เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 286 ติดตามร่องรอย / ตอนที่ 287 เบาะแส
ตอนที่ 286 ติดตามร่องรอย
จิ้นหยวนรีบเอ่ยปลอบ “ไม่ต้องร้องนะ บางทีคุณป้าอาจจะแค่ออกไปเที่ยวก็ได้ เดี๋ยวท่านก็กลับมาเอง”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ท่านไม่มีทางหายตัวไปโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้แน่ จะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับท่านแน่ๆ ค่ะ” สัญชาตญาณบอกกับเธอว่าการหายตัวไปของคุณแม่ครั้งนี้ต้องมีลับลมคมในแน่ เธอโมโหตัวเองที่ไม่ค่อยติดต่อคุณแม่ จนท่านหายตัวไปเธอก็ยังไม่รู้เรื่อง
จิ้นหยวนครุ่นคิดชั่วครู่ “เดี๋ยวผมให้คนไปเช็คกล้องวงจรปิดที่นั่น คุณรอผมนะ” เอ่ยจบแล้วกดตัดสายจากเธอ จากนั้นโทรศัพท์สั่งให้คนของตัวเองไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณนั้นทันที
แม้ประชาชนคนทั่วไปจะดูภาพกล้องวงจรปิดพวกนี้ไม่ได้ แต่คนอย่างจิ้นหยวนอยากจะดูกลับเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว เพียงไม่นาน ภาพจากกล้องวงจรปิดก็ถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์ของลูกน้องเขาทันที
ความจริงวิธีตรวจสอบแบบนี้ถือเป็นวิธีทีที่ค่อนข้างโง่ไปหน่อย เพราะวิธีติดตามตัวที่ดีที่สุดคือการติดตามจากพิกัดของโทรศัพท์มือถือ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดจิ้นหยวนจึงต้องการยืนยันว่าคุณนายเฉียวปิดโทรศัพท์มือถือจริงหรือไม่
ถ้าคุณนายเฉียวไม่ได้ปิดโทรศัพท์มือถือ พวกเขาสามารถติดตามตัวเธอได้ง่ายๆ จากพิกัดของเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ แต่เธอดันปิดโทรศัพท์มือถือ จึงทำให้ต้องใช้วิธีที่โง่ที่สุดในการติดตามร่องรอยแทน นั่นก็คือตามร่องรอยจากกล้องวงจรปิดบริเวณบ้านเธอแทน
เฉียวซือมู่คาดเดาคร่าวๆ ว่าคุณนายเฉียวน่าจะหายออกจากบ้านประมาณหนึ่งถึงสองวัน พวกเขาจึงเริ่มติดตามภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนหลังสองวัน แม้จะดูย้อนหลังแค่สองวัน แต่ถือว่างานหนักไม่ใช่เล่น เพราะไม่รู้ว่าเธอออกจากบ้านเมื่อไหร่ ช่วงเช้าหรือช่วงบ่าย ช่วงเย็นหรือช่วงกลางคืน นั่งรถออกไปหรือว่าเดินออกไป ไปคนเดียวหรือว่าไปกับเพื่อน ซึ่งไม่มีใครรู้ข้อมูลพวกนี้เลยสักคน เพราะฉะนั้น ทุกคนจึงต้องคอยจ้องภาพจากกล้องวงจรปิดตาไม่กะพริบ
งานนี้ถือเป็นงานหนักมาก โชคดีที่จิ้นหยวนมีลูกน้องมากพอ แต่ละคนแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบ งานนี้จึงผ่านพ้นไปได้
ฝั่งจิ้นหยวน อาการของฉินเพ่ยหรงคงที่แล้ว เธอเห็นลูกชายที่คอยเฝ้าไข้ไม่ห่างกายแล้วสงสารเขามาก พอเห็นท่าทางเขาจะมีธุระสำคัญที่ต้องจัดการจึงโบกมือให้เขากลับไปเสีย
จิ้นหยวนรีบขับรถไปหาเฉียวซือมู่ทันที พอก้าวเข้าไปในบ้านก็เห็นเธอกำลังนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ ทำให้เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ
เฉียวซือมู่โทรศัพท์หาทุกคนที่เธอและคุณนายเฉียวรู้จัก แต่กลับไม่มีใครรู้เลยสักคนว่าเธอหายไปไหน ราวกับว่าอยู่ดีๆ เธอก็อันตรธานหายไปในอากาศอย่างไรอย่างนั้น
จิ้นหยวนกอดเธอแน่น เอ่ยข้างหูเธอเสียงเบา “ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะต้องหาท่านให้เจอ นะ”
ตอนนี้เฉียวซือมู่ลืมเรื่องไม่พอใจเมื่อคืนจนสิ้น เอ่ยกับเขาหน้าตาน่าสงสาร “ปกติคุณแม่จะไม่ออกไปไหนโดยไม่มีเหตุจำเป็นและไม่บอกฉันแบบนี้ ฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับท่าน… อาหยวน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับท่านแล้วฉันจะทำยังไง?”
