เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 235 เริ่มการแก้แค้น
เจิ้งไห่เดินเข้าไปในห้อง ยื่นแฟ้มเอกสารแฟ้มหนึ่งให้เขา ฉีหย่วนเหิงพยักพเยิดไปทางจิ้นหยวน “เอาให้ท่านประธานจิ้นดูเอง จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวต้นเหตุ”
ท่าทางของเขาทำให้จิ้นหยวนรู้สึกท่าไม่ดีเสียแล้ว จิ้นหยวนที่มีสีหน้าเคร่งเครียดรับแฟ้มเอกสารมาจากเจิ้งไห่แล้วเปิดดูอย่างรวดเร็ว สายตาของเขาเย็นเยือกทันที “นี่ของจริงใชไหม?”
เขาเชื่อสิ่งที่เห็นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ยังคงเอ่ยถามออกมาเพราะยังมีความหวังเสี้ยวสุดท้าย
“แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ?” ฉีหยวนเหิงส่ายศีรษะ จ้องจิ้นหยวนพลางถอนหายใจ “ฉันว่านะ น่าสงสาร ท่านประธานจิ้นผู้เฉลียวฉลาดมาทั้งชีวิต กลับต้องมาตกม้าตายเพราะไม่รู้ว่าเมียตัวเองก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้เอาไว้ ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆ”
จิ้นหยวนสีหน้าถมึงทึง “ฉันไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่”
ที่แท้ ฉีหย่วนเหิงพบโทรศัพท์มือถือของคนที่คิดจะขับรถชนเฉียวซือมู่ให้ตาย แม้บันทึกการโทรเข้าออกจะถูกลบออกจนหมด แต่ฝีมือลูกน้องของเขาเก่งฉกาจจนสามารถสืบจนได้เบาะแส พวกเขาไล่สืบตามเบาะแสนั้นจนพบว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อกันนั้นเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อจากคฤหาสน์ตระกูลหย่วน
หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ คนที่จ้างคนฆ่าคนคือคนตระกูลหย่วน และคงไม่ต้องบอกว่าเพราะอะไร เพราะเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับหย่วนเซียงเซียงอย่างแน่นอน
ใบหน้าของจิ้นหยวนขึ้นสีแดงสลับเขียว ไม่คิดเลยว่าฉีหย่วนเหิงสืบไปสืบมา สุดท้ายหวยจะมาออกที่เขาจนได้ เขาจ้องฉีหย่วนเหิงที่กำลังดูเรื่องสนุกด้วยสายตาเย็นเยียบ “ฉันจะเป็นคนอธิบายเรื่องนี้กับเธอเอง แต่เธอจะอยู่กับนายไม่ได้ ฉันจะพาเธอกลับ”
“นายถือสิทธิ์อะไรไม่ทราบ?” ฉีหย่วนเหิงยิ้มเยาะ “นายคิดว่าตัวเองยังเป็นจิ้นหยวนคนเก่าที่คิดอยากจะพาผู้หญิงคนไหนไปอยู่ด้วยก็ไม่มีใครกล้าพูดอย่างนั้นเหรอ? นายเชื่อหรือเปล่า ขืนนายพาเธอกลับไปด้วย ไม่ถึงครึ่งเดือนเธอได้ตายโหงแน่”
“นายพูดเกินไปแล้ว ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่!” จิ้นหยวนเอ่ยเฉียบขาด ฉีหย่วนเหิงเห็นเขาเป็นเด็กอมมือหรืออย่างไร? นี่เขาคิดว่าหร่วนเซียงเซียงเก่งกาจขนาดนั้นเลยเชียวหรือ?
