เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 249 เที่ยวสวนสนุก
จิ้นหยวนได้แต่พยักหน้าให้เธอเงียบๆ อย่างเซ็งๆ
เธอกอดเขาอย่างพึงพอใจ “ดูหนังในโรงหนังกับดูอยู่ที่บ้านนี่ไม่เหมือนกันจริงๆ นะคะ บรรยากาศในโรงหนังดีกว่าตั้งเยอะ”
จริงเหรอ? ทำไมเขาไม่เห็นรู้สึกเลยล่ะ? เขาลูบศีรษะเธอเบาๆ “ยังอยากจะดูอีกไหม?”
แม้เขาจะเบื่อมาก แต่เห็นเธอมีความสุขก็คุ้มแล้ว
เธอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วส่ายศีรษะ “ไม่ดีกว่าค่ะ ดูมากไปเดี๋ยวก็หมดสนุกกันพอดี”
เธอลุกขึ้นยืนพลางจับมือเขา “เราไปที่อื่นกันดีกว่าค่ะ”
“ก็ดีเหมือนกัน” เขาเดินตามเธอออกไป “แล้วไปที่ไหนดีล่ะ?”
เธอกรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด แม้เธอไม่ได้ออกจากบ้านนานมากแล้ว แต่ที่นี่ก็เป็นที่ที่เธออยู่มาตั้งแต่เด็ก เธอแทบจะไปมาหมดจนไม่เหลือที่สนุกให้ไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็…
จู่ๆ เธอก็หัวเราะออกมาเบาๆ จิ้นหยวนเห็นท่าทางเธอแล้วชักสังหรณ์ใจแปลกๆ
และเขาหมดคำพูดทันทีที่ไปถึง
“คุณเฉียวครับ ไม่ทราบว่าคุณอายุเท่าไหร่แล้วครับ?” เขาชี้ไปยังป้ายเหนือศีรษะด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็ฉันมีหัวใจที่อ่อนเยาว์นี่คะ”
ที่แท้เฉียวซือมู่พาจิ้นหยวนมาที่สวนสนุกมีชื่อประจำเมืองนั่นเอง
จิ้นหยวนมองเด็กๆ ที่กำลังหัวเราะร่าเริงที่อยู่รอบๆ แล้วสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที
เฉียวซือมู่ไม่สนใจอะไรมากมาย จูงมือเขาวิ่งเข้าไปข้างในทันที “เลิกมองได้แล้ว ฉันว่านะ ตั้งแต่คุณโตเป็นหนุ่ม คุณคงไม่เคยเข้ามาเล่นอะไรแบบนี้อีกละสิ ใช่ไหมคะ? เชื่อฉัน มันสนุกมากเลยนะคะ”
จิ้นหยวนต้องไปซื้อบัตรทางเข้าแต่โดยดีอย่างไม่มีทางเลือก เขามองดูเครื่องเล่นมากมายละลานตาตรงหน้า แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเด็กๆ ที่อยู่ข้างบน รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาตงิดๆ
เขาชี้ไปยังเด็กๆ พวกนั้น “คุณแน่ใจนะว่าจะเล่นแบบนั้น?”