จิ้นหยวนลูบศีรษะเธอเบาๆ อย่างปลอบโยน “อย่าเพิ่งคิดในแง่ร้าย คุณบอกว่าห้องนอนท่านเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ใช่เหรอ ดูเหมือนจะมีเหตุให้ต้องออกจากบ้านด้วยใช่ไหม? บางทีท่านอาจจะแค่ออกไปทำธุระก็ได้ คุณอย่าเพิ่งคิดในแง่ร้ายเลยนะ บางทีเรื่องมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิดก็ได้”
“จริงนะคะ?” เธอเช็ดน้ำตาแล้วมองเขา
ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาเอ่อคลอจ้องมองจิ้นหยวนนิ่ง มันทำให้หัวใจเขากระตุกอย่างแรง เขาพยายามเอ่ยอย่างใจเย็น “คุณพาผมไปดูที่ห้องนอนหน่อยสิ”
ตอนที่ 287 เบาะแส
“อืม” เธอตอบเสียงขึ้นจมูก จากนั้นพาเขาไปยังห้องนอนของคุณนายเฉียว จิ้นหยวนกวาดสายตามองไปรอบๆ และพบว่าทุกอย่างเป็นอย่างที่เธอบอก ของทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนคุณนายเฉียวออกจากบ้านเอง และไร้ร่องรอยคนนอกบุกรุกเข้ามาในบ้านนี้
เขาเดินไปหยุดยืนหน้าโต๊ะ ใช้นิ้วลูบโต๊ะเบาๆ ราวกำลังคิดอะไรอยู่
เฉียวซือมู่เดินเข้าไปหาเขา “คุณดูโต๊ะทำไมคะ?”
เขาเอ่ยตอบ “มีฝุ่นเกาะบนโต๊ะบางๆ แสดงว่าคุณป้าไม่ได้กลับมาอย่างน้อยสองวันแล้ว”
เขาคาดเดาได้ตรงกับเฉียวซือมู่ไม่มีผิด
เธอเริ่มร้อนใจขึ้นมาอีก เธอมองเขาแล้วเอ่ยถาม “แล้วตอนนี้เราควรทำยังไงดีคะ?”
