เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 288 ดีใจเสียเปล่า / ตอนที่ 289 แกะรอยต่อ
ตอนที่ 288 ดีใจเสียเปล่า
“นี่เป็นรอยแผลที่ถูกชนตอนนั้น ตอนนั้นฉันยังคิดจะไล่ตามเธอไปอยู่เลย แต่เธอวิ่งเร็วมาก เหมือนกับว่ากำลังหนีใครอย่างนั้นแหละ แป๊บเดียวก็วิ่งหายไปแล้ว” พนักงานสาวอายุสามสิบกว่าๆ พูดไม่หยุด “คนสมัยนี้นี่ไร้มารยาทจริงๆ ชนคนอื่นแล้วก็ไม่ขอโทษสักคำ คิดว่าพนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างเราไม่ใช่คนหรือไง จริงๆ เลย…”
“เอ่อ ขอโทษด้วยนะคะ บางทีเธออาจจะมีธุระด่วนก็ได้ แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่าคะ? อย่างเช่น คนที่เธอเจอหรือสิ่งของอื่นๆ ที่เธอเห็น” เฉียวซือมู่รีบเอ่ยแทรกทันที ขืนปล่อยให้เธอพูดไปเรื่อยๆ คงไม่จบง่ายๆ แน่
พนักงานคนนั้นครางเสียงฮึดฮัด “ตอนนั้นฉันกำลังทำงานอยู่นะ ไม่มีเวลาสังเกตเรื่องพวกนั้นหรอก ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมเธอถึงวิ่งหนี ตอนนั้นมีคนเต็มไปหมด ฉันไม่เห็นอะไรหรอก” ความจริงถ้าเธอไม่ถูกชน เธอเองก็คงจำลูกค้าคนนั้นไม่ได้เหมือนกัน
เฉียวซือมู่รู้แล้วว่าคงไม่ได้เรื่องมากไปกว่านี้ จึงตามจิ้นหยวนกลับออกไปด้วยความผิดหวัง
จิ้นหยวนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรศัพท์สั่งให้ลูกน้องลงมือค้นหาทันที ตอนนี้รู้เวลาที่แน่นอนแล้ว ทำให้จำกัดการค้นหาให้แคบลง
เฉียวซือมู่ยังคงทำอะไรไม่ถูกเหมือนเดิม จึงปล่อยให้จิ้นหยวนเป็นคนกำกับเรื่องนี้เองคนเดียว
กระนั้น ต่อให้พวกเขาเก่งกาจอย่างไรก็ตาม แต่พวกเขาก็ต้องการเวลาเช่นเดียวกัน เฉียวซือมู่กลับถึงบ้านแล้วไม่ยอมกินไม่ยอมนอน จิ้นหยวนเอ่ยปลอยเสียงอ่อนโยน เธอได้แต่ฝืนยิ้มให้เขา ในใจเต็มไปด้วยความร้อนรนใจ
จิ้นหยวนได้แต่ทอดถอนใจอยู่ในอก
ในที่สุดจิ้นหยวนก็ได้รับรายงานจากลูกน้องในตอนเย็น “พี่ใหญ่ ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วครับ”
ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยอะไร เฉียวซือมู่ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงดังลอดออกมารางๆ แล้วดวงตาเป็นประกายวาบ “จริงเหรอ?”
