประเทศ ทำให้เรื่องลงโทษเธอค่อยๆ ถูกละเลยไป
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าจิ้นหยวนยังคงไม่สนใจไยดีเธอเหมือนเดิม ความกล้าของเธอก็กลับมาอีกครั้ง
เธอคอยจับสังเกตอยู่เงียบๆ เธอฉวยโอกาสที่จิ้นหยวนนานๆ จะกลับบ้านตระกูลจิ้นสักครั้ง แอบฟังเขาคุยโทรศัพท์ ในที่สุด วันหนึ่งเธอก็ได้เห็นจิ้นหยวนยิ้มอย่างอ่อนโยน ซึ่งนั่นเป็นรอยยิ้มที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
เสี้ยววินาทีนั้น เธอรู้ทันทีว่าเฉียวซือมู่กลับมาแล้ว
ไม่มีหลักฐาน มีเพียงสัญชาตญาณเท่านั้น เธอยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะแอบติดเครื่องดักฟังจิ้นหยวน อาศัยเพียงบทสนทนากระท่อนกระแท่นและสีหน้าอ่อนโยนของเขา สำหรับคนอื่นถือว่าหลักฐานไม่เพียงพอ แต่สำหรับเธอ มันมากเกินพอแล้ว
เธอครุ่นคิดอยู่เงียบๆ เพลิงโทสะปะทุขึ้นในใจ เฉียวซือมู่ ทำไมตอนนี้เธอถึงยังทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองอยู่อีก? ทำไมเธอไม่ตายๆ ไปซะ?
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เรื่องที่เธอถูกจิ้นหวนหมางเมินทุกเมื่อเชื่อวันยังไม่มีวิธีแก้ปัญหาด้วยซ้ำ ตอนนี้เฉียวซือมู่ยังกลับมาอีก สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นข่าวร้ายที่เธอไม่อยากได้ยินมากที่สุดแล้ว
เฉียวซือมู่ ทำไมเธอยังไม่ตายสักที?
ยิ่งคิดยิ่งโมโห ราวกับถูกผีสิง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทรออกหาคุณนายหร่วนทันที
คุณนายหร่วนรับฟังเธอระบายความทุกข์แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็น “ลูกแน่ใจใช่ไหม?”
ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าจิ้นหยวนแต่งงานกับหร่วนเซียงเซียงแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงโผล่มาอีก?
หร่วนเซียงเซียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หนูแน่ใจค่ะ ต้องเป็นมันแน่ๆ!”
“แล้วลูกจะทำยังไงต่อ?” คณนายหร่วนเอ่ยถามอย่างสงบเยือกเย็น
เธอชะงักนิ่งอึ้ง จริงสิ แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อ? เธออยาก… ทำให้เฉียวซือมู่ตายๆ ไปซะ!
คุณนายเฉียวฟังคำตอบของเธอแล้วนิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นเอ่ยขึ้นถามหร่วนเซียงเซียงท่ำกำลังหงุดหงิดและกระวนกระวายใจ “ลูกตัดสินใจแน่แล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ” เธอกำโทรศัพท์มือถือแน่นจนข้อนิ้วมือขึ้นสีขาว “หนูคิดได้แล้ว มันเป็นฝันร้ายที่ขวางกั้นหนูกับจิ้นหยวนเอาไว้ มีแต่กำจัดมันทิ้งเท่านั้น หนูกับเขาถึงจะเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้น ลูกสาวของคุณแม่คงต้องกลายเป็นหม้ายผัวลืมแน่ๆ”
“ดี แม่จะช่วยลูกเอง แต่ลูกต้องจำเอาไว้ ลูกเองก็ต้องพยายามเหมือนกัน อย่าทำให้เขาเกลียดลูกต่อไปแบบนี้ เข้าใจหรือยัง?”
“ค่ะ!”
จิ้นหยวนไม่รู้ว่าตัวเองถูกหร่วนเซียงเซียงแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์กับเฉียวซือมู่ ยิ่งไม่รู้ว่าเฉียวซือมู่กำลังตกอยู่ในอันตรายเพราะเขา เพราะยามนี้เขามัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาเล่นงานตระกูลฉีที่กำลังยั่วยุเขา
ฉีหย่วนเหิง! เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อย่าได้ตกมาอยู่ในมือฉันเชียว ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำให้นายไม่มีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย! เขาให้สัญญากับตัวเองอยู่ในใจ
ครั้งก่อนที่เขาจำใจต้องปล่อยเฉียวซือมู่ไปก็เพราะได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องว่าในบริษัทมีหนอนบ่อนไส้ ความลับบริษัทถูกขโมย เรื่องนี้หนักหนาสาหัสมากจนเขาต้องยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อบินกลับประเทศทันที ตอนแรกเขากะว่าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยให้เร็วที่สุดแล้วกลับไปรับเธอ แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าฉีหย่วนเหิงกลับมาคราวนี้ ฝีมือเขาจะพัฒนาไปไกลมาก กลยุทธ์แต่ละอย่างที่ฉีหย่วนเหิงสร้างปัญหาให้เขา ทำให้เขารับมือแทบไม่ทัน
แผนการรับตัวเฉียวซือมู่กลับจึงต้องเลื่อนออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีกำหนด และนี่ทำให้เขาอารมณ์เสียอีกแล้ว ลูกน้องที่รู้ต้นสายปลายเหตุต่างพากันอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาอีกระลอก
“พี่ใหญ่ ได้เวลาประชุมแล้วครับ” เสียงหลินจื้อเฉิงดังออกมาจากเครื่องอินเตอร์คอมที่ติดตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของจิ้นหยวน
เขาสูดหายใจลึกๆ ติดกระดุมเสื้อสูทหรูที่สั่งตัดเป็นพิเศษให้เรียบร้อย ผลักประตูเปิดออก ก้าวเท้ายาวๆ เดินไปทางห้องประชุม
ฉีหย่วนเหิง ฉันจะไม่มีวันปล่อยนายไปเด็ดขาด
อีกฟากหนึ่ง เฉียวซือมู่กำลังดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข เธอเข้างานและเลิกงานตรงเวลาทุกวัน ชีวิตที่ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดดีขึ้นไม่น้อย เพราะคริสตั้งใจดูแลเธอเป็นอย่างดี เธอจึงมีเงินเหลือพอซื้อของที่ตัวเองชอบได้เป็นครั้งคราว
ช่วงเวลากระชุ่มกระชวยเช่นนี้ทำให้เธอมีความสุขไม่น้อย
แต่ว่า ทะเลที่ดูเงียบสงบใช่ว่าจะไม่มีคลื่นใต้น้ำ และชีวิตที่ดูสงบสุขใช่ว่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตซ่อนอยู่
วันหนึ่ง หลังจากรับประทานอาหารค่ำฝีมือตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอกำลังจะซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มหนานุ่มเพื่อหนีความเหน็บหนาวในเหมันตฤดู จู่ๆ จิ้นหยวนก็โทรศัพท์หาเธอ “มู่มู่ คุณเลิกงานหรือยัง?”