ฉีหย่วนเหิงหัวเราะเยาะ “นายไม่เชื่อ? ว่างๆ ก็ลองไปเช็คประวัติแม่ยายของนายดูนะ ดูซิว่าหลายปีมานี้คุณนายหร่วนทำเรื่องดีๆ อะไรเอาไว้บ้าง? ถึงยังไงลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้น นายคิดว่าเมียนายเป็นแม่พระหรือไง? คิดไม่ถึงว่าท่านประธานจิ้นจะเป็นผู้ชายที่ไร้เดียงสาขนาดนี้ มู่มู่คงตาบอดไปแล้วที่ชอบนาย”
“ห้ามเรียกเธอว่ามู่มู่!” จิ้นหยวนคำรามเสียงต่ำด้วยความโกรธจัดที่ถูกฉีหย่วนเหิงฉีกหน้า
“ฉันจะเรียก แล้วจะทำไม มู่มู่ มู่มู่ มู่มู่ …” ฉีหย่วนเหิงยั่วโทสะจิ้นหยวนอย่างไม่เกรงกลัว
“นายมันรนหาที่เอง!” จิ้นหยวนหมดความอดทน เหวี่ยงกำปั้นออกไปเต็มกำลัง…
เสียงชกต่อยอย่างดุเดือดดังขึ้นอีกระลอก สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือไร้เสียงสิ่งของแตกหักดังโพล้งเพล้งเหมือนรอบแรก เพราะข้าวของเครื่องใช้พวกนั้นแตกหักหมดตั้งแต่ทั้งสองวางมวยกันรอบแรกแล้ว…
สุดท้ายจิ้นหยวนก็ไม่ได้พาเฉียวซือมู่กลับไปด้วย เพราะฉีหย่วนเหิง “เกลี้ยกล่อม” เขาจนสำเร็จ ฉีหย่วนเหิงแนะนำให้เขากลับไปหายาถอนพิษดีกว่า เพราะที่มาที่ไปของยาพิษที่เกือบคร่าชีวิตเฉียวซือมู่น่าสงสัยมาก เป็นไปได้ที่คนตระกูลหร่วนจะเป็นคนให้คนร้ายเอง ถ้าจิ้นหยวนพาเธอกลับไปด้วยแล้วเกิดเธอถูกปองร้ายอีกจะทำอย่างไร?
จิ้นหยวนกลับไปพร้อมความโกรธเต็มพิกัด หลินจื้อเฉิงขับรถไปรับเขาที่สนามบิน เห็นสีหน้าของเขาแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่เป็นอะไรไปครับ?”
น่าแปลก ไหนบอกว่าเจอตัวคุณเฉียวแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมสีหน้าถึงแย่มากขนาดนี้ จริงสิ หรือว่าเธอไม่ยอมกลับ?
จิ้นหยวนที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดนั่งเงียบไม่ตอบ เมื่อเห็นว่าหลินจื้อเฉิงกำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังบริษัทจึงเอ่ยขึ้น “ไปบ้านใหญ่”
หลินจื้อเฉิงเอ่ยตอบ “พี่ใหญ่ เดี๋ยวจะมีการประชุมที่บริษัท ถ้าพี่ไม่ไปล่ะก็…”
จิ้นหยวนส่ายศีรษะ “ไปบ้านใหญ่ แล้วนายกลับไปประชุมแทนฉัน”
เขาเอ่ยเสียงเฉียบขาด น้ำเสียงทรงอำนาจจนไม่อาจขัดขืน หลินจื้อเฉิงอยากพูดแต่พูดไม่ออก ได้แต่กลับรถแล้วขับกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลจิ้นตามคำสั่ง และแอบเดาไปต่างๆ นานาตลอดทางว่าจิ้นหยวนคิดจะทำอะไรกันแน่
แต่คิดให้สมองระเบิดเขาก็คิดไม่ตกเสียทีว่าจิ้นหยวนคิดจะทำอะไรกันแน่
จิ้นหยวนเดินลงจากรถ ทันทีที่เดินเข้าไปในบ้านเขาก็ได้ยินหัวเราะของหร่วนเซียงเซียงกับจิ้นเฮ่าดังลอยมา เสียงหร่วนเซียงเซียงเอ่ย “คุณพ่อยอมหนูหน่อยไม่ได้เหรอคะ? หนูแพ้จนหมดตัวแล้วเนี่ย คุณพ่อไหว้หน้าหนูหน่อยสิคะ”
จิ้นเฮ่าหัวเราะร่า “ใครบอกให้เราออกตัวว่าจะต้องเอาชนะพ่อให้ได้ล่ะ ดูตอนนี้ซิ แพ้แล้วก็มาร้องขอความเห็นใจ หมดกัน ภาพลักษณ์ดาราเจ้าบทบาท”
จากนั้นตามมาด้วยเสียงออดอ้อนของหร่วนเซียงเซียง จิ้นเฮ่าหัวเราะชอบใจไม่หยุด ในห้องรับแขกเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
จิ้นหยวนชะงักเท้าเล็กน้อย จากนั้นก้าวเดินเข้าไปอย่างมุ่งมั่น
ทุกคนในห้องรับแขกได้ยินเสียงฝีเท้าจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ “อาหยวน?”
“กลับมาแล้วเหรอ!”