ลูกน้องจิ้นหยวนรีบส่งภาพจากกล้องวงจรปิดให้เขาทันที เฉียวซือมู่ที่ยืนอยู่ข้างจิ้นหยวนชะโงกหน้าเข้าไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่เห็นแผ่นหลังเลือนรางนั้นทันที เธอกะพริบตาปริบๆ น้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว “ใช่จริงด้วย นั่นคุณแม่จริงๆ ด้วย”
จิ้นหยวนยื่นแขนโอบเธอเอาไว้ เห็นน้ำตาเธอแล้วสงสารเธอจับใจ เขายื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้เธอพลางเอ่ยปลอบ “คุณวางใจเถอะ ผมจะต้องตามหาคุณป้าจนเจอให้ได้”
เธอเอ่ยตอบอืมเสียงเบา สายตาจับจ้องอยู่ที่ภาพจากกล้องวงจรปิดสองชุดบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขาตาไม่กะพริบ
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฎภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดสองชุด ชุดที่หนึ่งเป็นภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกจากมุมสูง คุณนายเฉียวกำลังเดินอย่างสบายอารมณ์ ดูจากเวลาแล้วเป็นช่วงที่เธอเดินไปยังซูเปอร์มาร์เก็ต เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นท่าทางเธอปกติดี
ภาพอีกชุดเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เลือนรางมาก เธอวิ่งผ่านกล้องวงจรปิดอย่างรวดเร็ว จากนั้นหายเข้าไปในถนนที่มีรถราวิ่งขวักไขว่
เฉียวซือมู่ชักหัวคิ้วชนกันแน่น “ย้อนกลับไปอีกหน่อยได้ไหมคะ?”
จิ้นหยวนย้อนภาพตามที่เธอขอร้อง เขาย้อนกลับไปตรงที่เห็นคุณนายเฉียวปรากฎอยู่ตรงกรอบภาพพอดี เธอตั้งใจดูอย่างละเอียด พยายามค้นหาว่าเหตุใดคุณแม่จึงรีบร้อนขนาดนั้น เธอจ้องอยู่ตั้งนานแต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดสังเกตสักอย่าง
เธอหันไปมองจิ้นหยวนอย่างต้องการความช่วยเหลือ “คุณช่วยดูหน่อยสิคะว่าทำไมคุณแม่ถึงรีบร้อนขนาดนั้น?”
จิ้นหยวนสังเกตดูภาพนั้นนานแล้ว เขาเอ่ยอย่างใช้ความคิด “บางทีท่านอาจจะเห็นคนรู้จักเข้าถึงได้เป็นแบบนั้นก็ได้ แต่ในภาพก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ มีคนผ่านไปมาแค่ไม่กี่คนเอง”
“แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้ท่านต้องทำอย่างนั้นนี่คะ?”
“อาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ได้ เพียงแต่มุมกล้องทำให้จับภาพไม่ได้ คุณก็รู้นี่ว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้” เขายังคงจับสังเกตภาพจากกล้องวงจรปิด และได้ข้อสรุปออกมาเช่นนี้
เธอรู้สึกท้อแท้มาก ที่แท้ก็ดีใจเสียเปล่าอย่างนั้นเหรอ?
ตอนที่ 289 แกะรอยต่อ
“มันคงไม่ได้แย่อย่างที่คุณคิดหรอก อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าคุณป้าเป็นคนออกไปเอง และมีความเป็นไปได้สูงที่ท่านจะเจอคนรู้จัก อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าท่านน่าจะปลอดภัย” เขามองดูภาพกล้องวงจรปิดพลางเอ่ยพลาง
“จริงเหรอคะ? แต่ว่า…” เธอมองจิ้นหยวน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความร้อนใจ “คุณพูดจริงเหรอคะ? ท่านจะปลอดภัยใช่ไหมคะ?”
จิ้นหยวนถอนหายใจพลางรั้งตัวเธอเข้าไปกอด เอ่ยเสียงแผ่วข้างหูเธอ “ใช่ คุณต้องเชื่อผมนะ รเข้าใจไหม?”
เธอซบหน้าลงกับแผงอกกว้างของเขาแล้วพยักหน้าเบาๆ
จิ้นหยวนสั่งให้ลูกน้องควานหาตัวคนที่คุณนายเฉียววิ่งตามไปคนนั้นออกมาให้ได้ งานครั้งนี้ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก เพราะอย่างน้อยตอนที่ตามหาคุณนายเฉียวพวกเขายังมีรูปถ่ายของเธอให้ดู แต่ตอนนี้ต้องตามล่าหาตัวผู้ต้องสงสัยจากภาพมุมกล้องที่มีอยู่ จึงเป็นงานที่ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก
ด้วยเหตุนี้ คราวนี้พวกเขาจึงยังไม่ได้รับรายงานจากลูกน้องเสียที ระหว่างรอข่าว สภาพจิตใจของเฉียวซือมู่ยังคงแย่เหมือนเดิม แต่เธอไม่ได้ดูลนลานมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว อย่างน้อยเธอก็มีสติพอที่จะถามจิ้นหยวน “จริงสิ คุณแม่คุณเป็นยังไงบ้างคะ?”
