เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 306 รับปาก / ตอนที่ 307 เห็นเข้าโดยบังเอิญ
ตอนที่ 306 รับปาก
เฉียวซือมู่เม้มริมฝีปากแน่น พิจารณาคำขอร้องนั้นไปมาหลายตลบ ในที่สุดเธอก็พยักหน้าช้าๆ “ค่ะ หนูรับปาก”
เวินเยวี่ยฉิงถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก เผยรอยยิ้มโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก
เฉียวซือมู่มองหน้าเวินเยวี่ยฉิงด้วยความรู้สึกสับสนปนเปยากจะอธิบาย
ตั้งแต่คุณแม่ฟื้นเธอก็อยู่กับคุณแม่ตลอด เธอไม่เคยเห็นคุณแม่เอ่ยถึงคุณพ่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอคิดว่าคุณแม่สิ้นเยื่อขาดใยกับคุณพ่อเช่นเดียวกันกับเธอ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะเข้าใจผิดทั้งหมด คุณแม่ไม่เพียงไม่คิดแบบเดียวกับเธอ แต่ยังมีตัดใจจากคุณพ่อไม่ได้อีกต่างหาก
นั่นทำให้เธอประหลาดใจมาก และยังรู้สึกไม่ได้ดั่งใจอีกด้วย บางทีอาจเป็นเพราะอายุที่แตกต่างกันก็ได้ เธอจึงไม่เข้าใจความรักไร้เงื่อนไขที่คุณแม่มีต่อคุณพ่อ และเธอก็ไม่อยากจะเข้าใจด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้ก็คือ ในฐานะลูกสาว เธอจะต้องเรียนรู้ที่จะปกป้องคุณแม่ให้ได้
ดังนั้น หลังจากรับปากคุณแม่แล้วจึงเอ่ยขึ้นทันที “หนูรับปากคุณแม่ แต่คุณแม่ก็ต้องรับปากหนูเรื่องหนึ่งด้วย”
“เรื่องอะไร? พูดมาเถอะ” เวินเยวี่ยฉิงสีหน้าผ่อนคลายมาก
“คุณแม่ต้องรับปากหนูว่าต่อไปจะไม่พบหน้าคุณพ่ออีก ได้ไหมคะ?” เฉียวซือมู่จ้องเธอนิ่ง
เวินเยวี่ยฉิงชะงักนิ่งอึ้ง หน้าเกร็งขึ้นมาทันที “ลูกคนนี้นี่ พูดอะไรเหลวไหล แม่จะไปพบเขาอีกได้ยังไง?”
“งั้นก็ดีค่ะ คุณแม่รับปากหนูแล้วนะคะว่าจะไม่พบคุณพ่ออีก นะคะ”
“ลูกคนนี้นี่… ก็ได้ แม่รับปาก ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่ก็จะไม่พบเขาอีก พอใจหรือยัง?” เวินเยวี่ยฉิงถูกบีบจนต้องยอมรับปาก
เฉียวซือมู่พอใจกับคำตอบของเธอ
แม้เวินเยวี่ยฉิงจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่เธอก็รู้ว่าเป็นเพราะลูกสาวหวังดีกับตัวเอง จึงไม่ได้ยึกยักนานนัก ไม่นานเธอก็บอกที่อยู่ของเฉียวจื่อจี้ให้เธอรู้
เฉียวซือมู่ตัดสินใจไปพบเฉียวจื่อจี้พรุ่งนี้ จะได้จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด
หลังกลับออกจากบ้านของเวินเยวี่ยฉิงแล้ว เฉียวซือมู่ดูเวลาเห็นว่าเพิ่งจะบ่ายสองโมงกว่าๆ จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในสมอง เธอคบกับจิ้นหยวนตั้งนาน แต่ไม่ค่อยได้ไปที่บริษัทของเขาเลย ตอนนี้เธอว่างพอดี ไปหาเขาที่บริษัทดีกว่า
คิดปุ๊บทำปั๊บ เธอโบกมือเรียกรถแท็กซี่ จากนั้นตรงไปยังบริษัทจิ้นซื่อ กรุ๊ป ทันที
เธออยากจะคุยความในใจกับจิ้นหยวนด้วย ความคิดของคุณแม่ทำให้เธอไม่สบายใจมาก จึงอยากหาใครสักคนระบายความอัดอั้นตันใจของตัวเอง