จิ้นหยวนส่ายศีรษะ “คุณอย่าเพิ่งใจร้อน ในเมื่อคุณป้าเป็นคนออกไปเอง จะต้องมีเพื่อนบ้านเห็นแน่ บางทีอาจจะรู้ด้วยว่าท่านไปไหน เราลองไปถามเพื่อนบ้านดูกันเถอะ”
“ดีค่ะ” ตอนนี้เธอลนลานจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ความใจเย็นของจิ้นหยวนเป็นการปลอบใจที่ดีที่สุด ทำให้เธอเชื่อฟังคำแนะนำของเขาทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้
และพวกเขาก็ได้เบาะแสเพิ่มเติมอย่างรวดเร็ว
หลังจากสอบถามเพื่อนบ้านคนที่สาม เพื่อนบ้านคนนั้นบอกว่า “เห็นเธอออกไปจ่ายตลาดที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแถวนั้นเมื่อสองวันก่อน หลังจากนั้นก็ไม่รู้แล้ว”
เฉียวซือมู่ดีใจมาก รีบจูงมือจิ้นหยวนเดินไปตามทางที่เพื่อนบ้านคนนั้นบอกทันที
ซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่มากและมีลูกค้าเยอะมากในละแวกนั้น พวกเขาไล่ถามคนแถวนั้นแต่ก็ไม่มีใครรู้เรื่องสักคน จนกระทั่งไปสอบถามพนักงานคนหนึ่งที่กำลังทำงานอยู่ที่นั่นพอดี หลังจากเฉียวซือมู่อธิบายรูปร่างลักษณะของคุณนายเฉียวแล้ว พนักงานคนนั้นครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบ “ดูเหมือนจะเคยเห็นนะคะ”
เฉียวซือมู่ดีใจมาก รีบเอ่ยถามทันที “แล้วตอนนั้นเธอดูเป็นยังไงบ้าง? ออกจากที่นี่เมื่อไหร่? แล้วไปทางไหนต่อคะ?”
พนักงานคนนั้นมองเธอด้วยสายตาระแวง “เธอเป็นแค่ลูกค้าเท่านั้น ฉันทำงานอยู่ข้างในไม่ได้อยู่ข้างนอกสักหน่อย แล้วจะไปรู้ได้ยังไงว่าเธอกลับไปทางไหน”
พนักงานคนนั้นไม่รู้ว่าพวกเธอเป็นใคร จึงเอ่ยตอบอย่างไม่เกรงใจ
พูดตามตรง คำถามของเฉียวซือมู่ก็ตอบยากเหลือเกิน ลูกค้าที่มาจับจ่ายใช้สอยที่นี่เยอะมากขนาดนั้น แถมยังเป็นเรื่องเมื่อสองวันก่อนอีก เธอจำได้ว่ามีลูกค้าคนนี้เข้ามาใช้บริการก็ถือว่าดีมากแล้ว แล้วเธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าลูกค้าคนนั้นกลับไปทางไหน?
เฉียวซือมู่ผิดหวังจนเกือบจะร้องไห้ออกมา จิ้นหยวนทนเห็นสภาพเธอแบบนี้ไม่ได้ เขาหน้าเข้ม จับมือเธอแน่น เอ่ยถามพนักงานคนนั้นอย่างอดทน “คุณลองคิดดูดีๆ อีกที ตอนนั้นสีหน้าเธอเป็นยังไงบ้าง? แล้วมีคนมาด้วยหรือเปล่า? แล้วมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
เขาเอ่ยถามพลางหยิบธนบัตรหลายใบออกจากกระเป๋าเงินแล้วยัดใส่มือเธอ “แค่คิดให้ออกว่ามีอะไรอีกบ้าง เงินนี้ก็จะเป็นของคุณ”
พนักงานคนนั้นดวงตาเป็นประกายวาบ “คุณพูดเองนะ” จิ้นหยวนพยักหน้าหนักแน่น เธอเริ่มคิดอย่างจริงจัง ไม่นานเธอก็ตบมือดังเพียะ “ฉันนึกออกแล้ว!”
“อะไรคะ?” เฉียวซือมู่เอ่ยถามด้วยความดีใจ
“ฉันจำได้ว่าตอนนั้นเธอเข้ามาซื้อกับข้าว จากนั้นเหมือนเธอจะเจอคนรู้จักเข้า สีหน้าเธอดูโกรธมาก เธอรีบร้อนวิ่งออกจากร้านจนชนฉันเข้า ตอนนั้นฉันไม่ทันระวังตัว ก็เลยชนเข้ากับรถเข็นจนเจ็บไปหมด คุณดูสิ…” เธอเอ่ยอย่างไม่พอใจพลางยื่นแขนให้เฉียวซือมู่ดู บนแขนเธอมีรอยช้ำจ้ำใหญ่ที่ดูน่าตกใจมาก