เธอเผยยิ้มกว้างสดใส “ค่ะ”
จิ้นหยวนส่ายศีรษะ ลากเธอไปอีกทาง “เล่นน่ะเล่นได้ แต่คุณห้ามเล่นเครื่องเล่นที่มันหวาดเสียวเกินไป”
“ทำไมล่ะคะ?” เธอผิดหวังมาก
“คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าร่างกายคุณยังไม่แข็งแรงดี? หรือว่าคุณอยากเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ?” จิ้นหยวนล่ะปวดหัวจริงๆ ผู้หญิงคนนี้นี่สะเพร่าจริงๆ ลืมไปได้อย่างไรว่าตัวเองยังเป็นคนป่วยอยู่
เฉียวซือมู่ลืมเรื่องนั้นไปแล้วจริงๆ พอฟังเขาพูดจึงนึกขึ้นมาได้ ได้แต่ทำหน้าผิดหวัง “เซ็งเป็นบ้า ฉันอยากจะเล่นเครื่องเล่นในนี้ให้หมดทุกเครื่องจริงๆ นะ”
จิ้นหยวนจิ้มจมูกเธอเบาๆ “ผมว่านะ คุณไม่ได้มีหัวใจที่อ่อนเยาว์หรอก แต่คุณน่ะเด็กชัดๆ”
เห็นสีหน้าผิดหวังของเธอแล้วอดเอ่ยปลอบไม่ได้ “โอเค ผมรับปากคุณ รอให้คุณแข็งแรงดีแล้วผมจะพาคุณมาที่นี่อีก”
“จริงนะคะ? คุณพูดเองนะ” เธอดีใจมาก เกี่ยวก้อยกับเขาเป็นการสัญญา
แม้เธอจะคาดหวังกับการมาที่นี่อีกครั้ง แต่ตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่ดี สุดท้าย ทั้งสองจึงเลือกเล่นเครื่องเล่นที่ปลอดภัยแทน อย่างเช่น ม้าหมุน เป็นต้น ส่วนสวนสนุกบ้านลมพวกนั้น ถึงเธอจะเข้าไปเล่นได้ แต่พอเห็นเด็กๆ ที่กำลังเดินโยกเยกไปหมด เธอก็หมดกำลังใจที่จะเล่นทันที
เธอนั่งถอนหายใจเซ็งๆ อยู่บนม้าหมุน จิ้นหยวนอมยิ้มนั่งซ้อนหลังและกอดเอวเอาไว้แน่น มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่สนใจภาพลักษณ์อะไรทั้งนั้นแล้ว
“ขืนคุณยังทำหน้าแบบนี้อยู่อีก ผมคงคิดว่าตัวเองพาลูกสาวออกมาเที่ยว ไม่ใช่พาเมียออกมาเที่ยวแล้ว”
เขาเอ่ยยิ้มๆ
เฉียวซือมู่ตวัดสายตามองเขาตาเขียวปั๊ด ดวงตากลมโตเป็นประกายทำให้หัวใจเขากระตุกวูบ “พูดบ้าๆ”
เธอทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ แต่ในใจกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เขาหอมแก้มเธอเบาๆ “โกรธเหรอ?”
เธอมองเขาแวบหนึ่ง “รอบตัวมีแต่เด็กๆ ระวังคุณจะกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะคะ”
เขายิ้มตาหยี “ไม่กลัวหรอก นี่เรากำลังสอนพวกเขาล่วงหน้านะ”
เธอหมดคำพูด “เถียงข้างๆ คูๆ”
จิ้นหยวนยิ้มกอดเอวเธอแน่น เอ่ยเสียงเบาอยู่ข้างหูเธอ “ต่อหน้าคุณ ผมก็ต้องพูดความจริงอยู่แล้ว ใครใช้ให้คุณเป็นคนที่ผมรักมากที่สุดกันล่ะ?”
ใบหน้าไม่รักดีของเธอแดงซ่านทันที “คนเต็มไปหมด ทำไมคุณ…”
เธอเงยหน้าขึ้นพลันเห็นผู้ปกครองบางคนกำลังมองเธอยิ้มๆ ยิ่งทำให้เธออายมากขึ้นไปอีก เธอทุบเขาแล้วกระโดดลงจากม้าหมุนทันที
จิ้นหยวนคิดไม่ถึงว่าเธอจะกระโดดลงไปกะทันหันแบบนั้น ร่างเขาโงนเงนจนเกือบตกจากม้าหมุน เขาวิ่งไล่ตามเธอไปจนทัน เห็นใบหน้าแดงก่ำเป็นลูกตำลึงของเธอ
เขาชะงักเล็กน้อย ปฏิกิริยาแรกคือเธอโกรธแล้ว เขาพยายามถามแต่เธอก็ไม่ยอมตอบ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ “คุณกำลังเขินเหรอ?”
เฉียวซือมู่มองเขาตาเขียวปั๊ด “คณนะสิเขิน พูดแบบนั้นต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนั้นได้ยังไงกัน”
“คุณเขินจริงๆ ด้วย” จิ้นหยวนยิ้มปลื้ม รีบเข้าไปกอดเธอเอาไว้ “เราเป็นผัวเมียกันแล้วนะ ทำไมถึงยังหน้าบางแบบนี้ เด็กอนุบาลสมัยนี้เขายังมีแฟนกันแล้ว คุณยังจะอายอะไรอีก?”