จิ้นเฮ่ากับฉินเพ่ยหรงดีใจที่เห็นจิ้นหยวนกลับบ้าน แต่หร่วนเซียงเซียงกลับวางหมากในมือลงด้วยความตกใจ จากนั้นลุกขึ้นยืนอย่างหวาดๆ “พี่จิ้นหยวน”
จิ้นเฮ่าเห็นอาการของหร่วนเซียงเซียงแล้วสงสารเธอขึ้นมาทันที เขาชักหัวคิ้วชนกันแน่นพลางเอ่ยกับจิ้นหยวน “แกดูซิว่าทำเซียงเซียงตกใจหมดแล้ว แกจะยิ้มสักหน่อยไม่ได้เลยหรือไง?”
ความจริงอาการของหร่วนเซียงเซียงเป็นอาการของวัวสันหลังหวะต่างหาก พอเห็นจิ้นหยวนถึงได้ประหม่ามากขนาดนี้
จิ้นเฮ่าไม่เข้าใจ แต่จิ้นหยวนกลับเข้าใจอย่างถ่องแท้ เขาจ้องเธอด้วยสายตาเย็นเยือก เมื่อเห็นเธอหดคอตัวสั่นเล็กน้อยจึงครางเสียงฮึอย่างเย้ยหยัน “ถ้าไม่อยากเห็นก็กลับบ้านตัวเองไปสิ”
หร่วนเซียงเซียงน้ำตาคลอเบ้า เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าน่าสงสาร “พี่จิ้นหยวน”
จิ้นหยวนรู้ดีว่าเธอเล่นละครเก่งมากแค่ไหน เพราะฉายาดาราเจ้าบทบาทนั้นใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ “อยากจะบีบน้ำตาก็ไปบีบกับคนอื่น เธอคิดว่าฉันจะหลงกลเธออย่างนั้นเหรอ?”
ยังไม่ทันที่หร่วนเซียงเซียงจะได้อ้าปากพูดอะไร จิ้นเฮ่าก็ทนดูไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะดัง “ปัง” แล้วต่อว่าจิ้นหยวน “นี่แกพูดอะไรของแก? เซียงเซียงเป็นเมียแกนะ!”
จิ้นหยวนสีหน้าเย็นชา ไม่สนใจคำพูดของจิ้นเฮ่าสักนิด เขาหมุนตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วเอ่ย “ที่ผมกลับมาเพราะมีเรื่องจะมาบอก ผมคิดว่าให้เธออยู่ที่นี่กับคุณพ่อคุณแม่คงไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่ ผมกำลังจะพาเธอไปอยู่กับผมที่โน่น”
หลังจบประโยค ทุกคนในห้องตะลึงงัน ฉินเพ่ยหรงเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “อาหยวน นี่ลูกพูดจริงเหรอ?”
ต่อหน้าฉินเพ่ยหรง จิ้นหยวนสีหน้าอ่อนโยนขึ้น “ครับ คุณพ่อคุณแม่อยากอุ้มหลานมากไม่ใช่เหรอครับ? อยู่ที่โน่นน่าจะทำอะไรๆ สะดวกกว่าที่นี่”
คำพูดเรียบๆ ของเขาทำให้หร่วนเซียงเซียงหน้าแดงซ่าน จิ้นเฮ่าและฉินเพ่ยหรงต่างยิ้มดีใจ ฉินเพ่ยหรงถลึงตาใส่จิ้นหยวน “ลูกคนนี้นี่ พูดอะไรไม่รู้จักอายเสียบ้าง เซียงเซียงยังอยู่ตรงนี้นะ”
ตอนแรกเธอก็ไม่ค่อยชอบหน้าหร่วนเซียงเซียงสักเท่าไหร่ แต่หลังจากใช้ชีวิตยู่ร่วมกันนานหลายเดือน เธอค่อยๆ ชอบหร่วนเซียงเซียงมากขึ้น เรื่องนี้คงต้องยกความดีความชอบให้หร่วนเซียงเซียงที่พยายามเอาอกเอาใจพวกเธออย่างสุดความสามารถและอย่างไม่ละความพยายาม
หร่วนเซียงเซียงฉลาดมาก เธอรู้ว่าจิ้นหยวนไม่ชอบตัวเอง จึงเบนเข็มไปเอาอกเอาใจคุณพ่อคุณแม่ของเขาแทน แต่น่าเสียดายที่เธอไม่รู้ว่าจิ้นหยวนมีจิตใจที่มั่นคงมาก และไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆ เพียงเพราะความฉลาดในเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้
จิ้นหยวนหัวเราะเบาๆ “ผมพลั้งปากไปน่ะครับ”
ในขณะที่พ่อแม่ของจิ้นหยวนกำลังดีอกดีใจมากอยู่นั้น หร่วนเซียงเซียงกลับลังเลขึ้นมาเสียดื้อๆ