เธอนั่งรถแท็กซี่ไปถึงหน้าบริษัท จากนั้นเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แจ้งจุดประสงค์กับประชาสัมพันธ์สาวหน้าตายิ้มแย้มว่าเธอต้องการพบจิ้นหยวน แต่กลับเห็นประชาสัมพันธ์สาวคนนั้นมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด
เธอชะงักเล็กน้อย “มีอะไรหรือเปล่าคะ?” หรือว่าเธอแต่งตัวดูดีไม่พอ? ไม่สิ วันนี้เธอก็สวมชุดกระโปรงยาวตัวสวย ไม่เห็นจะเสียมารยาทตรงไหนนี่นา
ประชาสัมพันธ์สาวกวาดสายตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แม้ใบหน้าเธอจะยิ้มแย้ม แต่สายตากลับฉายแววดูถูกดูแคลน “ขอโทษด้วยนะคะ คุณผู้หญิงท่านนี้มาขอพบท่านประธาน ไม่ทราบว่านัดล่วงหน้าไว้หรือเปล่าคะ?” ดูก็รู้แล้วว่าไม่ได้นัดเอาไว้แน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่มาถามตรงนี้หรอก
เธอถามแบบนั้นเพราะตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายอับอายขายหน้า และเป็นไปตามคาด ทันทีที่เธอถามออกไป อีกฝ่ายก็หน้าแดงทันที
เฉียวซือมู่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตำแหน่งอย่างจิ้นหยวนใน จิ้นซื่อ กรุ๊ป นั้นใช่ว่าใครๆ ก็สามารถพบเขาได้ง่ายๆ
เธอต้องล้มเลิกความคิดที่จะมาเซอร์ไพรส์เขาทันที เธอหมุนตัวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ไหนๆ ก็พบหน้ายากขนาดนี้แล้ว ถ้าเช่นนั้นก็โทรศัพท์หาเขาโดยตรงเลยดีกว่า
ประชาสัมพันธ์สาวเห็นท่าทางเหมือนเธอจะยอมแพ้แล้วจึงเบ้ปากน้อยๆ คิดว่าหน้าตาสวยแล้วจะพบท่านประธานจิ้นได้ง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ? ฝันหวานเกินไปแล้วมั้ง
ตอนที่ 307 เห็นเข้าโดยบังเอิญ
ในเวลาเดียวกัน ประตูลิฟท์ที่อยู่ส่วนด้านในสุดเปิดออก ชายหนุ่มหญิงสาวในชุดสูทเดินออกมาจากลิฟท์ และคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้าสุดก็คือจิ้นหยวน
เฉียวซือมู่เห็นเขาเดินออกมาพอดี เธอดีใจมาก กำลังจะอ้าปากเรียกเขา ทันใดนั้น เธอเหลือบไปเห็นหญิงสาวคุ้นหน้าคนหนึ่งกำลังเดินคุยอย่างสนิทสนมอยู่ข้างเขา จิ้นหยวนตอบเธอด้วยรอยยิ้ม ภาพหนุ่มหล่อสาวสวยดูเหมาะสมกันมาก และดูจากท่าทางและสายตาของคนที่เดินตามหลังออกมาแล้ว ดูเหมือนว่าภาพแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรไป พอเห็นภาพนั้นแล้วเธอก็ตะลึงนิ่งอึ้ง ชื่อของจิ้นหยวนติดอยู่ที่ปาก นานสองนานเธอก็เปล่งมันออกมาไม่ได้เสียที
แม้เธอจะเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นเพียงแค่ครึ่งเดียว แต่เธอจำได้ทันทีว่านั่นคือเจียงจื่อเสียนที่ฉินเพ่ยหรงพยายามจับคู่ให้จิ้นหยวน
ตอนแรกเธอคิดว่าหลังจากคืนนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พบหน้ากันอีก เพราะจิ้นหยวนไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย แต่ดูจากท่าทางของพวกเขาตอนนี้แล้ว ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเสียแล้ว