เธอมองหาม้านั่งเพราะอยากจะนั่งพัก ตอนนี้ร่างกายเธอยังไม่แข็งแรงดีจึงเหนื่อยง่ายกว่าปกติ จิ้นหยวนเห็นแล้วเข้าใจทันที เขาจึงพาเธอไปนั่งลงบนม้านั่งยาวที่อยู่ใกล้ๆ
หลังจากนั่งลงแล้ว จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามายื่นขวดน้ำให้พวกเธอด้วยท่าทางนอบน้อม
เธอมองคนคนนั้นด้วยความแปลกใจแวบหนึ่ง เห็นท่าทางนอบน้อมของเขาแล้วจึงนึกขึ้นได้ “คนของคุณเหรอคะ?”
จิ้นหยวนรับขวดน้ำมาแล้วเปิดฝาขวดออก “ผมพาลูกน้องมาด้วยหลายคน ถ้าคุณไม่ชอบ เดี๋ยวผมสั่งไม่ให้พวกเขาออกมาให้เห็นหน้าก็ได้”
เธอมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย แม้เธอจะไม่ชอบใจนัก แต่พอคิดถึงสถานะของจิ้นหยวนแล้วก็ต้องทำใจ
เธอส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่พามาด้วยก็คงไม่ได้”
จิ้นหยวนยิ้มพลางลูบศีรษะเธอเบาๆ “คุณเปลี่ยนไปมากเลยนะ”
“เหรอคะ? เปลี่ยนเป็นดีขึ้นหรือแย่ลงล่ะคะ?” เธอเอ่ยถามอย่างซุกซน
“ก็ต้องดีขึ้นสิ” จิ้นหยวนหลงกลจนได้
“เฮ้อ ที่แท้ในสายตาคุณ เมื่อก่อนฉันก็เป็นคนที่แย่มากนี่เอง” เธอทอดถอนใจ
เขานิ่งอึ้ง รีบอธิบายลนลาน “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ผมหมายความว่า เมื่อก่อนคุณก็ดีมากแล้ว แต่ตอนนี้…” เขาเอ่ยได้เพียงครึ่งก็เห็นเธอแอบยิ้ม ถึงได้รู้ว่าตัวเองหลงกลเข้าให้แล้ว “ดีมาก เดี๋ยวนี้กล้าหลอกผมแล้วเหรอ?”
เอ่ยจบแล้วยื่นมือออกไปจี้ใต้วงแขนเธอ เธอกลัวไม้ตายนี้มาก ยังไม่ทันที่มือเขาจะถึงตัวเธอ เธอก็หัวเราะจนตัวงอแล้ว “ไม่เอานะ… ช่วยด้วย…”
เขาจี้จักแร้เธออย่าง “เย็นชาไร้หัวใจ” และอย่าง “ไม่หวั่นไหว” ทำให้เธอหัวเราะจนล้มลงกับอกแกร่งของเขาเพราะยืนไม่ไหวแล้ว เขากอดเธอเอาไว้ เอ่ยถามข้างหูเธอ “ยังกล้าทำแบบนี้อีกไหม?”
“ไม่… ไม่กล้าแล้ว… ขอร้องล่ะ ไว้ชีวิตฉันเถอะ…” เธอหัวเราะจนหมดแรงหลังลิ้มรสบทลงโทษของเขา ได้แต่ร้องขอชีวิตเสียงกระท่อนกระแท่น
เขาครางเสียงฮึเบาๆ แล้วปล่อยเธอไปอย่าง “มีเมตตา”
ในที่สุด สองหนุ่มสาวเดินจับมือกันไปขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน
บนรถ ใบหน้าเธอแดงระเรื่อ มองหน้าเขาด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับ “ขอบคุณมากนะคะ วันนี้ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ” เธอหอมแก้มเขาเบาๆ
บรรยากาศในรถอบอุ่นและหวานชื่น สองหนุ่มสาวมองตาแล้วยิ้มให้กันอย่างมีความสุข