จิ้นหยวนมองเธอแวบหนึ่งแล้ววางโจ๊กลงตรงหน้าเธอ “กินอะไรหน่อยนะ เดี๋ยวคุณก็ล้มป่วยก่อนหาคุณแม่คุณเจอหรอก”
เขามองดูเธอกินโจ๊กตามที่เขาบอกแล้วจึงเอ่ยขึ้น “คุณแม่ไม่ได้เป็นอะไร อายุมากแล้วก็เป็นแบบนี้แหละ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
เธอคิดถึงเรื่องของคุณแม่ตัวเองแล้วทำให้เข้าใจจิ้นหยวนมากขึ้น จึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก “คุณป้าล้มป่วยเพราะฉัน คราวหน้าฉันจะไปขอโทษท่านค่ะ”
นี่ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เธอยอมทำเพื่อจิ้นหยวนต่างหาก คนทุกคนมีจุดอ่อนของตัวเอง และจุดอ่อนของจิ้นหยวนก็คือคุณพ่อคุณแม่ของเขา และจุดอ่อนของเธอก็คือคุณแม่เช่นเดียวกัน
จิ้นหยวนยิ้มบางๆ “ยัยโง่ คุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ทำไมต้องขอโทษด้วย? ท่านก็เป็นคนแข็งๆ แบบนี้แหละ ใครพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ คุณไม่ต้องสนใจหรอก ดูแลตัวเองให้ดีดีกว่า”
เธอพยักหน้า รู้สึกอบอุ่นหัวใจ “ขอบคุณค่ะ”
เรื่องระหว่างเธอกับคุณแม่ของเขา เขาเลือกที่จะยืนอยู่ข้างเธอเสมอ นั่นทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
บรรยากาศมื้อค่ำทั้งอบอุ่นทั้งสวยงาม แม้เธอจะไม่อยากอาหารเลย แต่ก็ยังพยายามกินให้มากเข้าไว้ เขาพูดถูก เธอจะล้มลงก่อนเจอตัวคุณแม่ไม่ได้
ในที่สุด พวกเธอก็ได้รับข่าวดีในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอเพิ่งตื่นนอนพลันเห็นจิ้นหยวนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ จากนั้นเขาหมุนตัวกลับมาเอ่ยกับเธอด้วยความดีใจ “คุณป้ากลับบ้านแล้ว”
“อะไรนะคะ!” เธอเพิ่งตื่นนอนก็ได้รับข่าวใหญ่มากขนาดนี้ ทำให้เธอมึนงงจนต้องคว้าจับแขนเขาเอาไว้ “คุณพูดว่าอะไรนะคะ?”
“ผมบอกว่า คุณป้ากลับบ้านแล้ว ลูกน้องที่เฝ้าอยู่ที่บ้านคุณป้าเห็นเองกับตา” จิ้นหยวนพูดชัดถ้อยชัดคำทีละคำๆ
เธอคลายมือออกด้วยความงงงัน ร่างกายโงนเงน เธอดีใจมากจนแทบจะเป็นลม “คุณแม่กลับมาแล้ว เป็นข่าวดีมากจริงๆ”
คุณแม่ปลอดภัย ดีเหลือเกิน สวรรค์คุ้มครองจริงๆ
ชั่ววินาทีนั้น คนที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริงอย่างเธอยังต้องขอบคุณสวรรค์ เธอหมุนตัวจะไปเปิดประตู “ฉันจะไปหาคุณแม่เดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
แต่เธอกลับถูกจิ้นหยวนคว้าจับตัวหมับก่อนที่จะทันได้เปิดประตูออก