เจียงจื่อเสียนอยู่ใกล้เขาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาสองคนทำงานด้วยกันนานหรือยัง? ทำไมท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมกันขนาดนั้น แต่กลับไม่มีใครเห็นว่าผิดปกติสักคน หรือว่าพวกเขา…
ยิ่งคิดยิ่งเจ็บช้ำ ขณะเดียวกัน สองสาวประชาสัมพันธ์หน้ายิ้มแต่อวดดีกระซิบกระซาบกัน “เธอดูสิ นั่นว่าที่ภรรยาของท่านประธานที่เขาลือกันน่ะ”
“จริงเหรอ? ไหนดูซิ สวยมากเลยเนอะ…”
“ใช่ ฉันว่าแล้วเชียว ท่านประธานจิ้นรูปหล่อมากขนาดนั้น ก็คงมีแต่คุณเจียงล่ะมั้งที่คู่ควรกับท่านประธาน เธอดูเขาสองคนยืนคู่กันสิ โห ใครๆ ก็คงคิดเหมือนกันว่าเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมกัน…”
“ใช่ ใช่… เหมือนดาราหนังเลยเนอะ…”
“ดูดีมากเลยเนอะ…”
เสียงซุบซิบแต่ละประโยคดังลอยเข้าหูเฉียวซือมู่โดยไม่คิดจะปิดบัง ทำให้หัวใจเธอหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนรอยยิ้มอันตรธานหายไปจากใบหน้าจนสิ้น
ดูเหมือนจิ้นหยวนจะรีบมาก เขาเดินไปจนถึงหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ถึงสังเกตเห็นว่ามีคนยืนอยู่เบื้องหน้าตนเอง เขาชายตาขึ้นมองเห็นเฉียวซือมู่ยืนอยู่ตรงหน้าจึงเรียกเธอด้วยความประหลาดใจ “มู่มู่ คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
เฉียวซือมู่ฝืนยิ้ม “ฉันว่างพอดีก็เลยแวะมาหาคุณน่ะค่ะ”
แม้เธอจะพยายามสะกดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้แล้ว แต่ก็อดแขวะไม่ได้ “ดูคุณมีความสุขดีนะคะ” มีสาวสวยอยู่ข้างกายคงมีความสุขมากเลยสินะ
ดูเหมือนจิ้นหยวนจะฟังไม่ออกว่าเธอกำลังหึง เขายื่นมือออกไปจับมือเธอเอาไว้ ทำให้สองสาวประชาสัมพันธ์ที่มองทั้งคู่อยู่ทางด้านหลังถึงกับตาแทบถลนจนเกือบจะหลุดออกจากเบ้า
“คุณกินข้าวหรือยัง? ทำไมดูคุณอารมณ์ไม่ดีเลยล่ะ หรือว่าโกรธที่ผมไม่เห็นคุณ? ขอโทษนะ เมื่อกี้ผมกำลังเพลินน่ะ” เขาคุยจ้อพลางเดินจูงมือเธอไปขึ้นลิฟท์พลาง ทิ้งกลุ่มคนที่ตามมาด้วยให้ยืนอึ้งอยู่ข้างหลัง
“ท่านประธานจิ้น…” ลูกน้องที่เห็นพวกเขากำลังจะเดินเข้าลิฟท์รีบเรียกเขาเอาไว้ด้วยสีหน้าอยากร้องไห้ “เราต้องไปประชุมนะครับ…”
จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้วชนกัน หมุนตัวกลับไปเอ่ยกับลูกน้องคนนั้น “นายประชุมแทนฉันก็แล้วกัน”
ลูกน้องของเขาต่างพากันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ในที่สุด ชายคนหนึ่งที่ใจกล้าที่สุดก็เอ่ย่ขึ้น “แต่ว่านี่เป็นการประชุมระหว่างประเทศนะครับ ที่สำคัญ ท่านประธานลอเรนซ์เป็นประธานการประชุมครั้งนี้ด้วย ถ้าเขาไม่เห็นท่านประธานล่ะก็…”
จิ้นหยวนหยุดฝีเท้า เขาสูดหายใจลึกแล้วหันไปเอ่ยกับเฉียวซือมู่ “ที่รัก คุณไปรอผมที่ห้องทำงานก่อนนะ ผมขอไปประชุมแป๊บเดียวแล้วจะรีบกลับมาหาคุณทันที นะครับ?”